เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 368
กินข้าวเสร็จ ลู่ฝานก็พาพวกหลิงเหยามาซื้อพวกเครื่องประดับเล็กๆแล้ว นี่ถึงจะแยกย้ายกลับจวน
ก่อนที่จะจากไป หลิงเหยาแอบนัดเวลาและสถานที่ที่จะพบกับลู่ฝานในครั้งหน้าไว้แล้ว
บีบมือของลู่ฝานแล้ว หลิงเหยาพูดเสียงเบาๆว่า : “ลู่ฝาน ฉันรู้จักสถานที่สนุกๆแห่งหนึ่ง อยู่ที่ไม่ไกลจากหลังเขาวิพากษ์ ไว้ครั้งหน้าจะพานายไป”
ลู่ฝานยิ้มพร้อมพยักหน้า มองดูหลิงเหยาเดินจากไปพร้อมพวกหมิงจู
จนกระทั่งเห็นว่าพวกหลิงเหยาเดินไปไกลแล้ว ลู่ฝานถึงได้เก็บเส้นสายตากลับมา
ในเวลานี้ศิษย์พี่หานเฟิงมองซ้ายมองขวา พูดว่า :”ศิษย์พี่ฉู่เทียนไปไหนแล้ว ทำไมเพียงครู่เดียวก็ไม่เห็นคนเขาแล้ว”
ลู่ฝานยิ้มพร้อมพูดว่า : “ไม่เห็นศิษย์พี่หลินเสี่ยวอวิ๋นก็ไม่เห็นแล้วเหรอ?”
หานเฟิงพยักหน้าอย่างเข้าใจทันที พูดติดต่อกันว่า : “ฉันเข้าใจแล้ว ฉันเข้าใจแล้ว”
ทั้งสองคนยิ้มเบาๆพร้อมทั้งเดินกลับไปยังคณะหนึ่งเดียว
ตอนมามากันสี่คน ตอนกลับไปก็เหลือแค่สองคนแล้ว
ศิษย์พี่ฉู่เทียนไม่ต้องพูดมาก กำลังยุ่ง “ธุระสำคัญ”ศิษย์พี่ฉู่สิงก็หนีหายไปยังไร้ร่องรอย มีความเป็นไปได้สูงว่ากลับไปแล้ว
ลู่ฝานและหานเฟิงทั้งสองคนกระจายกําลังวิชากาย กลับไปยังคณะหนึ่งเดียวอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่วิทยายุทธของทั้งสองคนแข็งแกร่งขึ้น ความเร็วในการวิ่งของพวกเขาก็เร็วกว่าความเร็วเดิมหนึ่งเท่ากว่าแล้ว
กลับมาถึงคณะหนึ่งเดียว หานเฟิงวิ่งมาเหงื่อไหลเต็มหน้า ปราศจากกังวล
“ศิษย์น้องลู่ฝาน นายยังคิดที่จะสลัดฉันออกไป ช่างไร้เดียงสาเสียจริง คำว่าศิษย์พี่เรียกเสียเปล่าเหรอ เหอะๆ”
ศิษย์พี่หานเฟิงยิ้มอย่างมีความสุข ลู่ฝานก็ยิ้มเล็กน้อย ไม่โต้แย้ง ไม่เห็นเหรอว่าเหงื่อของเขาไม่ไหลออกมาแม้แต่หยดเดียว?นี่ก็เห็นได้ชัดว่า ความเร็วนี้ ยังอยู่ห่างจากขีดจำกัดของเขาอีกไกล
เจ้าดำปีนขึ้นมาหน้าประตูอย่างเกียจคร้าน เพิ่งจะเดินเข้าไปคณะหนึ่งเดียว ลู่ฝานเห็นเงาร่างที่คุ้นเคยนั่นแล้วทันที
“ลู่หมิง?”
ลู่ฝานเปล่งเสียงออกมาอย่างสงสัย ในเวลานี้ทำไมลู่หมิงถึงอยู่ที่คณะหนึ่งเดียวได้
อาจารย์อี้ชิงนั่งบนเก้าอี้โยก อ่านหนังสือ เห็นลู่ฝานและหานเฟิงกลับมา โบกมือพร้อมพูดว่า : “เอาของอร่อยๆกลับมาแล้ว?ลู่ฝาน พี่ชายของนายมาหานายแล้ว”
ลู่หมิงเห็นลู่ฝานกลับมา ก็เดินเข้าไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วพร้อมพูดว่า : “ลู่ฝาน ฉันมีธุระจะคุยกับนาย”
ลู่ฝานขมวดคิ้วเล็กน้อย พาลู่หมิงเดินไปนอกคณะ
อาหารที่ศิษย์พี่หานเฟิงนำกลับมาเอาไปแบ่งปันกับพวกอาจารย์อี้ชิงแล้ว ถือโอกาสหลอกล่อเจ้าดำออกไป
ทั้งสองคนเดินออกไปข้างนอกคณะ ลู่ฝานถามอย่างนิ่งๆว่า : “เรื่องอะไร?”
ลู่หมิงหยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกมาจากอ้อมอก พูดว่า: “นายดูเองแล้วกัน ที่บ้านเกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อย ฉันได้ลาหยุดแล้ว เตรียมกลับบ้านไปก่อนล่วงหน้า เรื่องเหล่านี้ นายก็ควรจะรู้”
ลู่ฝานรับจดหมายมา ในจดหมายเขียนไว้ว่า “กรุณาให้ลูกๆหลานๆตระกูลลู่เปิดอ่าน”
หยิบจดหมายออก ลูฝานกวาดสายตาอ่านคร่าวๆ ขมวดคิ้วแน่นขึ้นอีกทันที
คำกล่าวทั้งหมดในจดหมาย นึกไม่ถึงเลยว่าตระกูลโม่และตระกูลลู่จะเกิดการปะทะกันด้วยกำลังอาวุธเพียงเพราะปัญหาทางธุรกิจ ลูกๆหลานๆตระกูลลู่เจ็บและเสียชีวิตกว่าหลายคน แน่นอนว่าตระกูลโม่ก็เช่นกัน ทั้งสองตระกูลต่อสู้กันอย่างไม่สามารถปลีกตัวออกมาได้
“ตระกูลโม่ที่สมควรตาย”
แอบด่าทอในใจ ลู่ฝานขย้ำจดหมายอย่างแน่น
ลู่หมิงถอนหายใจพร้อมพูดว่า : “รายละเอียดหลักๆคือตระกูลโม่รับรู้ถึงประสิทธิภาพในแสดงของนายที่สถาบันสอนวิชาบู๊แล้ว หลังจากนั้นพวกเขาหวาดกลัวแล้ว เพราะงั้นเตรียมที่จะไล่ออกไปก่อนที่นายจะกลับไป พยายามอย่างหนักเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ไม่ว่าจะเหตุผลอะไรล้วนแต่เป็นเท็จทั้งนั้น เป้าหมายก็เพื่อที่จะทำให้ตระกูลลู่ของเราพ่ายแพ้ก่อน คิดอยากจะยึดครองเมืองเจียงหลินโดยสิ้นเชิง ถึงตอนนั้นแม้แต่นายกลับไป ก็ไม่สามารถทำอะไรพวกเขาได้ ฉันเตรียมที่จะกลับไปทำให้สถานการณ์เสถียร แม้ว่าตอนนี้พละกำลังของฉันจะไม่แข็งแกร่งก็ตาม แต่ถึงยังไงก็เป็นนักบู๊แดนปราณในแล้ว กลับไปก็ถือว่าเป็นแรงช่วยของตระกูลได้ดีอีกแรง ”
ลู่ฝานนำจดหมายเก็บไว้ พูดว่า : “ผมก็ขอลากลับพร้อมกันนะ ในเมื่อตระกูลโม่คิดจะมาแบบนี้ งั้นพี่ก็จะกำจัดพวกเขาก่อน”