เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 367
ได้ยินว่า ตอนแรกขุนพลังสุดเหนือฟ้าตายที่นี่ทั้งหมด สมบัติมีค่าที่พกติดตัวก็กระจัดกระจายอยู่ที่นี่เช่นกัน เพียงแต่ว่าไม่มีใครหาเจอเลยเท่านั้นเอง
“พี่เสวียนเฟิง อย่าร้อนใจ จวนสมบูรณ์ดี พื้นที่โบราณส่วนลึก ใต้ดิน1500เมตร เป็นจวนของผู้แข็งแกร่งกึ่งเซียนบู๊ น่าจะเป็นผู้แข็งแกร่งท่านนี้สิ้นชีวิตตอนที่โจมตีแดนเซียนบู๊ ฉันสำรวจส่วนครึ่งแรกแล้ว ได้รับไม่มาก ต่อมาก็ถูกขวางไว้โดยหุ่นเชิดมากมายที่เขาทิ้งไว้ ยากที่จะก้าวไปข้างหน้า นี่จึงเชื้อเชิญทั้งสองท่านก้าวไปข้างหน้าพร้อมกัน”
สายตาของเสวียนเฟิงเปล่งประกายฉับพลัน
เกือบจะเข้าสู่เซียนบู๊ ระยะดังกล่าว ก็ถือว่าเป็นสูงเกินไปแล้ว
อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้ว การฝึกวิถีบู๊เหมือนเสี่ยงตายเพื่อคนอื่น ประมาทเลินเล่อ ก็จะทำให้ตัวตายไปพร้อมกับผลการฝึกตน แดนปราณนอก แดนปราณชีวิตที่ด้านหน้าก็ยังพอพูดได้หน่อย เริ่มตั้งแต่แดนปราณดิน คืออันตรายในทุกก้าวย่าง ผู้ที่ไม่ค่อยมีความมานะบากบั่นและไม่มีความสามารถสูง ไม่อนุญาตให้ก้าวไปข้างหน้า
ตั้งแต่ที่เกือบจะเข้าสู่เซียนบู๊โจมตีแดนเซียนบู๊ แม้ว่าเป็นแค่หนึ่งก้าวที่ยังไม่ก้าวออกไป แต่อันตรายที่ต้องเสี่ยงข้างในนั้น เมื่อเทียบกับก่อนหน้าแล้วมันยิ่งใหญ่กว่า
ลมที่เย็นยะเยือกแมกมาที่ปะทุจากภูเขาไฟ ฟ้าร้องผ่าลงมาบนตัวก็ไม่พูดแล้ว สิ่งเหล่านี้ถือว่ายังเป็นเรื่องเล็กนิดเดียว
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ทุกครั้งที่มีนักบู๊โจมตีแดนเซียนบู๊ ล้วนแต่จะต้องควบแน่นออกมาจากเขตวิถีที่เป็นของตัวเอง
ที่เรียกกันว่าชนะก็เขตวิถี พ่ายแพ้ก็เขตวิถี ควบแน่นจากเขตวิถี สู่แดนเซียนบู๊ เขตวิถีใช้การไม่ได้ แว้งกัดตัวมันเอง ตายในทันที
ผู้แข็งแกร่งที่เกือบจะเข้าสู่แดนเซียนบู๊กว่าเท่าไหร่ที่หยุดตรงนี้ เพราะงั้นผู้ที่สำเร็จน้อยอย่างมาก แต่ว่าก่อนที่ผู้แข็งแกร่งที่เกือบจะเข้าสู่แดนเซียนบู๊จำนวนมากมายจะเสียชีวิตล้วนแต่มีความเข้าใจ สิ่งของเหล่านี้พร้อมทั้งอาวุธ หยกแขวนจิตบู๊ของเขา
สิ่งของล้ำค่าเป็นต้น ก็จะหลงเหลือไว้ในจวนด้วยกัน รอจนคนรุ่นหลังมารับสืบทอดต่อ
สามารถหาจวนที่สมบูรณ์แบบแห่งหนึ่งเจอได้ เป็นความโชคดีที่คาดไม่ถึงแล้ว ถ้าหากได้รับการสืบทอดภายในจวน ต่อไปเส้นทางของการฝึกฝนจะเป็นเส้นทางที่ทะลุปรุโปร่งแน่นอน ขอเพียงแค่ไม่เสียชีวิตกลางคัน อย่างน้อยก็สามารถฝึกฝนถึงแดนปราณฟ้าได้
ในเวลานี้ เสวียนเฟิงละทิ้งความอคติที่มีต่อลั่วหยู่แล้ว ขยับเก้าอี้ไปยังข้างกายของลั่วหยู่ พูดกล่าวว่า : “หุ่นเชิดแบบไหน?”
ลั่วหยู่ยิ้มพร้อมพูดว่า : “พี่เสวียนเฟิง พี่ยังไม่รับปากฉันเลยนะ พี่เอี๋ยนตอบรับฉันแล้วนะ”
เสวียนเฟิงคิดครุ่นครู่หนึ่ง พูดกล่าว : “ได้ จวนของผู้แข็งแกร่งเกือบจะเข้าสู่แดนเซียนบู๊ท่านหนึ่ง คุ้มค่าที่ฉันจะสำรวจ ฉันไปเป็นเพื่อนนายเอง”
เอี๋ยนชิงหัวเราะเหอะๆพร้อมพูดว่า : “พี่ลั่วหยู่ ฉันว่านะ พี่เสวียนเฟิง ทนต่อสิ่งล่อใจไม่ไหวอย่างแน่นอน พอแล้ว มาครบทั้งสาม พวกเราก็นัดเวลาไปด้วยกันเถอะ”
ลั่วหยู่ยิ้มพร้อมพูดว่า : “นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว แต่ว่าฉันจะต้องเตือนทั้งสองท่านก่อน ที่นั่นอันตรายมาก เพียงแค่หุ่นเชิดเหล็กนิล ก็รับมือยากมากแล้ว ไม่แน่ว่าข้างในยังจะมีอะไรอีก ทางที่ดีที่สุดทั้งสองท่านเตรียมสิ่งของที่ช่วยชีวิตอย่างเช่นประจำพวกยา เครื่องยาสมุนไพรไว้หน่อย ”
เอี๋ยนชิงและเสวียนเฟิงทั้งสองคนพยักหน้า “นี่มันต้องเตรียมตัวอยู่แล้ว”
นัยน์ตาของลั่วหยู่สาดส่องกระแสอากาศสีเทาเข้ม ยิ้มพร้อมพูดว่า : “งั้นก็ดี งั้น ตอนนี้พวกเรานัดกันไว้ออกเดินทางหลังวันที่10 รอให้ฉันทำความเข้าใจเรื่องราวในคณะแล้ว เราสามคนก็ไปพร้อมกัน”
เอี๋ยนชิงยิ้มพร้อมพูดว่า : “เรื่องในคณะที่พี่ลั่วหยู่พูดมาทั้งหมด เป็นเรื่องของคณะหนึ่งเดียวสินะ หรือพูดให้แม่นยำกว่านี้หน่อย ก็คือลู่ฝาน”
ลั่วหยู่พยักหน้าเบาๆ ริมฝีปากของเอี๋ยนชิงขยับเล็กน้อย พูดส่งเสียงว่า : “พี่ลั่วหยู่ สู้พี่มาช่วยฉันจะดีกว่านะ หากครั้งนี้เจอลู่ฝาน ฆ่าเขาบนสังเวียนเลยนะ”
สีหน้าของลั่วหยู่ไม่เปลี่ยน พูดส่งเสียงเหมือนกันว่า : “งั้นฉันได้ประโยชน์อย่างไร?”
เอี๋ยนชิงลังเลตัดสินใจไม่ได้อยู่ครู่หนึ่งพร้อมพูดว่า : “ยาชีวิตสิบเม็ดเป็นไง?”
นัยน์ตาของลั่วหยู่สาดส่องกระแสอากาศสีเทาเข้มออกมา ยิ้มพร้อมพูดว่า : “ตกลง”
ชั้นล่าง ลู่ฝานก็รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างแล้ว เมื่อเงยหน้ามองดู ขมวดคิ้วแน่น