บทที่ 231
อาจารย์เต้ากวงตบหลังลู่ฝาน แล้วพูดว่า “รีบขึ้นไป มีการเจรจากันแล้ว”
ลู่ฝานและคนอื่นพากันยิ้ม แล้วขึ้นไปบนหอคอยอีกครั้ง ท่านผอ.สะบัดมือ แล้วพูดกับนักเรียนยอดฝีมือคนอื่น “พวกนายเดินลงไปก่อน”
นักเรียนคนอื่นคำนับเป็นการตอบรับ เอี๋ยนชิงมีรอยยิ้มยียวน แอบคิดในใจว่าครั้งนี้อาจารย์เล่นงานคนคณะหนึ่งเดียวตายแน่
ดีเหมือนกัน ไอ้พวกคณะหนึ่งเดียว ต้องโดนสั่งสอนซะให้เข็ด
รอให้อาจารย์เล่นงานพวกเขาเสร็จ เขาจะไปหาเรื่องคณะหนึ่งเดียวโดยตรง
กลุ่มนักเรียนลงไป บนหอคอยเหลือเพียงพวกหานเฟิง
อาจเป็นเพราะการด่าของหานเฟิงเมื่อครู่ ทำให้นักเรียนคนอื่นด้านล่างโมโห เมื่อเห็นพวกหานเฟิงขึ้นไปบนหอคอยอีกครั้ง พวกนักเรียนพากันตะโกนอยู่ด้านล่าง
“ฆ่าพวกเขาเลย”
“ขยะคณะหนึ่งเดียว จำเอาไว้ให้ดี ต่อไปอย่าให้ฉันเจอพวกนายข้างนอกอีก”
“พวกเลวคณะหนึ่งเดียว ออกไปจากสถาบันสอนวิชาบู๊ซะ”
……
ท่านผอ.กวาดตามองทุกคน พูดอย่างดุดันว่า “เงียบ!”
เสียงตะโกนของนักเรียนเบาลงทันที ท่านผอ.ขมวดคิ้วเบาๆ นักเรียนยอดฝีมือพวกนี้ โดนคนด่าสองประโยค ก็โกรธจนเป็นแบบนี้ สภาพจิตใจยังไม่ดีพออย่างเห็นได้ชัด
ดูเหมือนต่อไปต้องอบรมสั่งสอนพวกนักเรียนธรรมดาให้ดีขึ้น สภาพจิตใจเป็นส่วนสำคัญมากในการฝึกบู๊
หันมามองพวกลู่ฝานยังเป็นปกติ ขนาดคนที่ก่นด่าอยู่นานอย่างหานเฟิง ยังมีสีหน้ายิ้มแย้ม
ท่านผอ.อดทอดถอนใจไม่ได้ นี่เป็นคนของคณะหนึ่งเดียว แต่ละคนหน้าด้านไม่ใช่ธรรมดา นิสัยก็เหมือนกันไม่มีผิด
อาจารย์อี้ชิงเดินมาข้างพวกหานเฟิง แล้วพูดเบาๆ ว่า “พวกนายฟังฉัน เคล็ดวิชาบู๊ระดับดินอะไรนั่น ใช้ได้ตามสบาย การแข่งขันครั้งนี้ ถ้าพวกนายแพ้สักรอบเดียว กลับไปฉันจะทำให้พวกนายรู้ว่า การฝึกฝนพิเศษเป็นอย่างไร”
เมื่อหานเฟิงได้ยินคำว่าฝึกพิเศษ ถึงกับสั่นไปทั้งตัว
ฉู่สิงกับฉู่เทียนยังดีหน่อย แต่สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
มีเพียงศิษย์พี่ใหญ่กับลู่ฝานที่สีหน้ายังนิ่ง แต่ศิษย์พี่ใหญ่ไม่กลัวการฝึกพิเศษ ส่วนลู่ฝานไม่รู้ว่าการฝึกพิเศษคืออะไร
อาจารย์ซิงยวนเดินขึ้นมา ชี้พวกนักเรียนคณะหยินหยาง แล้วพูดว่า “เหลิ่งหาน ฮวาหยู่ เถียนปู้ชิง จิ่วซาง อี้ว์หวา พวกนายขึ้นมา”
คนที่โดนซิงยวนเรียกชื่อ รีบขึ้นมาบนหอคอย
มีสองชื่อที่ลู่ฝานคุ้นหู เหลิ่งหานกับอี้ว์หวา เป็นคนที่แพ้คามือเขาไม่ใช่เหรอ
ทั้งห้าคนขึ้นมา อาจารย์ซิงยวนพูดอย่างเย็นชา “พวกนายห้าคนสู้กับนักเรียนห้าคนของคณะหนึ่งเดียว ให้พวกเขารู้ว่านักเรียนสถาบันสอนวิชาบู๊ ควรเป็นอย่างไร”
ทั้งห้าคนตอบรับเสียงดัง สามคนในนั้นสีหน้าดูหมิ่น แต่อีกสองคนเหงื่อไหลลงมาจากหน้าผาก
สองคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน คือเหลิ่งหานกับอี้ว์หวา ที่รู้พละกำลังแท้จริงของคณะหนึ่งเดียว
เมื่อพวกเขาเห็นใบหน้าลู่ฝาน ที่ทำให้พวกเขาจดจำฝังลึก อี้ว์หวาเริ่มมือสั่น เหลิ่งหานตาแดงก่ำ จ้องไปที่ลำคอของลู่ฝาน ตรงนั้นมีหยกแขวนจิตบู๊ของเขาอยู่
หานเฟิงหัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “ขยะพวกนี้ยังกล้าสู้กับเราเหรอ ศิษย์พี่ศิษย์น้องทุกคน เราเอายังไงดี”
ศิษย์พี่ใหญ่เงยหน้ามอง แล้วพูดว่า “ไม่มีสักคนที่ควรให้ฉันลงมือ หานเฟิง พวกนายจัดการละกัน ฉันลงไปนั่งละ”
ฉู่เทียนก็ส่ายหน้าเบาๆ “อืม ฉันก็ขี้เกียจลงมือ หานเฟิง ฉู่สิง ลู่ฝาน พวกนายจัดการเถอะ”
หานเฟิง ลู่ฝานและฉู่สิงมองหน้ากัน ต่างมีสีหน้าเหนื่อยใจ
หานเฟิงถอนหายใจ “เป็นศิษย์พี่นี่ดีจริงๆ เลย”