Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1388 พลังพลิกฟ้าดิน

ตอนที่ 1388 พลังพลิกฟ้าดิน

เงาเลือดพันจั้งถูกเพลิงปทุมเผาจนสลายไปสิ้น!

และไกลออกไป ธงเล็กสีเลือดสิบแปดธงที่อยู่ในการควบคุมของราชันอสูรมารสิบแปดตนก็แหลกละเอียดไปพร้อมกัน!

ตูม!

กลางฟ้าดินแสงพุทธไพศาล ไอกระหายเลือดชั่วร้ายถูกชะล้างออกไปจนหมด

“นี่เป็นไปไม่ได้!”

เมื่อเห็นภาพนี้เข้า ราชันอินทรีอสนีเขียวก็ตื่นตระหนกจนลูกตาแทบหลุดจากเบ้า ร้องเสียงหลงดังลั่น

ค่ายกลเงาโลหิตนรกเทพเป็นกระบวนค่ายกลใหญ่น่ากลัวที่สามารถสังหารผู้แข็งแกร่งระดับอมตะเคราะห์ด่านแปดได้ มีที่มาที่ไปน่าหวาดหวั่นถึงที่สุด

แต่ตอนนี้การโจมตีเดียวก็ตีพ่ายไป!

“ชายหนุ่มคนนั้นเป็นใคร”

ไม่เพียงแค่ราชันอินทรีอสนีเขียว ตอนนี้ราชันอสูรมารสิบแปดตนนั้นกับเหล่ากองทัพสัตว์อสูรมารที่อยู่ไกลออกไปต่างหวาดผวา จิตใจสั่นระรัว

เดิมทีด้วยการตีเมืองหมอกอำพรางแตก ทั้งมณฑลซีหนานแห่งจักรวรรดิก็จะถูกยึดครองโดยสมบูรณ์ ถูกพวกเขากองทัพสัตว์อสูรมารยึดครองอาณาเขต

หนำซ้ำก่อนหน้านี้พวกเขาใกล้จะทำสำเร็จแล้ว!

แต่ตอนนี้ เพียงเพราะการปรากฏตัวขึ้นของชายหนุ่มคนหนึ่งกลับทำให้สถานการณ์พลิกผันทันที

การโจมตีแรก ฟ้าดินรัศมีสามพันจั้งนองเลือดดั่งภาพวาด หมื่นอสูรวอดวาย

การโจมตีที่สอง เพลิงโทสะพุทธปทุมมาเยือนโลกา ส่องแสงยิ่งใหญ่ ทำลายกระบวนค่ายกลลงในคราวเดียว!

สถานการณ์พลิกผันจากจุดนี้!

ตอนนี้เหนือสนามรบกว้างใหญ่ไพศาลนั้นมีเพียงแสงพุทธสว่างไสว กลิ่นอายไพศาลธำรงชั่วนิรันดร์!

เหนือหอประตูเมือง พวกซ่งจวินกุยต่างอึ้งงันอยู่เช่นนั้น ในใจตื่นเต้นยิ่งนัก

อะไรคือทวยเทพ

พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ตอนนี้ในสายตาของพวกเขา ชายหนุ่มที่ยืนลำพังเบื้องหน้าหอประตูเมืองคนนั้นก็เป็นดั่งทวยเทพ!

ใกล้กับกำแพงเมือง พลทหารจักรวรรดิต่างสั่นสะท้าน

“ภัยพิบัติอสูรมารครั้งนี้… ควรสิ้นสุดลงแล้ว”

ดวงตาดำของหลินสวินลุ่มลึก ภาพที่เห็นระหว่างทางก่อนหน้านี้ภาพแล้วภาพเล่าอุบัติขึ้นในสมอง

ราษฎรในจักรวรรดิที่หลบหนีอย่างลนลานเหล่านั้น พลทหารจักรวรรดิที่เสียสละยอมตายเหล่านั้น เมืองใหญ่โตที่เหมือนถูกทิ้งร้างนั้น…

หลินสวินโกรธเข้าจริงๆ แล้ว

พอเสียงพูดเงียบลง เงาร่างของเขาก็ทะลวงอากาศขึ้นไป เบื้องหลังมีเจินหลงท่องไปเหนือฟ้าดารา ชูคอส่งเสียงคำราม แผ่พลานุภาพน่าหวาดหวั่นข่มสรรพชีวิต

สำหรับสิ่งมีชีวิตอย่างสัตว์อสูรมารแล้ว มังกรเจินหลงก็เป็นดั่งนักล่าที่อยู่ปลายยอด เจือกลิ่นอายควบคุมสรรพสัตว์ ผงาดผยองเหนือเหล่าอสูรมารแต่กำเนิด

และตอนนี้เมื่อออกเคลื่อนไหวไปกับหลินสวิน เหนือสนามรบอันใหญ่โต กองทัพอสูรมารจำนวนมหาศาลต่างรู้สึกถึงแรงกดดันจนหายใจไม่ออก

ในสายตาของพวกเขา หลินสวินที่โผล่มากลางอากาศไม่ใช่คนสักนิด แต่เป็นมังกรเจินหลงที่ทำได้ทุกอย่างตัวหนึ่ง เคลื่อนออกมาจากฟ้าดาราในวัฏจักรแล้วลงมาเยือนโลก!

ตูม!

ฟ้าดินถูกกลิ่นอายเจินหลงอันน่าหวาดหวั่นปกคลุม สุริยันจันทราอับแสง ดินทรายปลิวว่อน

สัตว์อสูรมารมากมายเพียงรู้สึกว่าสติแตกกระเจิง ส่งเสียงร้องโหยหวน กายอ่อนยวบลงไปตัวสั่นงันงกกับพื้น ปลุกความคิดจะต้านทานขึ้นมาไม่ได้สักนิด

ต่อให้มีพลังปราณแกร่งกล้าเหมือนราชันอินทรีอสนีเขียว ขณะนี้ยังสูดหายใจเย็นอย่างเลี่ยงไม่ได้ ตามข่าวที่เขารู้มา ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าในจักรวรรดิตอนนี้ถึงกับยังมีพวกร้ายกาจไร้เทียมทานเช่นนี้คนหนึ่ง

“เร็ว! ขวางเขาไว้!”

ราชันอินทรีอสนีเขียวคำรามคลั่ง

ไกลออกไปราชันอสูรมารสิบแปดตนก็รับรู้ได้ว่าสถานการณ์ไม่สู้ดี จึงสำแดงการโจมตีโดยไม่ลังเล แต่ละตนต่างพลังปราณน่ากลัวคับฟ้า

ใครก็รู้ดีว่าหากหลินสวินโจมตีเช่นนี้ต่อไป กองทัพสัตว์อสูรมารต้องแพ้แน่!

ตอนนี้แม้แต่ราชันอินทรีอสนีเขียวยังเริ่มสู้สุดชีวิต มันแปลงกายเป็นสายฟ้าไหววูบสีเขียวเจิดจ้าสายหนึ่งฉีกทึ้งห้วงอากาศ ยื่นกรงเล็บยักษ์ออกไปลอบโจมตีหลินสวินจากระยะไกล

ฉึบ!

ก็เห็นว่าหลินสวินไม่หลบไม่หนี ยื่นแขนออกมาข้างหนึ่ง ฝ่ามือมหึมามือหนึ่งก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ บังฟ้าเร้นตะวัน

ไม่ทันไรร่างใหญ่ยักษ์ของราชันอินทรีอสนีเขียวก็ถูกมือใหญ่จับไว้อย่างง่ายดายเหมือนคว้าใบไม้ร่วงสักใบ

“แย่แล้ว!”

ราชันอินทรีอสนีเขียววิญญาณแทบหลุดจากร่าง ตอนนี้มันถึงรู้ได้ทันทีว่าตนผิดตั้งแต่เริ่มแล้ว ความน่ากลัวในศักยภาพของชายหนุ่มผู้นั้น ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะเทียบได้เลย!

“โง่เง่า”

หลินสวินสีหน้าเย็นชา

เขาออกแรงที่นิ้วมือ

ปึง!

ตอนนี้ผู้ทรงพลังระดับอมตะเคราะห์ด่านสี่อย่างราชันอินทรีเขียวผู้นี้กลับเหมือนมดตัวหนึ่ง ถูกมือใหญ่บี้ตาย ฝนเลือดเทลงมาเหมือนน้ำตก

ก่อนตายมันยังไม่อาจเชื่อได้ ว่าแม้แต่ดิ้นรนต้านทานตนยังทำไม่ได้ได้อย่างไร!

“อะไรน่ะ”

เหนือหอประตูเมือง ผู้แข็งแกร่งแห่งจักรวรรดิทุกคนต่างตกตะลึงอ้าปากค้าง

สำหรับพวกเขาแล้ว ราชันอินทรีอสนีเขียวเรียกได้ว่าเป็นผู้ที่น่ากลัวไม่มีที่สิ้นสุดไปแล้ว พลังแข็งแกร่งจนไม่อาจจินตนาการได้

ทว่าตอนนี้ด้วยมือหลินสวิน เพียงชั่วพลิกฝ่ามือก็ถูกสังหาร!

แต่พวกเขาไม่รู้ว่า ถ้าไม่ห่วงว่าจะทำลายเมืองและภูผาธาราที่อยู่ใกล้เคียงไป หากลงมือเต็มกำลังด้วยพลังต่อสู้ของหลินสวิน ก็ไม่ต้องวุ่นวายขนาดนี้สักนิด

“ถอยเร็ว!”

ไกลออกไปพอได้เห็นสภาพน่าอนาถของราชันอินทรีอสนีเขียว ราชันอสูรมารสิบแปดตนต่างมือเท้าเย็นเฉียบ จะไม่รู้ได้อย่างไรว่าหากการต่อสู้นี้ดำเนินต่อไปอีกก็ไม่มีอะไรให้ลุ้นแล้ว

“หนี!”

“หนีสิ!”

กองทัพสัตว์อสูรมารพังทลายโดยสมบูรณ์แล้ว

คนผู้เดียวราวกับมังกรเจินหลงมาเยือนโลก กำราบสนามรบทั้งแถบ ท่วงท่าไร้ศัตรูใดต้านทานได้เช่นนั้น สามารถทำให้ไม่ว่าอสูรมารตนใดก็สติกระเจิงได้

เจ้าไม่เห็นหรอกหรือว่าราชันอินทรีอสนีเขียวถูกสังหารในชั่วพลิกฝ่ามือ

“กำราบ!”

ทันใดนั้นหลินสวินเปล่งเสียงธรรม ยื่นมือกดลงไป ประทับปี้อั้นสิบแปดอันก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ แต่ละอันราวกับภูเขาเทพร่วงหล่นลงมาจากสวรรค์

ปึง!

ราชันอสูรมารตนหนึ่งยังไม่ทันตอบสนองก็ถูกประทับปี้อั้นกระแทกร่างแหลก ส่งเสียงร้องโหยหวนน่าหดหู่หาใดเทียบ

ประทับปี้อั้นตกลงมาปกคลุมทั่วแปดทิศ ผนึกมั่นทุกหัวระแหง เต็มไปด้วยพลังกฎระเบียบของเจินหลง ราชันอสูรมารธรรมดาพวกนั้นจะต้านทานได้หรือ

ปึงๆๆ!

ต่อมาเสียงระเบิดแน่นขนัดก็ดังขึ้นกลางฟ้าดิน ระหว่างที่ดีดนิ้วสามครั้ง ราชันอสูรมารสิบแปดตนต่างถูกสังหารสิ้น

ระดับราชัน เป็นบุคคลผู้เป็นที่เคารพในสายตาของทุกคนในจักรวรรดิแล้ว

ขณะนี้พอราชันอสูรมารสิบแปดตนสิ้นชีพไป ฝั่งผู้แข็งแกร่งจักรวรรดิต่างก็นิ่งอึ้งโดยสมบูรณ์อยู่เช่นนั้น

ฆ่าราชันเหมือนเชือดไก่!

ฝีมือสังหารสูงส่งปานนี้ก็เหมือนรอยประทับที่ไม่อาจลบเลือนได้รอยหนึ่ง กลายเป็นความความทรงจำอันยากลืมเลือนชั่วนิรันดร์ของผู้แข็งแกร่งแห่งจักรวรรดิเหล่านี้ไปแล้ว ไอรีนโนเวล

ในสนามรบไกลออกไป หลินสวินเหมือนเสือในฝูงหมาป่า แข็งแกร่งจนหมื่นศัตรูต้านทานไม่อยู่

“หึ!”

เผชิญหน้ากับสัตว์อสูรมารราวมดปลวกเหล่านั้น หลินสวินคร้านจะไปโจมตี ทำเพียงร้องหึเบาๆ ครั้งหนึ่ง

พลังคลื่นเสียงไพศาลนั้นในชั่วพริบตาเดียวก็ม้วนตลบออกมา ซัดสาดไปทั่วสารทิศ ทำให้สัตว์อสูรมารตัวแล้วตัวเล่าต่างอกสั่นขวัญแขวน ร่างกายระเบิดแหลก

กลิ่นคาวเลือด เสียงคำรามรวดร้าว เสียงร้องโหยหวนตลบอบอวลกลางฟ้าดิน

“สหาย พวกเจ้ามาจากตระกูลหลินหรือ”

บนหอประตูเมือง ผู้บังคับการซ่งจวินกุยพลันเอ่ยถาม

หลินเสวี่ยเฟิงพยักหน้า

“คุณชายท่านนั้นหรือจะเป็น… ผู้นำตระกูลหลินของพวกเจ้า”

ซ่งจวินกุยเอ่ยถาม

หลินเสวี่ยเฟิงพยักหน้าอีกครั้ง

ซ่งจวินกุยไม่ถามอีกแล้ว แววตาเหม่อลอย “ที่แท้ก็เป็นเขา…”

เขาเข้าใจถ่องแท้แล้วว่าอีกฝ่ายเป็นใคร

คนผู้เดียวเหยียบย่ำขุมอำนาจตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงสองตระกูลได้ในคืนเดียว สังหารผู้นำตระกูลทรงอิทธิพลสิบเก้าคนหัวหลุดกระเด็น

นี่คือบุคคลผู้แห่งยุคที่ราวกับตำนานคนหนึ่ง!

ซ่งจวินกุยจะไม่รู้จักได้อย่างไร

ทุกคนที่อยู่ใกล้เคียงต่างก็จิตใจสั่นสะเทือน หลินสวิน! ชายหนุ่มคนนั้นก็คือหลินสวิน! มิน่า… มิน่าล่ะ!

ไม่เพียงแต่พวกเขา เหล่าลูกหลานตระกูลหลินอย่างพวกหลินเสวี่ยเฟิงเห็นเช่นนี้ยังจิตใจหวั่นไหว เลือดในกายสูบฉีดฮึกเหิม ตื่นเต้นจนคุมตัวเองไม่อยู่

เพราะว่าบุคคลในตำนานผู้นั้น คือผู้นำตระกูลของพวกเขา!

……

ในเวลาอันรวดเร็ว หลังจากสังหารราชันอินทรีอสนีเขียวกับราชันอสูรมารอีกสิบแปดตน เพียงชั่วกะพริบตาสิบครั้ง ศึกอันยิ่งใหญ่ครั้งนี้ก็ปิดฉากลง

หลินสวินคนเดียวใช้พลังกำราบกองทัพสัตว์อสูรมารนับหมื่น เข่นฆ่าจนฟ้าดินหม่นหมอง สุริยันจันทราอับแสง!

ยามเงาร่างของหลินสวินหันกลับมาจากสนามรบไกลลิบ เหนือฟ้าบนดินต่างเงียบสงัดไร้เสียง

ทุกคนล้วนเจือไปด้วยสีหน้าเคารพ คลั่งไคล้ และหวาดหวั่น ไม่มีถ้อยคำใดสามารถบรรยายจิตใจของพวกเขาในตอนนี้ได้แล้ว

กลางฟ้าดินเหลือเพียงความเงียบ

วันนี้ ตามบันทึกประวัติศาสตร์ของจักรวรรดิ ที่นอกเมืองหมอกอำพราง หลินสวินผู้นำตระกูลหลินสังหารเหล่าราชันอสูรมารอย่างเดือดดาลเพียงผู้เดียว ทำลายกองทัพสัตว์อสูรมารนับแสน ช่วยมณฑลหนึ่งท่ามกลางความทุกข์ยากมหันต์ ความรุ่งโรจน์แห่งอิทธิฤทธิ์สามารถสั่นสะเทือนฟ้าดิน!

……

ตำหนักเฉียนหยวนในวังหลวง นครต้องห้ามแห่งจักรวรรดิ

“องค์หญิง มณฑลซีหนานแห่งจักรวรรดิมีรายงานด่วนพ่ะย่ะค่ะ!”

ข่าวหนึ่งปรากฏขึ้นมาทันที ถูกจ้าวจิ่งเซวียนซึ่งเป็นผู้สำเร็จราชการกับเหล่าขุนนางในตำหนักล่วงรู้ ฉับพลันนั้นในตำหนักเฉียนหยวนก็ระส่ำระสายขึ้นระลอกหนึ่ง บรรยากาศกดดัน

เขตแดนหนึ่งมณฑลจะตกอยู่ใต้อาณัติของกองทัพสัตว์อสูรมารหรือ

“องค์หญิง ขอให้รวมกำลังพลในจักรวรรดิไปเป็นกำลังเสริมเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”

ทันใดนั้นขุนนางใหญ่หลายคนก็เอ่ยแนะนำ ดูวิตกกังวลนัก

ด้านหลังโต๊ะ จ้าวจิ่งเซวียนนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยว่า “กองหนุนยังไงก็ต้องส่งไปช่วย แต่เท่าที่ข้ารู้มา ผู้นำตระกูลหลินเดินทางไปสังหารอสูรมารที่มณฑลซีหนานแล้ว หากมีเขาอยู่ สถานการณ์อันตรายของมณฑลซีหนานอาจยังมีความเป็นไปได้ที่จะพลิกผัน”

เหล่าขุนนางได้ยินดังนี้ก็หมดคำพูดไปครู่หนึ่ง หลินสวินเพียงผู้เดียวจะเป็นคู่ต่อสู้ของกองทัพสัตว์อสูรมารหลายแสนตนกับเหล่าราชันอสูรมารได้อย่างไร

ที่ทำให้พวกเขาไม่เข้าใจก็คือ องค์หญิงเป็นสตรีมหัศจรรย์ผู้มีชื่อเสียงปานไหน เหตุใดถึงฝากความหวังไว้กับหลินสวินเพียงคนเดียว

จ้าวจิ่งเซวียนไม่อธิบายอะไรอีก มีบัญชาลงมาว่าจะเคลื่อนกองหนุนจักรวรรดิกองหนึ่งไปยังมณฑลซีหนานแห่งจักรวรรดิทันที

และในคืนนั้นเอง มีข่าวส่งเข้ามาในวังว่าวิกฤตที่มณฑลซีหนานคลี่คลายแล้ว กองทัพสัตว์อสูรมารพ่ายแพ้ย่อยยับ!

เหล่าขุนนางที่รอข่าวอยู่ในตำหนักเฉียนหยวนมาโดยตลอดต่างนิ่งอึ้งไปโดยสมบูรณ์ สะท้านขวัญจนคำพูด เขาหลินสวิน ถึงกับทำได้แล้วจริงๆ หรือ!

ด้านหลังโต๊ะ จ้าวจิ่งเซวียนลอบถอนหายใจโล่งอกในใจ แต่ยังไม่ได้อธิบายอะไรเหมือนเดิม

เพราะนางรู้ดีว่าต่อให้อธิบายไปก็ไม่มีทางทำให้ขุนนางใหญ่เหล่านี้เข้าใจ ว่าศักยภาพของมกุฎราชันระดับอมตะเคราะห์ด่านเจ็ดผู้หนึ่งน่ากลัวปานไหน!

ในโลกชั้นล่างแห่งนี้ เว้นแต่มีอริยะปรากฏตัว หาไม่แล้วย่อมไม่มีใครช่วงชิงความเป็นหนึ่งไปจากหลินสวินได้!

แม้กองทัพสัตว์อสูรมารจะมีกำลังจำนวนมาก แต่ต่อหน้าพลังสูงสุด จำนวนมากน้อยก็ไม่มีความหมายไปแล้ว

วันนี้ นครต้องห้ามสะท้านสะเทือน

หลายปีมานี้สัตว์อสูรมารกำเริบเสิบสาน จู่โจมเมืองปล้นหมู่บ้าน เผาฆ่าชิงปล้น กระทำความชั่วทุกประการภายในจักรวรรดิ กลายเป็นภัยใหญ่ร้ายแรงของจักรวรรดิ

โดยเฉพาะในช่วงใกล้ๆ นี้ ขุมอำนาจสัตว์อสูรมารยิ่งแผลงฤทธิ์ บีบเข้ามาทีละก้าว ทำให้จักรวรรดิตกอยู่ในความโกลาหลอย่างใหญ่หลวง

นี่ก็เหมือนก้อนหินยักษ์ที่กดทับอยู่บนหัวใจทุกคนในจักรวรรดิ ทำให้หลายคนกินไม่ได้นอนไม่หลับ วิตกกังวลยิ่งนัก

และเมื่อข่าวของศึกนี้กระจายออกมาก็เหมือนฝนตกตอนหน้าแล้ง ทำให้จักรวรรดิคึกคักขึ้นโดยสมบูรณ์ ผู้คนนับไม่ถ้วนตื่นเต้นโห่ร้องยินดี และฮึกเหิมเพราะเรื่องนี้

พูดง่ายๆ ก็คือ ชัยชนะอันยิ่งใหญ่คราวนี้ปัดเป่าหมอกทะมึนในจักรวรรดิไปในคราวเดียว!

“หลินสวินคนนี้ สมกับเป็นดาวสังหารที่ตกมาจากฟากฟ้าจริงๆ”

ขุมอำนาจตระกูลทรงอิทธิพลเหล่านั้นต่างทอดถอนใจไม่ว่างเว้น

“โอ้ ข้าจำได้ว่าราชันเกราะทองที่ครองอาณาเขตในมณฑลซีหนานนั่นเคยคุยโวว่าจะรับหลินสวินเป็นข้ารับใช้ใช่ไหม ก็ไม่รู้ตอนนี้เขาได้พบหลินสวินหรือยัง…”

ในพระราชวัง จ้าวจิ่งเซวียนที่จัดการเรื่องราวในมือกำลังฟุบอยู่ตรงโต๊ะอย่างเกียจคร้าน ดวงหน้างามหนุนอยู่บนแขนขาวเปล่งปลั่ง ดวงตากระจ่างสุกสกาว ริมฝีปากอวบอิ่มระบายยิ้มประหลาด

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท