หานเฟิงเก็บลงกระเป๋าตัวเองทันที แล้วพูดพึมพำว่า “เงินเข้ากระเป๋าฉันแล้ว พวกนายคิดจะเอากลับไปอีก ไม่มีทางเด็ดขาด โอเค เห็นแก่ที่พวกนายใจกว้าง จะให้พวกนายแทรกคิวเข้าไปก่อน”
เสวียนเฟิงไม่พูดพร่ำทำเพลง หันหลังเดินไปบนเข็มทิศฮวงจุ้ย
ไปกันทีละคน จนนักเรียนชั้นยอดของคณะกระบี่หายไปจนหมด
ลู่ฝานกับฉู่เทียนทนดูต่อไปไม่ได้แล้ว พวกศิษย์พี่หานเฟิงต้องทำให้นักเรียนสถาบันสอนวิชาบู๊ ได้รับโทษจนหมดทุกคน
ลู่ฝานกับฉู่เทียนไม่สนใจที่พวกเขาเก็บเงินต่อ พากันแทรกแถวเดินขึ้นไปบนเข็มทิศฮวงจุ้ย เข้าไปจวนสวรรค์
วงแหวนแสงลอยอยู่บนท้องฟ้าสดใส ทุกสิ่งดูวิจิตรตระการตา
ลู่ฝานกับศิษย์พี่ฉู่เทียนใช้วิชากาย พุ่งไปทางข้างหน้า มาถึงวงแหวนแสงขนาดใหญ่ ที่อยู่ใกล้กับลานประลองด้านล่าง และยืนอยู่ไม่ไกล
นักเรียนรอบๆ กำลังพูดคุยกัน พูดชมอยู่เป็นระยะ
“ที่นี่ยอดเยี่ยมมาก เป็นสถานที่ฝึกฝนของคณะหนึ่งเดียวใช่ไหม”
“ฉันบอกแล้วว่าคณะหนึ่งเดียว ไม่มีทางมีแค่บ้านไม้ที่เขาว่ากันหรอก คณะหนึ่งเดียวมีความลับเยอะแยะตามคาดจริงๆ”
“อืมๆ คณะหนึ่งเดียวที่อัศจรรย์”
……
ได้ยินเสียงพูดคุยเช่นนี้ ลู่ฝานกับศิษย์พี่ฉู่เทียนมองหน้ากันแล้วหัวเราะ
ดูเหมือนว่าเรื่องนี้ทำถูกแล้ว ยังช่วยเหลือชื่อเสียงของคณะหนึ่งเดียวด้วย น่าเสียดาย อาจารย์อี้ชิงกับอาจารย์เต้ากวงไปวุ่นอยู่กับเรื่องหุ่นเชิด ไม่งั้นถ้าพวกเขาได้ยินเรื่องแบบนี้ ต้องดีใจมากแน่นอน
ฉู่เทียนยิ้มแล้วพูดว่า “ฉันเดาได้เลยว่าเมื่อถึงปีหน้า ในคนพวกนี้ถ้ามีคนโอนย้ายเข้ามาในคณะหนึ่งเดียวของเรา รู้ว่าคณะหนึ่งเดียวของเรามีแต่บ้านไม้จริงๆ จะมีสีหน้าเป็นยังไง”
“สีหน้าหลากหลายแน่นอน”
ลู่ฝานยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น รอยยิ้มของทั้งสองคนอยู่ที่นักเรียนคนอื่น ดูโอ้อวดชัดๆ
หลิงเหยาที่อยู่ในกลุ่มคนก็พูดชมว่า “โห ที่แท้คณะหนึ่งเดียวมีลานฝึกบู๊ที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ด้วย ทำไมลู่ฝานไม่บอกฉันเลย”
ม่านเหยียนที่อยู่ข้างๆ ยิ้มแล้วพูดว่า “เธอยังไม่ได้เป็นฝั่งเป็นฝาเลย ก็อยากรู้ทุกอย่างของเขาแล้วเหรอ เร็วไปหน่อยมั้ง”
หลิงเหยาพูดอย่างเขินอาย “ศิษย์พี่ล้อฉันอีกแล้ว”
ม่านเหยียนส่ายหน้าพูดว่า “เปล่า ฉันอิจฉาเธอไง เธอดูสิ คนคณะบังเหินก็มาแล้ว”
แสงไม่กี่แสงปรากฏขึ้น นักเรียนชั้นยอดของคณะบังเหิน เข้ามาในจวนสวรรค์ คนที่นำมาคืออาจารย์เมิ่งอวิ๋น
ลั่วหยู่และคนอื่นที่อยู่ข้างหลัง มีสีหน้าอึมครึม เห็นได้ชัดว่าตอนพวกเขาเข้ามา ต้องโดนศิษย์พี่หานเฟิงล็อกตัวเพื่อเอาหนึ่งเหรียญเงินแน่นอน อืม เห็นสีหน้าอึมครึมขนาดนี้ อาจจะไม่ใช่แค่……
เมื่อเข้ามา อาจารย์เมิ่งอวิ๋นพาพวกลั่วหยู่ เหาะมายังหน้าลานประลองบู๊
เมิ่งอวิ๋นมองซ้ายมองขวา พูดเย็นชาว่า “คณะหนึ่งเดียวมีสถานที่แบบนี้ด้วย หลายปีมานี้ ฉันไม่รู้เลยสักนิด ซ่อนไว้มิดชิดจริงๆ อ้อ ไม่สิ ทำไมที่นี่ยังมีพลังแปลกๆ”
อาจารย์เมิ่งอวิ๋นสัมผัสได้ถึงสติที่ถูกปะทะ จึงขมวดคิ้วขึ้น
พวกลั่วหยู่ที่อยู่ด้านหลัง คิดว่าเมิ่งอวิ๋นพูดว่าคณะหนึ่งเดียวมีการดักซุ่มโจมตี
ลั่วหยู่สะบัดพัดแล้วพูดว่า “หึ ไม่ว่าคณะหนึ่งเดียวมีวิธีอะไร วันนี้ต้องทำให้พวกเขาขายหน้าต่อหน้าทุกคน”
อาจารย์เมิ่งอวิ๋นพยักหน้าเบาๆ นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมเธอต้องเรียกลั่วหยู่กลับมา
ขณะนั้นมีแสงที่ดูพิเศษปรากฏขึ้นมา
เงาคนคนหนึ่ง ไม่ได้ยืนบนวงแสงเหมือนคนอื่น แต่กลับลอยอยู่อากาศเวิ้งว้าง
“ท่านผอ.!”
เมิ่งอวิ๋นส่งเสียงออกมาอย่างตกใจ
“ทำไมท่านผอ.ก็มาที่นี่ด้วย!”