Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1406 ตัวตนของราชันอาภรณ์ดำ

ตอนที่ 1406 ตัวตนของราชันอาภรณ์ดำ

การต่อสู้ดุเดือดปะทุขึ้นเหนือห้วงอากาศราวกับเทพสององค์กำลังห้ำหั่นกัน

ต่อให้อยู่นอกทะเลสาบวาโยอสนียังเห็นได้อย่างชัดเจนว่าฟ้าดินแห่งนี้เหมือนถูกทำลาย ถูกปราณกระบี่และกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์ไร้ที่สิ้นสุดกลบมิด

“การต่อสู้ระดับนี้ไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อนเลย!”

ผู้มีปราณระดับราชันจากจักรวรรดิบางคนตกตะลึง

จ้าวจิ่งเซวียนไม่เอ่ยปาก นางย่อมไม่บอกว่าสมัยอยู่แดนมกุฎ นางเคยเห็นการต่อสู้ทำนองนี้มาหลายครั้ง

มิหนำซ้ำที่อันตรายและน่ากลัวยิ่งกว่าศึกนี้ยังมีนับไม่ถ้วน!

ปึง!

ท่ามกลางเสียงปะทะที่ดังจนหูแทบดับ เงาร่างเทพเถื่อนนั้นถูกซัดกระเด็นถอยหลังไป ร่างกายสั่นระริกเกร็งกระตุกอยู่ครู่หนึ่ง

เขาสีหน้าเคร่งเครียดหาใดเทียบแล้ว คิดไม่ถึงสักนิดว่าคู่ต่อสู้ที่ต่อกรด้วยวันนี้จะเย้ยฟ้าปานนี้ได้อย่างไร ไม่สามารถใช้สามัญสำนึกมาวัดได้โดยสิ้นเชิง

ชิ้ง!

กระบี่ยอดสังหารโฉบขึ้น ซัดแม่น้ำนรกสายหนึ่งขึ้นมา ปรากฏการณ์ประหลาดอย่างเทพมารวายชนม์สำแดงออกมา ปกคลุมฟ้าดิน

หลินสวินในตอนนี้ก็เหมือนมารกระบี่แห่งยุค!

ขณะนี้เขาพอจะชี้ชัดได้แล้วว่าเงามายาเทพเถื่อนที่รวมพลังของราชันพ่อมดสิบสามคนองค์นี้ มีความคล้ายคลึงกับพลังต่อสู้ของอวิ๋นชิ่งไป๋ในตอนนั้นพอสมควร ถึงกับมีจุดแตกต่างเพียงเล็กน้อย

เนื่องเพราะมรรคกระบี่ของอวิ๋นชิ่งไป๋เป็นพลังแห่งขอบเขตมกุฎ เงามายาเทพเถื่อนองค์นี้จึงไม่อาจเทียบได้

เงามายาเทพเถื่อนองค์นี้มีความร้ายกาจที่พลังแกร่งกล้ายิ่งนัก แทบจะแข็งแกร่งที่สุดในหมู่ผู้แข็งแกร่งที่อยู่ต่ำกว่าระดับอริยะที่หลินสวินเคยพบเห็น

แต่พลังส่วนพลัง พลังต่อสู้ส่วนพลังต่อสู้ ทั้งสองอย่างไม่ได้เหมือนกันเสียหน่อย!

ไม่นานนักหลินสวินก็ซัดให้อีกฝ่ายถอยหลังไป ร่วงหล่นจากฟากฟ้า แล้วกระแทกลงบนพื้นดินจนแผ่นดินสะเทือนภูเขาไหวเอนอีกครั้ง

ต่อให้หนังเหนียวก็รับการทำลายล้างชั้นนี้ไม่ได้ เงามายาเทพเถื่อนนั่นส่งเสียงร้องเจ็บปวดออกมาอย่างอดไม่ได้ กระดูกทั้งร่างแทบกระจุยกระจาย

ตูม!

หลินสวินลงมาจากฟ้า เท้าข้างหนึ่งเหยียบลงไป หมายจะเหยียบศีรษะที่เพิ่งเงยขึ้นมาให้แหลกละเอียด

“ไสหัวไป!”

เงามายาเทพเถื่อนคำราม

สัญลักษณ์แน่นขนัดที่ปกคลุมไปทั้งร่างเขาพลันเปล่งประกาย แสงเทพโชติช่วงผุดขึ้น ทำให้พลานุภาพของเขาเพิ่มพูนขึ้นมากมายในทันใด

ส่วนสร้อยกระดูกที่ห้อยอยู่ที่คอก็ลอยขึ้นฉับพลัน แปรสภาพเป็นปากใหญ่เหมือนอ่างเลือดพุ่งไปกลืนกินหลินสวิน

หืม?

หลินสวินนัยน์ตาหดรัด สังเกตเห็นความไม่ชอบมาพากล จึงเรียกเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดออกมาโดยไม่ลังเล กำราบลงไปอย่างรุนแรง

โครม!

ทั้งสองปะทะกัน ฟ้าดินอับสี สุริยันจันทราอับแสง

ปากใหญ่ราวอ่างเลือดนั่นเริ่มเพลี่ยงพล้ำไปทีละส่วนระหว่างการประมืออันดุเดือด สุดท้ายก็แปรสภาพเป็นสร้อยคอกระดูกอีกครั้งหนึ่งท่ามกลางเสียงโครมคราม

เพียงแต่ครู่ต่อมาสร้อยคอกระดูกนั้นก็ขาดสะบั้น หล่นกระจายไปทั่ว

“จะ… เจ้าถึงกับทำลายสมบัติอริยะของเผ่าข้า!”

เงามายาเทพเถื่อนส่งเสียงคำรามสะเทือนฟ้าดินออกมา เผยให้เห็นความกราดเกรี้ยว คล้ายคิดไม่ถึงว่าด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว สมบัติอริยะที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาจะถูกทำลายลงเช่นนี้!

เรื่องนี้ทำให้เขาไม่กล้าเชื่อได้

ควรรู้ว่าสร้อยคอกระดูกของเขาหลอมขึ้นมาจากกะโหลกอริยะหัวแล้วหัวเล่า มีนามว่า ‘สร้อยเศียรอริยะ’ ลึกลับหาใดเทียบ

แต่ตอนนี้แค่การโจมตีเดียวก็ถูกทำลายลงแล้ว!

เรื่องนี้ทำให้เขารับรู้ได้เช่นกัน ว่าเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดที่หลินสวินเรียกออกมาต้องเป็นยอดสมบัติอัศจรรย์ชิ้นหนึ่งแน่

“เฉือน!”

หลินสวินไม่ลังเลสักนิด เรียกกระบี่ยอดสังหารออกมาสังหารให้สิ้นซาก

ฟุ่บ!

โดยไม่ทันตั้งตัว เงามายาเทพเถื่อนทำได้เพียงหลบเท่านั้น แต่กลับถูกปราณกระบี่กวาดต้องร่างกาย แล้วก็พบว่าบั้นเอวเขาปรากฏรอยกระบี่ที่เลือดหลั่งรินรอยหนึ่ง เกือบฟันเอวเขาขาด!

“เป็นไปไม่ได้… เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด… ทำไมเจ้าถึงแข็งแกร่งปานนี้…”

เงามายาเทพเถื่อนร้อนรนโดยสมบูรณ์แล้ว เขารับรู้ได้ว่าไม่สู้ดี สังเกตเห็นภัยคุกคาม

“ฟัน!”

หลินสวินคร้านจะพูดพร่ำทำเพลง ควบคุมกระบี่ยอดสังหารจู่โจมไป

เปรี๊ยะ!

เสียงดังกึกก้อง

ทวนยาวกระดูกในมือเงามายาเทพเถื่อนเล่มนั้นถูกคมกระบี่อันแหลมคมของกระบี่ยอดสังหารฟันสะบั้น ภายใต้การปะทะกันอย่างรุนแรง!

ในขณะเดียวกันเงามายาเทพเถื่อนกระอักเลือดออกมาทางปากและจมูก ร่างกายยังหมองลงไปด้วย

“ฟัน!”

หลินสวินไม่หยุดพัก คมกระบี่ราวสายฟ้า ซัดฝนโลหิตคับฟ้าขึ้นมาปกคลุมฟ้าดิน ราวกับแม่น้ำโลหิตใหญ่โตสายหนึ่งม้วนตลบ

พร้อมกับเสียงโครมครามและเสียงร้องโหยหวนระลอกหนึ่ง เงามายาเทพเถื่อนไม่อาจทนได้อีก ร่างของมันระเบิดออกอย่างเลื่อนลั่น กลายสภาพเป็นเงาร่างสิบสามร่าง ล้มลงโซซัดโซเซกลางอากาศ

เห็นได้ชัดว่าเป็นราชันพ่อมดสิบสามคน

เพียงแต่ตอนนี้พวกเขาต่างหน้าซีดเผือด พลังชีวิตเสียหายสาหัส สีหน้าล้วนเจือไปด้วยความพรั่นพรึงและขุ่นเคืองที่ปกปิดได้ยาก

คราวนี้พวกเขาเตรียมตัวมา เดิมคิดว่าอาศัยวิชาลับจะสามารถสังหารหลินสวินได้ง่ายดาย

แต่จะคิดได้อย่างไรว่าสุดท้ายไม่เพียงถูกทำลายสมบัติอริยะสองชิ้น ยังทำให้พวกเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างยิ่งยวด!

“ไป!”

พวกเขาเลือกหลบหนีไปโดยไม่ลังเล

เพียงแต่หลินสวินจะให้พวกเขาจากไปต่อหน้าต่อตาได้อย่างไร เขาสะบัดแขนเสื้อครั้งหนึ่ง ปราณกระบี่ไท่เสวียนเจ็ดร้อยยี่สิบสายโฉบออกไป กลายเป็นค่ายกลกระบี่สังหารว่างเปล่ากวาดพุ่ง

ฟุ่บๆๆ!

กลางห้วงอากาศราชันพ่อมดคนแล้วคนเล่าถูกสังหาร ร่างกายกลายเป็นเลือดเนื้อระเบิดแหลกร่วงพรูลงมาจากกลางอากาศ

ไม่มีใครโชคดีรอดมาได้!

บัดนี้ฟ้าดินเงียบสงัด มีเพียงกลิ่นคาวเลือดเข้มข้นแผ่กระจาย

นอกทะเลสาบวาโยอสนี ผู้แข็งแกร่งจากจักรวรรดิทุกคนต่างเหม่อลอย ในใจมีเพียงความคิดเดียว คุณชายหลินเขา… แข็งแกร่งแค่ไหนกันแน่

บนเขาวายุดำไกลออกไป เหล่าอสูรมารอย่างราชันผึ้งขาวต่างหวาดผวาจนจิตใจไม่สงบ สีหน้าซีดขาว

ได้เห็นการต่อสู้อันหายากเช่นนี้ ต่อให้พวกเขาโง่เขลาแค่ไหนก็รู้ว่าด้วยพลังต่อสู้ของหลินสวิน ถ้าจะฆ่าพวกเขาต้องง่ายดายเหมือนพลิกฝ่ามือแน่!

“ตาพวกเจ้าแล้ว”

เหนือห้วงอากาศ หลินสวินเคลื่อนสายตามองไปยังเหล่าอสูรมารอย่างพวกราชันผึ้งขาว สีหน้าไม่สุขไม่เศร้า เฉยชาเยือกเย็น

“ราชันอาภรณ์ดำ ถ้าเจ้ายังไม่ลงมืออีก วันนี้พวกเราต้องตายเพราะเจ้ากันหมด!”

ราชันผึ้งขาวตื่นตระหนกจนร้องเสียงแหลมขึ้นมา

“ราชันอาภรณ์ดำ เจ้ายังไม่ลงมืออีกหรือ”

ราชันอสูรมารตนอื่นก็ร้องลั่นอย่างพรั่นพรึง

เห็นได้ชัดว่าในขณะนี้ราชันอาภรณ์ดำกลายเป็นความหวังเดียวของพวกเขา

ไกลออกไป หลินสวินกวาดสายตามองแล้วหยุดลงที่ถ้ำสถิตมิดชิดซึ่งอยู่บนเขาวายุดำถ้ำหนึ่ง ราชันอาภรณ์ดำปิดด่านอยู่ในนั้นหรือ

เพียงแต่ในถ้ำสถิตนั้นไม่มีการเคลื่อนไหวเลย

“ดูท่าราชันอาภรณ์ดำคงไม่อยากช่วยพวกเจ้า”

หลินสวินสีหน้าเรียบเฉย เกิดเสียงดังวู้มขึ้นครั้งหนึ่ง กระบี่ยอดสังหารราวกับรุ้งเทพสีเลือดสายหนึ่งพุ่งขึ้นเหนือห้วงอากาศ คมกระบี่แหลมคม อบอวลด้วยกลิ่นคาวเลือดคับฟ้า

“ไม่…!”

ตอนนี้ยามเผชิญหน้ากับหลินสวินเข้าจริงๆ พวกราชันผึ้งขาวก็สติแตกไปทันที ไม่อาจปลุกความคิดไปต่อต้านได้สักนิด

คนผู้นี้น่ากลัวเกินไปแล้ว ทำให้พวกเขาสิ้นหวัง!

“เฉือน!”

หลินสวินไม่ลังเลสักนิด เมื่อความคิดไหวเคลื่อน กระบี่ยอดสังหารก็แปรสภาพเป็นแสงมรรคสายหนึ่งฟาดฟันออกไป

ตูม!

ก็ในตอนนี้เอง เงาร่างสีดำเงาหนึ่งพลันกระโจนออกมาจากถ้ำสถิตที่ปิดมิดชิดนั้น เข้ารับกระบี่นี้ไว้ด้วยความรวดเร็วน่าเหลือเชื่อ

เคร้ง!

เสียงปะทะน่าหวาดหวั่นดังสนั่นขึ้น เงาร่างสีดำนั้นมาก็ไว ไปก็ไว ถูกซัดให้ถอยออกไปสิบกว่าก้าว

ผืนดินต่างทรุดตัวลงเป็นหลุมใหญ่ไปตามแต่ละก้าวที่เหยียบลงมา

พอมองดูโดยละเอียด เขาถือหอกศึกเล่มหนึ่งไว้ในมือ เพียงแต่กลับถูกกระบี่นี้ของหลินสวินฟันขาดสะบั้นทั้งอย่างนั้น

“ราชันอาภรณ์ดำ!”

เหล่าอสูรมารอย่างพวกราชันผึ้งขาวต่างยินดีปรีดา รู้สึกตื่นเต้นฮึกเหิม

เงาร่างนั้นถูกอาภรณ์สีดำปกปิดไปทั้งตัว เป็นราชันอาภรณ์ดำจริงๆ ทว่าการปรากฏตัวของเขากลับทำให้หลินสวินนิ่วหน้า รู้สึกได้กลายๆ ถึงความคุ้นเคย

“นายท่าน จะปล่อยพวกเขาไปครั้งหนึ่งได้หรือไม่”

ราชันอาภรณ์ดำพลันเอ่ยปาก เพียงแต่ถ้อยคำที่เอ่ยออกมากลับเหมือนสายฟ้าฟาดกลางฟ้า ทำเอาพวกราชันผึ้งขาวต่างงุนงง อึ้งค้างอยู่เช่นนั้น

นายท่าน?

ราชันอาภรณ์ดำเรียกหลินสวินนั่นว่านายท่านงั้นหรือ

ด้านหลินสวินในที่สุดก็เดาได้ว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นใคร เลิกคิ้วขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ “ราชันอินทรีแดงหรือ”

ไกลออกไปราชันอาภรณ์ดำถอดหมวกที่บังศีรษะเขาออก เผยให้เห็นใบหน้าขาวซีด สีหน้าซับซ้อนเอ่ยว่า “นายท่าน คิดไม่ถึงว่าพวกเราจะได้พบกันด้วยรูปแบบนี้”

ขณะนี้หลินสวินรู้สึกไม่ทันตั้งตัวไปหมด

ก่อนหน้านี้เขาใช้ทุกวิถีทางเสาะหาร่องรอยของราชันอินทรีแดงในมณฑลซีหนาน ยังนึกไปว่าเขาประสบเคราะห์ไปแล้ว

จะคิดได้อย่างไรว่าอีกฝ่ายจะปรากฏตัวตรงหน้าตนในฐานะ ‘ราชันอาภรณ์ดำ’!

นี่เป็นเรื่องที่หลินสวินไม่เคยคิดมาก่อนสักนิด

อย่าว่าแต่หลินสวิน พวกราชันผึ้งขาวยังรู้สึกสับสนงงงวย ราชันอาภรณ์ดำที่พวกเขาฝากความหวังทั้งหมดไว้ ดันยอมรับหลินสวินเป็นนาย นี่จะพลิกผันเกินไปแล้ว

“คิดไม่ถึงว่าตระกูลหลินของข้าจะมีคนทรยศคนหนึ่งจริงๆ”

สีหน้าหลินสวินแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา

“นายท่าน ท่านฟังข้าอธิบายก่อน”

ราชันอาภรณ์ดำเอ่ยปากกำลังจะพูดอะไรก็ถูกหลินสวินตัดบท “อธิบายหรือ ก็ได้ รอข้าฆ่าเดรัจฉานชั่วพวกนี้ก่อนค่อยมาฟังว่าเจ้าจะอธิบายอย่างไร!”

เขาพูดพลางเรียกกระบี่ยอดสังหารออกมาอย่างไม่ลังเลสักนิด แล้วออกโจมตีอีกครั้ง!

สวบ!

ปราณกระบี่ราวรุ้งเทพพุ่งสังหารออกไปในห้วงอากาศ

ไม่แปลกที่ตอนนี้หลินสวินจะโกรธ เมื่อแรกกลับมายังโลกชั้นล่าง พอได้ยินว่าราชันอินทรีแดงถูกมองว่าเป็นคนทรยศ ในใจหลินสวินไม่ยอมเชื่อมาตลอด คิดว่านี่เป็นการใส่ร้ายของตระกูลจั่ว

แต่สุดท้ายเขากลับพบว่าราชันอินทรีแดงกลายเป็นคนทรยศจริงๆ!

เรื่องนี้หลินสวินจะรับได้ได้อย่างไร

การต่อสู้ปะทุขึ้นอีกครั้ง หลินสวินที่โกรธถึงขีดสุดลงมืออย่างไม่ปรานีสักนิด ออกแรงเพียงครู่เดียวก็ปลิดชีพเหล่าอสูรมารอย่างพวกราชันผึ้งขาวทั้งหมด

ไม่ว่าพวกเขาจะโอดครวญหรือดิ้นรนอย่างไรก็ไร้ประโยชน์

ระหว่างนี้ราชันอินทรีแดงราวกับตกอยู่ในภาวะดิ้นรนและเจ็บปวดใหญ่หลวง ทั้งกายสั่นระริก แต่กลับกัดฟันแน่นไม่พูดจาสักคำ

ไม่มีใครรู้ว่าในใจเขาทรมานและเจ็บปวดขนาดไหน

ชิ้ง!

หลินสวินเก็บกระบี่ยอดสังหาร เงาร่างโรยตัวลงมาเหนือเขาวายุดำ สายตามองดูราชันอินทรีแดงอย่างเย็นชาแล้วเอ่ยว่า “ตอนนี้เจ้าอธิบายมาได้แล้ว”

ราชันอินทรีแดงชะงักไป สักพักจึงถอนหายใจยาวเฮือกหนึ่งแล้วพูดว่า “ข้าผิดตั้งแต่แรกแล้ว เรื่องมาถึงขั้นนี้ก็ไม่จำเป็นต้องอธิบายอีก ทำให้นายท่านโกรธเป็นความผิดของข้าเอง ข้าไม่มีอะไรจะพูด เพียงขอให้นายท่านทำให้ตายอย่างรวดเร็วเท่านั้น!”

พอพูดจบเขาก็มองหลินสวินด้วยสีหน้าสงบนิ่ง

หลินสวินยิ้มหยัน “เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าหรือ”

เขาโกรธมากจริงๆ รู้สึกถูกหลอกลวงและทรยศ

ราชันอินทรีแดงเงียบไม่พูดจา

“สวะ! คิดไม่ถึงว่าผ่านไปชั่วนาตาปี ข้าจะรับผู้สืบทอดไร้ค่าอย่างเจ้ามาเสียได้ ช่างขายหน้าข้ายิ่งนัก!”

ฉับพลันเสียงเย็นชาน่าเกรงขามเสียงหนึ่งดังขึ้นเหนือเขาวายุดำ

ราชันอินทรีแดงหน้าเปลี่ยนสีทันตา ร้องว่า “นายท่านรีบหนีเร็ว!”

โครม!

ทว่าไม่ทันแล้ว มือใหญ่น่าหวาดหวั่นไร้ที่สิ้นสุดมือหนึ่งพลันยื่นออกมาจากใต้เขาวายุดำ บังฟ้าเร้นอาทิตย์ เข้าปกคลุมหลินสวินอย่างรุนแรงพร้อมกับเสียงเย็นชาน่าเกรงขามนั้น

ชั่วพริบตานี้แม้แต่หลินสวินยังรู้สึกเสียวสันหลังวาบ

“หนีเร็ว!”

ก็ในตอนนี้เองราชันอินทรีแดงตะโกนลั่น เขาพุ่งทะลุเมฆาในทันใด ทั้งร่างมีแสงถั่งโถมไพศาลปะทุออกมาแล้วพุ่งไปยังมือใหญ่ข้างนั้น ดูแน่วแน่หาใดเทียบ

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท