เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 472
“เจ้าบ้านฟื้นแล้วเหรอ ดีมากเลย ฉันเป็นสาวใช้ที่เพิ่งมาใหม่ ชื่อ ฉินเอ๋อร์ ตามคุณลู่หงหยู่มาจากหมู่บ้านหลี่”
ลู่ฝานตอบรับ เขารู้จักลู่หงหยู่เป็นลูกหลานที่ไม่ใช่สายเลือดโดยตรงของตระกูลลู่ พูดขึ้นมานับว่าเป็นน้องสาวของลู่เทียนกัง ถือว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องของเขา
ฉินเอ๋อร์ยกน้ำเข้ามา บิดผ้าขนหนูเช็ดเหงื่อให้ลู่ฝาน
ตั้งแต่เล็กจนโต ลู่ฝานยังไม่เคยได้รับความรู้สึกที่ถูกปรนนิบัติ เขาก้มลงมอง เขามองผ่านคอเสื้อฉินเอ๋อร์เห็นสิ่งอวบอิ่มด้านในพอดี
แค่กๆ อย่ามองว่าอายุน้อยเลย มีของจริงๆ!
ลู่ฝานเงยหน้าขึ้น อะไรที่ไม่เหมาะสมอย่าไปดู เขามองหน้าฉินเอ๋อร์ ยิ้มแล้วพูดว่า “ฉันนอนไปกี่วัน”
ฉินเอ๋อร์พูดว่า “สองวันแล้วค่ะ พวกคุณท่านร้อนใจมาก โอ๊ะ ฉันลืมไปเลย เดี๋ยวฉันไปแจ้งพวกคุณท่านค่ะ”
พูดจบ ฉินเอ๋อร์วางผ้าขนหนู รีบวิ่งไปด้านนอก
ลู่ฝานกะพริบตา เพิ่งได้รับการปรนนิบัติจากคนอื่น เฮ้อ หายไปอีกแล้ว
ลู่ฝานค่อยๆ ลุกขึ้น สัมผัสกับสภาพร่างกายตัวเอง
ปราณชี่เบาบาง กล้ามเนื้อฉีกขาด กระดูกมีรอยร้าวเล็กน้อย อวัยวะภายในเคลื่อนตัวเล็กน้อย สรุปว่าไม่เลว
ลู่ฝานสวมเสื้อผ้าเรียบร้อย เปิดประตูเดินไปข้างนอก
ในลานเล็กๆ ดอกไม้ใบหญ้าเต็มสวน
ระยะเวลาสั้นๆ ไม่กี่วัน ลานบ้านของเขาเปลี่ยนโฉมใหม่ ดูเป็นรูปเป็นร่าง
ลู่ฝานเดินมานั่งบนเก้าอี้หินในลานบ้าน
ค่อยๆเอายาในเข็มขัดออกมากินหนึ่งขวด รู้สึกดีขึ้นมาไม่น้อย
นับของที่อยู่ในเข็มขัดและแหวนอีกครั้ง ไม่น้อยเหมือนเดิม
ลู่ฝานเงยหน้ามองฟ้า สูดอากาศสดชื่น ปราณชี่ในตัวลู่ฝานเคลื่อนไหวตามเส้นทางชีวิตโดยอัตโนมัติ ค่อยๆ เพิ่มขึ้นและแข็งแกร่ง
จู่ๆ ลู่ฝานรู้สึกอะไรบางอย่าง รอให้บาดแผลฟื้นฟู ต้องยกระดับได้อีกขั้นแน่นอน
การต่อสู้แบบเป็นตาย เป็นวิธีที่ทำให้ยกระดับขึ้นง่ายที่สุด ถ้าไม่ใช่เพราะวิธีนี้อันตรายมาก เขายังคิดอยากทำหลายรอบ
ไม่นาน มีเสียงฝีเท้าร้อนรนดังมาจากนอกลานบ้าน
ไม่ต้องฟังเขาก็รู้ว่าเป็นพวกคุณปู่
ตามคาด คนที่เข้ามาคนแรกคือปู่ลู่เฮ่าหราน คนที่ตามหลังเขามาคือลู่หาว ลู่หมิง หานเฟิงและเจ้าดำ
คนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาในลานบ้าน เห็นลู่ฝานนั่งอาบแดดอยู่ตรงนั้น ทุกคนถึงกับโล่งอก
ลู่เฮ่าหรานยิ้มแล้วพูดว่า “ลู่ฝาน ฉันรู้ว่านายต้องไม่เป็นอะไร นอนไปสองวัน รู้สึกยังไงบ้าง”
ลู่ฝานพยักหน้า “รู้สึกไม่เลวครับปู่ จับพวกเสวี่ยบาได้ไหม”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของลู่เฮ่าหรานเปลี่ยนไป
ลู่หาวถอนหายใจแล้วพูดว่า “ขอโทษด้วยลู่ฝาน จับสองคนนั้นไม่ได้สักคน หนีไปได้หมด อีกทั้งตอนที่ตามฆ่า ยังเสียทหารคุ้มครองเมืองไปหลายคน”
ลู่ฝานพยักหน้าเข้าใจ ไม่ถามอะไรมากอีก
จับไม่ได้ก็สมเหตุสมผล ถึงเป็นนักบู๊แดนปราณชีวิตที่บาดเจ็บ แต่ยังไงก็เป็นแดนปราณชีวิต
ไม่ถามอะไรมาก ลู่ฝานบอกให้พวกลู่เฮ่าหรานนั่งลง
“ในเมื่อพวกเขาหนีไปแล้ว งั้นเราต้องกังวลเรื่องแก้แค้นครั้งใหญ่ของสำนักโลหิตพิฆาต พวกเขาเสียเปรียบไปสองรอบแล้ว ครั้งหน้ามาอีก ต้องดุดันอย่างแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้นจะทำยังไงดี”
ลู่ฝานเคาะนิ้วลงบนโต๊ะหินเป็นจังหวะ พูดด้วยสีหน้ากังวล
ลู่เฮ่าหรานนั่งตรงข้ามลู่ฝาน เมื่อได้ยินก็พูดด้วยเสียงขรึมว่า “ลู่ฝาน เรื่องนี้เราก็เคยคิด สองวันนี้เราปรึกษากันเรื่องนี้ น้องหานเฟิงเสนอวิธีหนึ่งให้เรา นายว่าโอเคไหม”
ลู่ฝานอึ้งไป หันไปมองหานเฟิงแล้วพูดว่า “วิธีอะไร”
หานเฟิงนั่งลงอย่างสง่าผ่าเผย แล้วพูดว่า “วิธีง่ายมาก ศิษย์น้องลู่ฝาน นายจะเป็นเจ้าหน้าที่เล่นๆ หน่อยไหม”