เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 684
“เท่านี้แล้วกัน พวกเราไม่รบกวนเวลาพักผ่อนของผู้ตรวจการลู่แล้ว หากมีเวลาว่าง ผู้ตรวจการลู่จะต้องมาหากันที่จวนหัวหน้าเขตบ้างนะ โดยคำแรกเมื่อเสี้ยวเอ๋อร์ตื่นขึ้นมา ก็มักจะถามถึงผู้ตรวจการลู่ว่าเป็นอย่างไรบ้าง”
หัวหน้าเขตอี้ว์พูดขึ้นด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
ผู้เฝ้าเมืองจางยิ้มอยู่ด้านข้างและพูดขึ้นว่า: “โอ้ว? ยังมีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ ผู้ตรวจการลู่มีเสน่ห์ไม่เบาเลยนะ! ”
ลู่ฝานเก้อเขินเล็กน้อย และพูดขึ้นว่า: “อย่างนั้นก็ขอฝากหัวหน้าเขตอี้ว์สวัสดีและทักทายคุณเสี้ยวเอ๋อร์ให้ด้วย”
หัวหน้าเขตอี้ว์ส่ายศีรษะและพูดว่า: “เรื่องนี้ฉันไม่อาจจะเป็นตัวแทนให้ได้ ผู้ตรวจการลู่ควรไปด้วยตนเองเถอะ”
ลู่ฝานพยักหน้าอย่างเข้าใจ
หัวหน้าเขตอี้ว์และผู้เฝ้าเมืองจางได้ลุกขึ้น พร้อมกับยกมือแสดงความเคารพแล้วก็จากไป
ลู่ฝานเดินมาส่งทั้งสองคน ขณะที่เดินมาถึงประตูของลานหลังบ้าน อู่คงหลิงก็เดินเข้ามาพอดี
หัวหน้าเขตอี้ว์พลันหรี่ตาลง และหยุดฝีเท้าทันที
อู่คงหลิงเองก็มองไปที่หัวหน้าเขตอี้ว์ ทันใดนั้นก็ยิ้มและพูดขึ้นว่า: “หัวหน้าเขตอี้ว์ ไม่เจอกันนานเลย เป็นอย่างไรบ้างสบายดีไหม? ”
ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเธอ ถึงแม้ว่ารอยยิ้มนั้นจะอยู่ภายใต้ผ้าคลุมหน้า ก็ยังคงน่าประทับใจและน่าหลงใหลเช่นนี้
หัวหน้าเขตอี้ว์พูดว่า: “สบายดี ขอบคุณที่คุณอู่คงหลิงเป็นห่วง คุณอู่คงหลิงจะกลับเมื่อไรเหรอ? ”
อู่คงหลิงมีแววตาเปลี่ยนไป คนอื่นคงจะไม่เข้าใจถึงความหมายที่หัวหน้าเขตอี้ว์พูดขึ้นเป็นแน่
แต่เธอกลับเข้าใจอย่างชัดเจน
จะไล่เธอกลับแล้วใช่ไหม?
ดูเหมือนว่าหัวหน้าเขตอี้ว์ยังไม่เต็มใจที่จะร่วมมือด้วย
แต่ก็อยู่ภายใต้การคาดการณ์ ถ้าหากง่ายดายขนาดนั้น ก็คงจะมีปัญหาแน่แล้ว
ตอนนี้เธอได้รับสิ่งของที่ตัวเองต้องการแล้ว ส่วนปัญหาเล็กน้อยของทางหัวหน้าเขตอี้ว์นี้ ก็ไม่นับว่าเป็นปัญหาอะไรแล้ว
รอยยิ้มบนใบหน้าของอู่คงหลิงยังคงเดิม และพูดอย่างสงบขึ้นว่า: “พรุ่งนี้ก็กลับแล้ว ที่ฉันมาก็เพื่อบอกลาคุณชายลู่ฝาน”
หัวหน้าเขตอี้ว์ยิ้มและพูดว่า: “เป็นอย่างนี้นี่เอง อย่างนั้นพวกเราก็ขอตัวกลับกันก่อนแล้ว”
ผู้เฝ้าเมืองจางยืนเอามือไขว้หลังและพูดว่า: “อายุน้อยนี่ดีจังเลย! ”
ทั้งสองคนเดินจากไปโดยเร็ว ทำให้ลานหลังบ้านที่กว้างใหญ่ ก็เหลือเพียงแค่ลู่ฝานกับอู่คงหลิง
ทั้งสองคนจ้องมองสบตากัน ลู่ฝานจึงเอ่ยปากพูดขึ้นก่อนว่า: “ไม่นั่งก่อนเหรอ? ”
อู่คงหลิงยิ้มและพูดว่า: “ไม่ต้องหรอก ฉันมาเอาของแล้วก็จะกลับเลย”
ลู่ฝานขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อยและพูดว่า: “สิ่งของอะไรเหรอ? ”
อู่คงหลิงเดินเข้ามาด้านหน้าและพูดว่า: “สามารถแบ่งจิตอัคคีให้ฉันสักครึ่งหนึ่งได้ไหม? ฉันชื่นชอบมันอย่างมากเลย”
ลู่ฝานมองไปที่อู่คงหลิง แล้วก็ค่อย ๆ นำจิตอัคคีครึ่งหนึ่งออกมาจากทรวงอก
และวางไว้บนมือของอู่คงหลิง แล้วลู่ฝานก็พูดขึ้นว่า: “ครั้งหน้าเมื่อพบกัน พวกเรายังจะเป็นเพื่อนกันใช่ไหม? ”
อู่คงหลิงพูดว่า: “นายยอมรับว่าตอนนี้พวกเราเป็นเพื่อนกันแล้วเหรอ? ”
ลู่ฝานพูดว่า: “หรือว่าไม่ใช่เหรอ? ”
อู่คงหลิงส่ายศีรษะและพูดว่า: “ลู่ฝาน นายคงไม่อยากที่จะเป็นเพื่อนกับคนอย่างฉันหรอก อย่าลืมนะว่าสถานะของฉันคืออะไร รวมไปถึงสถานะของนายในตอนนี้ด้วย ถ้าหากผู้ตรวจการชั้นกลางที่ยิ่งใหญ่ กลายมาเป็นคนที่ฝึกวิชาชั่วร้ายแล้วล่ะก็ เกรงว่าตระกูลลู่ของนายคงจะดำรงอยู่ต่อไปไม่ได้แน่”
ลู่ฝานเงียบกริบพูดอะไรไม่ออก
อู่คงหลิงจึงได้เก็บจิตอัคคีนั้นขึ้นอย่างระมัดระวัง
“จะเป็นเพื่อนกันหรือไม่นั้น ก็ต้องดูว่าเวลานั้นคุณชายลู่ฝานเอง จะมีความคิดเห็นกับฉันอย่างไร ลาก่อน คุณชายลู่ฝาน”
อู่คงหลิงเอาแต่เรียกคุณชายลู่ฝานอยู่อย่างนั้น จนทำให้ลู่ฝานต้องพยักหน้าอย่างจำใจ
แต่ในขณะที่ลู่ฝานกำลังมองดูอู่คงหลิงเดินจากไปนั้น อู่คงหลิงก็ได้ปลดผ้าคลุมหน้าของตัวเองออก อย่างฉับพลัน
รูปลักษณ์ที่สวยงดงาม ก็ปรากฏสะท้อนขึ้นในสายตา
จากนั้น เธอก็ตรงเข้ามาจูบทันที
ลู่ฝานไม่ทันตั้งตัว จึงโดนจูบเข้าอย่างจัง
ลู่ฝานเบิกตาโพลงและมองไปที่อู่คงหลิงอย่างเหลือเชื่อ
ส่วนอู่คงหลิงนั้นก็ได้ยื่นมือสองข้างเข้ามาในเสื้อผ้าของลู่ฝาน
ความใคร่ความปรารถนาดั้งเดิมของมนุษย์กำลังเร่าร้อนขึ้น กลิ่นความหอม ได้ฟุ้งกระจายออกมาจากร่างของอู่คงหลิง
สติสัมปชัญญะที่หลงเหลืออยู่เพียงเล็กน้อยในหัวสมองของลู่ฝานนั้น ก็ได้ถูกกลิ่นความหอมนี้ชักนำพาไป
อู่คงหลิงใช้มือปลดเปลื้องเสื้อผ้าของลู่ฝาน แล้วก็ผลักตัวลู่ฝานลงไปกองที่พื้น
ลู่ฝานราวกับว่าเป็นคนธรรมดาที่ไร้เรี่ยวแรง ถูกอู่คงหลิงกดทับร่างเอาไว้