Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1376 ข้านี่แหละ

ตอนที่ 1376 ข้านี่แหละ

นครต้องห้าม รัตติกาลราวกับภาพวาด

ยอดเขาบ่อหยก

ที่นี่คืออาณาเขตของตระกูลจั่วที่เป็นหนึ่งในเจ็ดตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงของจักรวรรดิ ภายใต้ท้องฟ้ารัตติกาล ยอดเขานี้ราวกับหิมะ แสงไฟส่องสว่าง

โถงประชุมบนยอดเขา บุคคลชั้นสูงมากมายของตระกูลจั่วรวมตัวกันดื่มเหล้าอย่างเบิกบาน พูดคุยอย่างออกรส

“หลังจากคืนนี้ตระกูลหลินมีเพียงผลลัพธ์เดียว หากไม่ถูกมองว่ามีโทษขายชาติจนตระกูลสิ้น ก็ต้องยอมรับข้อเสนอของพวกเรา ยกภูเขาชำระจิตให้ แล้วไสหัวออกจากนครต้องห้าม เนรเทศไปสังหารศัตรูไถ่โทษที่ชายแดนจักรวรรดิ”

ผู้อาวุโสใหญ่ตระกูลจั่ว จั่วปู้กู่ชูจอกหัวเราะลั่น ย่ามใจเต็มเปี่ยม

“เฮอะ หวนคิดถึงตอนนั้น เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคนหนึ่งของตระกูลหลินก่อกวนคลื่นลมในนครต้องห้าม ทำให้ตระกูลชั้นสูงอย่างพวกเราสะบักสะบอม ทำได้เพียงอดทนอดกลั้น ตอนนี้ล่ะ เจ้าเด็กนั่นเกรงว่าคงตายในดินแดนรกร้างโบราณไปนานแล้ว!”

“นี่ก็คือจุดจบของการเป็นศัตรูกับพวกเรา!”

ทันใดนั้นในโถงพลันมีเสียงเบิกบานยินดีดังขึ้น ทุกคนล้วนเผยรอยยิ้มย่ามใจราวกับได้แก้แค้นแล้ว

“หากตระกูลหลินรับปากจะยกภูเขาชำระจิตให้ ส่งกองกำลังในตระกูลไปฆ่าศัตรูที่ชายแดน คงจะเกิดการเปลี่ยนแปลงไม่น้อย ถึงอย่างไรถอนหญ้าไม่ถอนโคน ปัญหาย่อมไม่รู้จบ”

มีคนกล่าวเสียงขรึม

“เหอะๆ ไม่ต้องเป็นห่วง”

ผู้นำตระกูลจั่ว จั่วเวยไห่เผยรอยยิ้มบางๆ “ในสนามรบชายแดนก็มีทัพใหญ่ตระกูลจั่วของเราอยู่ ขอเพียงแค่คำสั่งแผ่นเดียว ให้พวกเขาเป็นตัวรับกระสุน ก็เพียงพอที่จะกำจัดพลังทั้งหมดของตระกูลหลินแล้ว”

เสียงหัวเราะพลันดังขึ้นในโถง

ในเวลาเดียวกันใต้ยอดเขาบ่อหยก

เงาร่างของหลินสวินลอยมาถึง สายตาเพียงกวาดมอง ก็ดูออกว่าทั้งบนล่างของยอดเขาบ่อหยกแห่งนี้ถูกปกคลุมด้วยพลังกระบวนผนึกมรรคราชันอันน่าเกรงขามชั้นหนึ่ง

“เจ้าคงไม่คิดจะบุกสังหารตระกูลจั่วของข้าเพียงลำพังหรอกกระมัง”

จั่วเหวินคุนเบิกตาโพลง

“ทำไมจะไม่ได้”

หลินสวินพูดเรียบๆ

“นี่เจ้ากำลังรนหาที่ตาย! ไม่รู้จักประเมินตน!”

จั่วเหวินคุนโกรธจัดจนหัวเราะออกมา เขารู้สึกเหลวไหลมาก ขนาดนี้แล้วยังมีคนกล้าทำเช่นนี้อีกหรือ

“คอยดูอยู่เฉยๆ เถอะ หลังจากคืนนี้ ชื่อของตระกูลจั่ว… จะหายไปจากนครต้องห้าม”

หลินสวินพูดทิ้งท้ายเอาไว้เบาๆ แล้วตรงขึ้นเขาไป

ส่วนจั่วเหวินคุนถูกกำราบให้คุกเข่ากับพื้น ไม่สามารถขยับตัวได้ ทำได้เพียงมอง แม้แต่พูดยังพูดไม่ออก

‘รนหาที่ตาย!’

จั่วเหวินคุนยิ้มเยาะ ในแววตาเต็มไปด้วยความชิงชังไร้สิ้นสุด เขาไม่เชื่อหรอกว่าคนหนุ่มที่กลับมาอีกครั้งหลังจากไปสิบกว่าปี จะสามารถสะเทือนตระกูลจั่วที่ยิ่งใหญ่ได้

เพียงแต่ครู่ต่อมาเขาพลันอึ้งงันอยู่ตรงนั้น

กระบวนผนึกมรรคราชันที่ปกคลุมอยู่ทั้งบนล่างยอดเขาบ่อหยกน่ากลัวแค่ไหน เพียงพอที่จะสังหารสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันได้อย่างง่ายดาย แต่หลินสวินกลับไม่เคยถูกขวางกั้น ราวกับเข้าสู่ดินแดนที่ไร้มนุษย์!

‘นี่…’

จั่วเหวินคุนในใจสั่นไหว เกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดี ร่างกายสั่นเทิ้มขึ้นมาระลอกหนึ่ง

“บังอาจ! เจ้าเป็นใคร ถึงกับกล้าบุกรุกอาณาเขตตระกูลจั่วของข้าโดยพลการ!”

ทันทีที่ขึ้นเขาก็มีคนสังเกตเห็นเงาร่างของหลินสวิน นั่นเป็นผู้คุ้มกันกลุ่มหนึ่ง แต่ละคนดุดันราวกับหมาป่าไม่ต่างจากเสือ พุ่งสังหารเข้ามา

พรวดๆๆ!

แต่ไม่รอเข้ามาใกล้ ร่างกายของพวกเขาก็แตกออกทีละคน ฝนเลือดสาดกระเซ็นราวกับน้ำตก

ส่วนหลินสวินขึ้นเขาต่อโดยไม่มองด้วยซ้ำ

เขาในชุดสีขาวพระจันทร์สีหน้านิ่งเฉย ราวกับนักท่องเที่ยวปีนเขา เอามือไพล่หลัง ก้าวเดินอย่างผ่อนคลาย

มีเพียงในดวงตาดำที่มองเห็นไอสังหารพลุ่งพล่านราวกับมหาสมุทรอยู่รางๆ

ใต้แสงไฟในรัตติกาล สามารถมองเห็นสิ่งก่อสร้างเก่าแก่งดงามมากมายเรียงตัวกันเป็นคลื่นบนยอดเขาบ่อหยกอันยิ่งใหญ่

“รนหาที่ตาย คนบ้าที่ไหนกล้ามารนหาที่ตายในตระกูลจั่วของข้า!?”

“เร็ว มีศัตรูภายนอกบุกรุก!”

เสียงตะโกนดังขึ้นเป็นระลอกๆ กองกำลังผู้คุ้มกันตระกูลจั่วที่ประจำการอยู่ทั่วทั้งยอดเขาบ่อหยกเริ่มเคลื่อนไหวราวกับกระแสน้ำ

แต่ละคนไอสังหารพวยพุ่ง เดือดดาลอย่างที่สุด

หลินสวินไม่ได้อำพรางเงาร่าง และไม่มีความจำเป็นเลยจริงๆ

เพียงแต่ตอนที่เหล่าผู้แข็งแกร่งตระกูลจั่วเห็นว่า เป็นเพียงชายหนุ่มคนหนึ่งที่ขึ้นยอดเขาบ่อหยกก็อดตะลึงไม่ได้ แทบไม่กล้าเชื่อ

ในนครต้องห้าม ยังมีคนกล้าบุกมาในตระกูลจั่วของพวกเขางั้นหรือ

“หยุด!”

มีคนตะคอก

หลินสวินราวกับไม่รู้ตัว เพียงแต่ร่างของคนที่ตะโกนกลับระเบิดเป็นเสี่ยงในชั่วพริบตานี้ ราวกับของเปราะบางชิ้นหนึ่ง เลือดสดสาดเต็มพื้น

ภาพที่แปลกประหลาดและนองเลือดนี้ทำให้สีหน้าของเหล่าผู้แข็งแกร่งตระกูลจั่วเปลี่ยนไป

“รีบขวางเขาไว้!”

“ลงมือพร้อมกัน!”

ท่ามกลางเสียงตะโกนเดือดดาล ผู้แข็งแกร่งตระกูลจั่วเหล่านั้นโจมตีมาจากแปดทิศสี่ด้านดุจกระแสธาร แต่ละคนเรียกสมบัติออกมา กระตุ้นวิชามรรค

ทว่าตั้งแต่ต้นจนจบหลินสวินไม่เคยหยุดฝีเท้า เดินหน้าอย่างต่อเนื่อง การก้าวเดินที่ดูเหมือนเนิบช้า ความจริงนั้นว่องไวอย่างที่สุด

และระหว่างนี้ทุกการโจมตีที่พุ่งเข้ามาล้วนถูกทำลาย

วิชามรรคทุกวิชาที่จู่โจมเข้าใส่ล้วนถูกสลาย

ชีวิตของคนที่ลงมือทุกคน ล้วนถูกสังหาร!

ส่วนหลินสวินบริสุทธิ์เหนือมลทิน ก้าวเดินอยู่ท่ามกลางการเข่นฆ่านองเลือด แต่กลับเหมือนเดินอยู่บนพื้นเรียบ

ฟุ่บๆๆ!

ผู้แข็งแกร่งกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าของตระกูลจั่วพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว แต่กลับเหมือนกุยช่ายต้นแล้วเล่า ล้มพรวดลงพื้น

ร่างของพวกเขาแตกออก เหมือนดอกไม้ไฟที่เบ่งบานลูกแล้วลูกเล่า ปูทางสีเลือดอันงดงามแต่น่าสยดสยองเส้นหนึ่งด้านหลังหลินสวิน

ตั้งแต่ต้นจนจบหลินสวินไม่เคยขยับมือสักนิด

ด้วยศักยภาพของเขาในตอนนี้ เพียงแค่เผยไอสังหารส่วนหนึ่งก็เพียงพอจะบดขยี้ผู้ฝึกปราณทั้งห้าระดับใหญ่ทุกคนได้อย่างง่ายดาย

แม้เป็นระดับอริยะ ก็ยังสะท้านไหวอย่างถึงที่สุด จิตต่อสู้ถูกโจมตี!

อีกอย่างขยะที่อ่อนแอจนแม้แต่การโจมตีเดียวยังต้านทานไม่ได้พวกนี้ ไม่ควรค่าให้หลินสวินลงมือด้วยอย่างแท้จริง

เหล่าผู้แข็งแกร่งตระกูลจั่วค่อยๆ ตระหนักได้ถึงความผิดปกติ ต่างส่งเสียงร้องโหวกเหวกอย่างตกใจ หนีด้วยความหวาดกลัว เริ่มร้องขอความช่วยเหลือ

ชายหนุ่มคนนั้นแม้จะมาคนเดียว แต่กลับเหมือนเทพมารที่น่ากลัวองค์หนึ่ง ตลอดทางที่เดินมา เด็ดชีวิตมาตลอดทางโดยไม่สามารถขวางกั้น น่ากลัวเกินไปแล้ว!

มองลงมาจากท้องฟ้าก็จะสังเกตเห็นว่า ด้านหลังหลินสวิน เส้นทางเลือดสายหนึ่งปูตรงไปยังยอดเขา…

ราวกับเส้นโลหิตที่วาดโดยพู่กันของเทพแห่งความตาย น่าสยดสยองนัก!

ปัง!

โถงประชุมบนยอดเขา ประตูใหญ่ที่ปิดอยู่ถูกกระแทกเปิด ผู้แข็งแกร่งตระกูลจั่วคนหนึ่งกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว “ผู้นำ แย่แล้ว มีศัตรูมาโจมตี!”

ในห้องโถงเหล่าเบื้องบนตระกูลจั่วอย่างพวกจั่วเวยไห่ จั่วปู้กู่ต่างขมวดคิ้ว บรรยากาศที่เดิมคึกคักก็ชะงักไป

พรวด!

ตอนนี้เองผู้แข็งแกร่งตระกูลจั่วที่กล่าวรายงานคนนั้นก็ตายกะทันหัน ร่างกายระเบิดออก

เดิมทีทุกคนต่างดื่มเหล้าพูดคุย บรรยากาศคึกคัก ล้วนมีความสุขอย่างที่สุด แต่จู่ๆ กลับเกิดภาพเช่นนี้ขึ้น สาวใช้บางส่วนในโถงจึงกรีดร้องด้วยความตกใจทันควัน

ส่วนเหล่าคนใหญ่คนโตตระกูลจั่วสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย บรรยากาศเปลี่ยนเป็นแปลกประหลาดและน่ากลัวขึ้นมา

พวกเขาเงยหน้าขึ้นมองไป ก็เห็นว่านอกโถงมีชายหนุ่มชุดขาวพระจันทร์คนหนึ่ง มาโดยลำพัง นัยน์ตาลึกล้ำราวกับหุบเหว

“เจ้าเป็นใคร”

มีคนถามเสียงขรึม

ชายหนุ่มแปลกหน้าคนหนึ่ง กลับปรากฏตัวขึ้นที่นี่กะทันหัน นี่เป็นเรื่องที่น่าตกใจอยู่แล้ว

ต้องรู้ว่าด้วยพลังป้องกันของตระกูลจั่วของพวกเขา หากไม่ได้รับอนุญาต สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันก็ก้าวเข้ามาไม่ได้แม้แต่ก้าวเดียว!

“ข้าเป็นใครไม่สำคัญ ที่สำคัญคือ หลังจากคืนนี้ชื่อตระกูลจั่วของพวกเจ้าจะหายไปจากนครต้องห้าม”

หลินสวินพูดเรียบๆ

คำพูดที่ราบเรียบนี้กลับทำให้พวกจั่วเวยไห่สีหน้าอึมครึมลง ตระกูลจั่วของพวกเขาเคยถูกข่มขู่เช่นนี้เมื่อไหร่กัน

ในจักรวรรดิอันกว้างใหญ่ไพศาล ยังมีใครกล้าข่มขู่เช่นนี้

“อวดดี!”

ทันใดนั้นมีคนโกรธจัดจนหัวเราะ เป็นคนสำคัญของตระกูลจั่วคนหนึ่ง

ดวงตาดำของหลินสวินมองไป ไอสังหารสายหนึ่งยิงพุ่งออกไปดุจกระบี่เทพคู่หนึ่ง สังหารจิตวิญญาณอีกฝ่ายผ่านอากาศ

เสียงพรวดดังขึ้น คนสำคัญของตระกูลจั่วคนนั้นเบิกตาโพลง ร่างกายทรุดล้มลงพื้น ลมหายใจดับสิ้น

ภาพที่น่ากลัวนี้ทำให้บรรยากาศในโถงเงียบกริบอย่างที่สุด คนใหญ่คนโตตระกูลจั่วทุกคนต่างสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก สั่นเทิ้มทั้งตัว ตกใจอย่างสิ้นเชิงแล้ว

คิดไม่ถึงเลยว่า ชายหนุ่มที่ปรากฏตัวอย่างกะทันหันคนนี้ถึงกับน่ากลัวขนาดนี้!

“เขา… เขาคือหลินสวิน!”

ทันใดนั้นมีคนกรีดร้อง
ไอรีนโนเวล
“หลินสวินหรือ”

ทุกคนอึ้ง หันไปมองหน้าตาหลินสวินอีกครั้ง การคาดเดาหนึ่งปรากฏขึ้นในหัวพวกเขา หลินสวินผู้นำตระกูลหลินแห่งภูเขาชำระจิตหรือ

ทันใดนั้นในโถงอันยิ่งใหญ่โอ่อ่า เหล่าคนสำคัญของตระกูลจั่วทั้งหมดต่างเผยสีหน้าตกใจ มองหลินสวินอย่างยากจะเชื่อ

พวกเขาจะลืมผู้นำภูเขาชำระจิตที่อำนาจทั่วนครหลวง ชื่อเสียงสะเทือนทั่วหล้าเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วได้อย่างไร

“เจ้ากลับมาได้อย่างไร”

จั่วเวยไห่สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก

คนอื่นๆ เองก็ท่าทางเหมือนเห็นผีอย่างไรอย่างนั้น

แน่นอนว่าสิ่งที่ทำให้พวกเขาใจสั่นคือ หลินสวินไม่เพียงกลับมาแล้ว ยังบุกสังหารมาถึงตระกูลจั่วของพวกเขาในคืนนี้!

นี่ทำให้พวกเขาต่างไม่อยากเชื่อ จากที่พวกเขารู้ ยามไปจากโลกชั้นล่าง หลินสวินเป็นเพียงแค่ผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะคนหนึ่งเท่านั้น

นี่เพิ่งจะผ่านไปสิบกว่าปีเท่านั้น เหตุใดเขาจึงแข็งแกร่งขึ้นขนาดนี้แล้ว

ทันใดนั้นแสงเทียนในห้องโถงส่ายไปมา บรรยากาศเงียบสงัด ทุกคนต่างประหลาดใจและหวาดกลัวไม่สามารถสงบได้

หลินสวินเดินเข้าห้องโถง ดึงเก้าอี้ตัวหนึ่งออกมานั่งลงสบายๆ สายตากวาดผ่านทุกคนแล้วเผยรอยยิ้มบางๆ “หากข้าไม่กลับมา จะรู้เรื่องงามๆ ที่พวกเจ้าตระกูลจั่วและตระกูลฉินทำได้อย่างไร”

เขาสุขุมเยือกเย็น ท่าทางสบายๆ ราวกับกลับถึงบ้านตัวเอง แต่เหล่าคนเบื้องสูงของตระกูลจั่วต่างไม่กล้าขยับตามใจแล้ว!

พวกเขามองไม่ออก

“เจ้ามาครั้งนี้ต้องการอะไร”

จั่วเวยไห่สูดหายใจเข้าลึกๆ คราหนึ่งให้ตัวเองสงบลง

นี่คืออาณาเขตของตระกูลจั่ว ตอนนี้กลับถูกชายหนุ่มคนหนึ่งบุกรุก วางอำนาจบาตรใหญ่ ทำให้เขาอึดอัดอย่างที่สุด

แต่พลังที่หลินสวินสำแดงออกมาแปลกประหลาดเกินไป ทำเอาเขาเองก็ไม่กล้าเคลื่อนไหวมั่วซั่ว

“ปีนั้นตอนที่ข้าเกิด ตระกูลหลินประสบเหตุการณ์นองเลือด ตั้งแต่ตอนนั้นตระกูลหลินกลายเป็นเหยื่อของคนบางกลุ่ม แตกความสามัคคี ตกต่ำไม่เหลือสภาพ หนึ่งในนั้นก็มีตระกูลจั่วของพวกเจ้า”

สายตาหลินสวินเย็นเยียบ “หลังจากนั้นไม่ใช่ง่ายๆ กว่าข้าจะยืนหยัดในนครต้องห้ามได้ กลับถูกกดข่มและเล่นงานอยู่หลายครั้ง ในนั้นก็มีตระกูลจั่วของพวกเจ้าเช่นกัน”

“และไม่กี่ปีมานี้ ตระกูลหลินของข้าถูกลอบทำร้ายอยู่บ่อยครั้ง ตกอยู่ท่ามกลางพายุ ถึงขั้นเสี่ยงจะถูกทำลายล้าง หนึ่งในนั้น ก็มีพวกเจ้าตระกูลจั่ว!”

จั่วเวยไห่แค่นเสียงเย็นเยียบ “นี่ก็คือพวกอ่อนแอเป็นเหยื่อของผู้แข็งแกร่ง แม้ตระกูลจั่วของข้าไม่ลงมือ ก็จะมีคนอื่นๆ ทำร้ายตระกูลหลินของพวกเจ้าอยู่ดี ”

หลินสวินพยักหน้า “ที่เจ้าพูดก็ไม่ผิด ผู้แข็งแกร่งที่สุดจึงจะอยู่รอด ดังนั้นวันนี้ข้ามาแล้ว อยากสะสางบัญชีนี้กับตระกูลจั่วของพวกเจ้าให้จบสิ้น”

“อย่างเจ้าเนี่ยนะ”

จั่วเวยไห่โกรธจนหน้าเขียว

“อย่างข้านี่แหละ”

คำสั้นๆ ไม่กี่คำ นิ่งสงบ เรียบง่าย ทรงพลัง

จากนั้นหลินสวินลุกขึ้นยืน

ชั่วขณะนี้อานุภาพที่น่ากลัวไร้ขอบเขตสายหนึ่งแพร่กระจายออกจากตัวหลินสวิน ราวกับมหาสมุทรปกคลุมฟ้าดิน ท่วมท้นทั้งห้องโถง

คนใหญ่คนโตทุกคนของตระกูลจั่วล้วนเหมือนถูกบีบคอ สีหน้าซีดเซียวราวกับตกสู่ถ้ำน้ำแข็ง

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท