“ฮ่าๆ อาจารย์กลับมาแล้วเหรอ หุ่นเชิดสุดยอดมาก!”
หานเฟิงพุ่งเข้ามาเป็นคนแรก เขาเข้าไปหาหุ่นเชิดด้วยความอยากได้
แต่ว่าเขายังไม่ทันได้สัมผัสหุ่นเชิด ก็โดนแสงสีทองขวางเขาเอาไว้ด้านนอก ไม่สามารถเข้ามาใกล้ได้อีก
อาจารย์อี้ชิงกับอาจารย์เต้ากวงเหาะลงมา
เห็นท่าทีร้อนรนของหานเฟิง อาจารย์อี้ชิงยิ้มแล้วพูดว่า “หุ่นเชิดแสงทอง ตอนนี้พละกำลังเท่ากับแดนปราณนอกชั้นสูงสุด หานเฟิงพละกำลังอย่างนาย ทางที่ดีอย่ายั่วโมโหมัน ระวังจะแบนด้วยหมัดเดียว”
หานเฟิงรีบถอยหลังไปสองก้าว เงยหน้ามองหุ่นเชิดสูงประมาณเก้าเมตร
ฉู่เทียนก็เดินออกมาพูดว่า “อาจารย์ นี่ไม่ได้ใช้แผ่นทองแค่สองสามอันใช่ไหม หุ่นเชิดใหญ่ขนาดนี้ ใช้วัสดุไปเท่าไรเหรอครับ”
อาจารย์อี้ชิงพูดว่า “อันที่จริงใช้วัสดุไปไม่น้อย แต่คุ้มค่า หุ่นเชิดแสงทองตัวนี้ สามารถสะสมพลังได้ ต่อไปมันยังสามารถแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ใช่สิ พวกนายชนะคณะบังเหินกับคณะกระบี่ได้แล้วไม่ใช่เหรอ ฉู่เทียนนายไปเอาแผ่นทองสองอันนั้นมา เพิ่มความแข็งแกร่งให้หุ่นเชิดนี้ได้สักหน่อย”
ฉู่เทียนพยักหน้าเข้าใจ และออกไปทันที
ลู่ฝาน ฉู่สิงกับหานเฟิง ล้อมดูหุ่นเชิด ยิ่งรู้สึกว่าหุ่นเชิดตัวนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง
เจดีย์เสวียนเก้ามังกรในตัว ส่งเสียงออกมาร่วมวงด้วย “เจ้านายผู้ยิ่งใหญ่ หุ่นเชิดตัวนี้น่าสนใจนะ ต่อไปมีโอกาสฝึกปัญญาได้ ถ้ามีโอกาสหาสิ่งของที่มีจิตวิญญาณใส่เข้าไปให้มัน เมื่อหุ่นเชิดมีปัญญา พละกำลังของมันจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว”
ลู่ฝานพูดในใจว่า “ของที่มีจิตวิญญาณเหรอ ฉันรู้อยู่นิดหน่อย แต่คงต้องรอให้ฉันเข้าสู่ระดับนักเรกิ ถึงจะสามารถทำได้”
เจดีย์เสวียนเก้ามังกรหัวเราะแล้วพูดว่า “ใช่ การที่นักเรกิถูกเรียกว่าเป็นเส้นแบ่งเขตของผู้ฝึกชี่ เพราะเขาสามารถหลอมของที่มีปัญญาหรือมีจิตวิญญาณออกมาได้ ของดีเชียวนะๆ ถ้ากลืนกินได้จะดีมาก”
ลู่ฝานยิ้มแล้วพูดว่า “เรื่องนี้แกอย่าคิดแล้ว”
เจดีย์เสวียนเก้ามังกรพึมพำ จากนั้นก็เงียบไป
นอกคณะยังเหลือนักเรียนที่อยากเข้าคณะอยู่ เมื่อเห็นหุ่นเชิดใหญ่ขนาดนี้ก็ตกใจ
คณะศิงขรที่เชี่ยวชาญด้านค่ายกลและหุ่นเชิด ยังไม่มีหุ่นเชิดที่ใหญ่และมีแสงทองระยิบระยับแบบนี้
คณะหนึ่งเดียวปิดเอาไว้มิดชิดจริงๆ ไม่เห็นก็ไม่รู้ ถ้าเห็นก็ถึงกับสะดุ้งโหยง
เพราะด่านเข้าคณะยากมาก พวกนักเรียนมองเจ้าดำอย่างไม่พอใจ
อาจารย์อี้ชิงสะบัดมือ ให้หุ่นเชิดเดินไปพักผ่อนด้านหลัง
แสงทองหายไป หุ่นเชิดแสงทองหดตัว ดูเหมือนหุ่นทองแกะสลักขนาดใหญ่
อาจารย์อี้ชิงมองไปด้านนอก เห็นด้านนอกเหลือนักเรียนไม่มากแล้ว หัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “เอ๊ะ เราออกไปสองวัน มีนักเรียนยอมแพ้เยอะเลยเหรอ ดีมากๆ”
หานเฟิงอธิบายว่า “อาจารย์ พวกเขาไม่ได้ยอมแพ้เอง แต่พวกเขาโดนซัดจนกลับไปหมด ศิษย์น้องลู่ฝานความคิดร้ายกาจ ให้พวกเขาผ่านด่านเจ้าดำให้ได้ แล้วค่อยว่ากัน สรุปคนพวกนี้ไม่สามารถสู้เจ้าดำได้ โดนซัดจนหนีไปหมด คนที่เหลือคือคนที่ไม่ยอมแพ้ แต่ไม่น่าจะสู้เจ้าดำได้”
อาจารย์เต้ากวงลูบหนวดแล้วพูดว่า “วิธีนี้ดี อืม ทำไมฉันคิดไม่ได้นะ ลู่ฝาน นายบอกเจ้าดำให้ลงมือรุนแรงสักหน่อย ไม่ต้องกังวล แค่ไม่ฆ่าคนตาย ยังไงก็ได้ ต้องซัดให้พวกเขากลัว ถึงจะไม่มีใครมารบกวนพวกเราอีก”
พูดจบ อาจารย์เต้ากวงกับอาจารย์อี้ชิงยิ้มเหมือนจิ้งจอกเฒ่า ที่ฝึกฝนจนกลายเป็นคน