เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 543
ค่ำคืนที่ร้อนรน มีความไม่สงบสุขและกลิ่นคาวเลือด
หลังจากส่งพวกเสวี่ยบาไปฆ่าลู่ฝาน จิตใจของกวนหานเหมือนเปลวไฟในแก้วเหล้า เดือดจนส่งเสียงปุดๆ ออกมา
กวนหานลุกขึ้นยืน เดินมาหน้าประตูห้องหนังสือ แล้วขมวดคิ้วแน่น
กวนหานตะโกนใส่คนข้างนอก แล้วพูดว่า “ยังไม่มีคนกลับมาเหรอ ส่งคนไปดูสิว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้าฆ่ากันก็น่าจะจบนานแล้ว”
เสียงของกวนหานดังกว่าปกติ
นักบู๊สำนักโลหิตพิฆาตที่ซ่อนตัวอยู่ลับ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง
ขณะนั้นนักบู๊คนหนึ่งพุ่งออกมาจากประตูด้านหลัง คุกเข่าลงตรงหน้ากวนหาน
กวนหานพูดอย่างเย็นชาว่า “เกิดอะไรขึ้น ทำไมพวกเสวี่ยบายังไม่กลับมา”
นักบู๊พูดว่า “เจ้าสำนัก พวกเสวี่ยบาตายหมดแล้ว”
“อะไรนะ”
เสียงของกวนหานสูงขึ้นทันที เริ่มมีร่องรอยเกล็ดน้ำแข็งปรากฏออกมา
นี่เป็นพลังธาตุน้ำขั้นสูงสุดของพลังห้าธาตุ มีความอาฆาตทะลักออกมาจากตัวกวนหาน ทำให้สีหน้าของนักบู๊ที่รายงานเมื่อกี้ซีดเผือด
กวนหานพูดอย่างเย็นชาว่า “นายพูดอีกรอบ เกิดอะไรขึ้นกันแน่”
นักบู๊พูดตะกุกตะกักว่า “เสวี่ยบาพาพวกเสี่ยวอู่ไปล้อมโจมตีลู่ฝาน ใครจะไปรู้ว่าศิษย์พี่ของลู่ฝาน พละกำลังสูงส่งมาก แข็งแกร่งกว่าเสวี่ยบา ต่อสู้ซึ่งหน้าเพียงครั้งเดียว ก็ทำให้เสวี่ยบาบาดเจ็บสาหัส”
กวนหานส่งเสียงหึอย่างเย็นชา “พวกนายทำงานรายงานสถานการณ์กันยังไง ฉันจำได้ว่าในข้อมูลที่พวกนายรายงานฉัน ศิษย์พี่ของลู่ฝานมีผลการฝึกตนแค่แดนปราณนอกขั้นต้น พลังการต่อสู้เทียบไม่ได้กับลู่ฝาน ทำไมตอนนี้ถึงกลายเป็นยอดฝีมือที่เหนือกว่าแดนปราณชีวิตล่ะ”
นักบู๊พูดติดๆ ขัดๆ ว่า “จากข้อมูลของเสวี่ยบากับเสี่ยวอู่ รวมถึงผลที่เราสืบในสถาบันสอนวิชาบู๊ ศิษย์พี่หานเฟิงของลู่ฝาน มีเพียงผลการฝึกตนแดนปราณนอกขั้นต้นจริงๆ ใครจะไปคิดว่าเขามีพละกำลังขนาดนี้ เหมือนพลังพุ่งขึ้นภายในคืนเดียว”
กวนหานตำหนิว่า “ถึงพลังพุ่งขึ้น จะสามารถพุ่งขึ้นหนึ่งระดับเลยเหรอ เรื่องซ่อนพละกำลังแบบนี้ พวกนายยังสืบมาไม่ได้ ดูเหมือนคนทั้งสำนักโลหิตพิฆาต ควรจะต้องชำระล้างหนึ่งครั้งแล้ว”
กวนหานโมโหอย่างมาก เสวี่ยบากับเสี่ยวอู่เอามือดีของสำนักโลหิตพิฆาตในเมืองตงหวาไปเกือบสามสิบเปอร์เซ็นต์เลยนะ
“ค่ายกลล่ะ ฉันต้องเตือนพวกเขาเหรอว่าถ้าสู้ไม่ไหวต้องรวมค่าย”
นักบู๊ที่คุกเข่าอยู่บนพื้น พูดอะไรไม่ออกสักคำ
เขาไม่รู้ว่าควรบอกหรือเปล่าว่าอันที่จริงพวกเสวี่ยบารวมค่ายแล้ว
แต่ผลปรากฏว่ามันแย่มาก ศพเกลื่อนกลาดเต็มพื้น
“พูดมา!”
กวนหานมองออกว่าสีหน้าของนักบู๊ผิดปกติ จึงตะโกนออกมาเสียงดัง
นักบู๊สั่นไปทั้งตัวแล้วพูดว่า “เจ้าสำนัก รวมค่ายกลแล้ว แต่ไม่รู้ทำไมโดนทำลาย พวกเสวี่ยบาตายอย่างอนาถคามือลู่ฝานกับศิษย์พี่เขา เห็นว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งมาช่วยตอนท้ายด้วย กำลังสืบอยู่ว่าเป็นผู้หญิงคนไหน”
กวนหานตกตะลึง เบิกตาโตพูดว่า “นายแน่ใจเหรอว่าใช้ค่ายกลแล้ว”
นักบู๊พยักหน้าพูดว่า “ใช้แล้วจริงๆ ครับ”
สีหน้ากวนหานบิดเบี้ยวขึ้นมา จู่ๆ เขารู้สึกเหมือนควบคุมสถานการณ์ไม่ได้แล้ว
สีหน้ามีอารมณ์หลากหลาย แววตากวนหานน่ากลัว “เรียกรวมศิษย์สำนักโลหิตพิฆาตในเมืองตงหวาทั้งหมด”
นักบู๊พูดอย่างตกใจ “เจ้าสำนักจะทำอะไร”
“ไป!”
กวนหานเตะลงบนตัวนักบู๊ จนกระเด็นออกไปไกล