Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1434 อ่อนแอเกินไปแล้ว

ตอนที่ 1434 อ่อนแอเกินไปแล้ว

วันนี้ผู้แข็งแกร่งที่อยู่ในภูเขาเมฆาครามต่างพบว่า มอดออกจากบ้านแล้ว!

นี่ช่างเหมือนปาฏิหาริย์จริงๆ

หนึ่งปีแล้ว หนึ่งปีเต็มๆ ที่มอดนั่นกินอยู่โดยไม่เสียอะไร เสพสุขกับการดูแลต่างๆ ใช้ชีวิตอย่างดีมาก

ตอนนี้เขาถึงกับทำใจจากไปได้หรือ

นี่ทำให้ทุกคนต่างประหลาดใจ ยากจะเชื่อ

“มอดจะไปทำอะไร”

ทันใดนั้นหัวข้อนี้กลับกลายเป็นประเด็นที่ผู้คนวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างดุเดือด

“กินอิ่มนอนหลับ ชีวิตสงบสุขถึงขีดสุด คงจะออกไปเดินเล่นผ่อนคลายจิตใจละมั้ง”

มีคนขมวดคิ้ว

“ต้องเป็นเช่นนี้แน่!”

หลายคนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ยิ่งคิดยิ่งเดือดดาล พวกเขาใช้ชีวิตอย่างลำบากแสนเข็ญเช่นนี้ แต่เจ้ามอดนั่นกลับดีนัก ได้เสพสุขกับผลประโยชน์มากมายขนาดนั้น ยังมีเวลาว่างออกไปเดินเล่น

“บางทีเขาอาจจะเกิดจิตสำนึก คิดจะไปลงแรงเพื่อจักรวรรดิก็เป็นได้”

มีคนพูดเสียงเบา

ทันใดนั้นพลันถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงมากมาย

“เกิดจิตสำนึกหรือ เจ้าคิดว่าเจ้ามอดนั่นยังมีจิตสำนึกอีกหรือ”

“คนที่เกียจคร้านไร้ยางอายอย่างเขา อย่าพูดถึงคำว่าจิตสำนึก เขาไม่เหมาะ!”

“แม้เขามีจิตสำนึกจริงๆ ก็ให้หมากินไปตั้งนานแล้ว”

ชั่วขณะเดียวก็มีการโจมตีหลินสวินด้วยวาจาเต็มไปหมด

บนยอดเขา จ้าวซิงเย่ที่ปิดด่านอยู่ในเรือนหินอดหัวเราะไม่ได้ “แบกรับชื่อเสียงฉาวโฉ่ว่าเป็นมอดต้องอึดอัดมากแน่ ข้าจะดูซิว่าเจ้าจะล้างความอับอายนี้อย่างไร แล้วจะระงับเพลิงโกรธของทุกคนอย่างไร”

ทุกอย่างล้วนอยู่ในการคาดเดาของนาง

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ จ้าวซิงเย่ไม่เชื่อว่าหลินสวินจะนิ่งเฉยได้ การจากไปของหลินสวินในตอนนี้พิสูจน์ว่านางเดาถูก

ไม่มีใครรู้ว่าการดูแลหลินสวินเป็นพิเศษตลอดเวลาหนึ่งปีนี้ เป็นสิ่งที่นางจงใจทำ

เหตุผลง่ายมาก ผลประโยชน์ที่ได้รับยิ่งมาก ภาระหน้าที่ที่ต้องแบกรับก็ยิ่งมาก ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่หลินสวินจะลงแรงแล้ว

อีกอย่างเขาเองก็สมัครใจ

จ้าวซิงเย่พอใจกับผลลัพธ์นี้อย่างมาก

……

“นั่นก็คือภูเขาเต่าจำศีล ลักษณะคล้ายเต่ายักษ์ ภายในหล่อเลี้ยงสายแร่ผลึกกำเนิดเจตะมากมาย เพิ่งถูกทัพพ่อมดเถื่อนยึดครองเมื่อวานนี้เอง”

หน้าภูเขาใหญ่ลูกหนึ่ง สืออวี่พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ว่ากันว่าบนภูเขาลูกนี้มีผู้แข็งแกร่งพ่อมดเถื่อนสิบหกคนควบคุม แต่ละคนล้วนมีพลังปราณที่ไม่ด้อยไปกว่าระดับอมตะเคราะห์ด่านเจ็ด”

หลินสวินทอดสายตามองไปพร้อมพูดว่า “เป็นภูเขาสมบัติลูกหนึ่งจริงๆ”

“เจ้าจะไปจริงๆ หรือ ต้องการกำลังคนสักหน่อยหรือไม่”

สืออวี่อดพูดไม่ได้ “แม้ข้ามั่นใจในตัวเจ้ามาก แต่เพียงแค่เราสองคนคงยากมาก… เฮ้ย ข้ายังพูดไม่จบทำไมเจ้าไปแล้วล่ะ”

มองหลินสวินเดินไปยังภูเขาเต่าจำศีลที่ห่างออกไปโดยไม่สนใจ สืออวี่ตะลึง แต่ก็ยังคงเดินตามไป

“ข้าบอกว่าวิธีที่มั่นคงที่สุดคือข้าจะเรียกพวกหนิงเหมิง เย่เสี่ยวชีมาด้วย ด้วยศักยภาพของพวกเรา จะครอบครองภูเขานี้ก็ไม่ใช่เรื่องยาก…”

สืออวี่พึมพำ

หลินสวินอดรู้สึกจนปัญญาไม่ได้ “หากเจ้าเชื่อข้า ก็อย่าพูดมากดีหรือไม่”

สืออวี่พูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ไม่ใช่เพราะข้าห่วงเจ้าหรือไร เจ้ายังจะมารังเกียจอีก ก็ได้ ข้าจะดูเจ้าเคลื่อนไหวโอ้อวดตามลำพัง เจ้าอย่าโดนตีจนล้มล่ะ”

แม้พูดเช่นนี้ในใจเขาก็ยังอดเป็นห่วงไม่ได้

ในหนึ่งปีนี้หลินสวินแทบไม่เคยลงมือ แม้รู้ว่าเขาได้ก้าวสู่มกุฎมรรคาในตำนานแล้ว แต่ถึงอย่างไรก็ไม่เคยเห็นเขาลงมืออย่างแท้จริง จะไม่ให้สืออวี่เป็นห่วงได้อย่างไร

ห่างออกไปบนภูเขาเต่าจำศีล ผู้แข็งแกร่งพ่อมดเถื่อนที่ลาดตระเวนอยู่สังเกตเห็นร่องรอยของหลินสวินและสืออวี่ทันที ก็อดอึ้งไม่ได้

สองคนหรือ

ทันใดนั้นพวกเขาต่างเผยรอยยิ้มเหี้ยม พูดว่า “พี่น้องเอ๋ย สารเลวฝั่งจักรวรรดิมารนหาที่ตายแล้ว”

สวบๆๆ!

ทันทีที่สิ้นเสียงก็มีเงาร่างมากมายพุ่งออกมา ล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งพ่อมดเถื่อน กลิ่นอายแต่ละคนแข็งแกร่งน่ากลัว

ตอนที่เห็นเงาร่างของหลินสวินกับสืออวี่ต่างก็อึ้งไป เหมือนคิดไม่ถึงว่าเพียงแค่สองคนเท่านั้น ดันกล้าเข้ามารนหาที่ตายจริงๆ

“ดูเหมือนว่าสถานการณ์ของค่ายทัพจักรวรรดิแย่ลงเรื่อยๆ แล้ว ถึงขนาดให้สองคนนี้มารนหาที่ตาย ข้ายังนึกสงสารพวกเขาขึ้นมาบ้างแล้ว”

มีคนหัวเราะเกรียวกราว

“หยุดพูดไร้สาระ รีบสู้รีบจบ ผลึกกำเนิดเจตะบนภูเขานี้อีกเดี๋ยวก็ขุดหมดแล้ว ฉวยโอกาสก่อนที่ฟ้าจะมืดออกไปจากที่นี่”

ชายชุดคลุมขนสัตว์ที่เป็นผู้นำออกคำสั่ง

“ข้าไปเจอพวกเขาสักหน่อย!”

ทันใดนั้นก็มีผู้แข็งแกร่งระดับอมตะเคราะห์ด่านเจ็ดสายคนเถื่อนอัคคีที่รูปร่างผอมซูบ อยู่ภายใต้การปกคลุมของเปลวเพลิงทั้งตัวคนหนึ่งโฉบออกมา ราวกับรุ้งศักดิ์สิทธิ์อัคคีสายหนึ่งพุ่งไปในทิศที่ห่างออกไป

“พวกเจ้าก็ตามไปด้วย อย่าประมาท”

ชายในชุดคลุมขนสัตว์สั่ง

ทันใดนั้นมีผู้แข็งแกร่งพ่อมดเถื่อนสามคนรับคำสั่ง พุ่งตัวตามออกไป

“มาแล้ว!”

สืออวี่หรี่ตา จิตต่อสู้พลุ่งพล่านทั้งตัว ขณะที่ปากก็พูดว่า “สู้ม่ชนะก็หนี ไม่ต้องอาย”

มุมปากของหลินสวินกระตุกทีหนึ่ง จนปัญญาไปเหมือนกัน หรือเขาควรบอกสืออวี่ว่าแค่นี้เล็กน้อยมาก

แต่เช่นนี้สืออวี่จะต้องคิดว่าตนคุยโวมากกระมัง

“แค่พวกเจ้าสองคนหรือ”

ครืนโครม!

อากาศสั่นไหว ผู้แข็งแกร่งสายคนเถื่อนอัคคีคนนั้นทะลวงอากาศมาถึง สายตาราวกับสายฟ้าเปลวเพลิง กวาดมองหลินสวินและสืออวี่อย่างดูถูก

สืออวี่สีหน้าอึมครึม ถูกมองข้ามเช่นนี้ทำให้เขาเองก็อดโกรธไม่ได้ กำลังเตรียมจะก่นด่า

ทว่าก็เห็นหลินสวินลงมือไปแล้ว คร้านจะพูดไร้สาระ

ตูม!

หมัดที่ธรรมดาหมัดหนึ่งพุ่งออกไป พลังเลือดลมที่พลุ่งพล่านแปลงเป็นแสงอันสว่างไสวรวบรวมอยู่ในพลังหมัด ราวกับเทพมารดึกดำบรรพ์ยกภูเขาเทพลูกหนึ่งขึ้นแล้วโยนออกไป สะท้านฟ้าสะเทือนดิน ปั่นป่วนอากาศจนยุ่งเหยิง

หลังจากนั้น…

ผู้แข็งแกร่งสายคนเถื่อนอัคคีที่เพิ่งมาถึงและเผยสีหน้าดูถูกคนนั้น ถูกโจมตีจนร่างระเบิดท่ามกลางสายตาตะลึงของสืออวี่!

ร่างเขาเหมือนสิ่งเปราะบาง ระเบิดออกอย่างกะทันหัน งดงามยิ่งกว่าดอกไม้ไฟในโลกเสียอีก

หมัดเดียวสังหารผู้แข็งแกร่งระดับอมตะเคราะห์ด่านเจ็ดคนหนึ่ง!

หลินสวินเก็บมือ ขมวดคิ้วพูด “อ่อนแอขนาดนี้เชียว”

ราวกับไม่อาจเชื่อได้

สืออวี่พูดอึ้งๆ “ท่าทางเหมือนอ่อนแอมากจริงๆ… แต่แค่… ทำไม…”

เขาไม่รู้ว่าควรพูดอะไรไปชั่วขณะ ในใจพลันพลิกตลบระลอกหนึ่ง รู้สึกเพียงว่าอานุภาพของหมัดเมื่อครู่นี้เทพจริงๆ!

“ไม่ใช่แล้ว เป็นยอดฝีมือ!”

“เข้าไปพร้อมกัน!”

ไม่นานผู้แข็งแกร่งพ่อมดเถื่อนสามคนที่ตามมาถึงติดๆ เห็นภาพที่ผู้แข็งแกร่งสายคนเถื่อนอัคคีถูกฆ่าก็ตกใจจนสั่นเทิ้มไปทั้งตัว สีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมา

“ข้าลองอีกครั้ง”

หลินสวินใคร่ครวญแล้วพูด

“ก็ดี”

สืออวี่พยักหน้า เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ กลั้นลมหายรวบรวมสมาธิ เหมือนจะตั้งใจดูแต่ละเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ให้ชัด

ถึงอย่างไรหมัดเมื่อครู่นี้ก็ไวเกินไป ทำให้เขายังตอบสนองไม่ทันผู้แข็งแกร่งคนเถื่อนอัคคีคนนั้นก็ถูกฆ่าไปแล้ว ยากจะเชื่อจริงๆ

“ฆ่า!”

ผู้แข็งแกร่งพ่อมดเถื่อนสามคนพุ่งมา

ตูม! ตูม! ตูม!

ในชั่วพริบตาหลินสวินต่อยออกไปสามหมัด ล้วนโจมตีด้วยพลังหลอมกายล้วนๆ สิ่งที่ใช้ยังคงเป็น ‘ประทับรบมายาพิสุทธิ์’ ใน ‘วิชาร่างอริยะเก้าพิสุทธิ์’ วิชาต่อสู้หลอมกายที่คู่กัน

ทุกหมัดล้วนเหมือนประทับแห่งมหามรรค เรี่ยวแรงทะลวงฟ้า กำราบหยินหยางทะลวงจักรวาล แข็งแกร่งไร้ที่เปรียบ เผด็จการอย่างที่สุด

จากนั้นจึงเห็นว่าร่างสามร่างระเบิดออกกลางอากาศ ราวกับดอกไม้ไฟสีเลือดสามดอก งดงามน่าสยดสยอง

“ตายแล้วหรือ”

สืออวี่สูดหายใจลึกครั้งหนึ่ง คราวนี้ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่า ไม่ใช่เพราะคู่ต่อสู้อ่อนแอเกินไป แต่เป็นพลังของหลินสวินที่แข็งแกร่งและน่ากลัวเกินไป มีพลังบดขยี้อย่างสมบูรณ์

ความรู้สึกเช่นนั้นราวกับเสือตัวหนึ่งสะบัดกรงเล็บ ตบแมลงวันตายไปหลายตัวอย่างไรอย่างนั้น

แต่สืออวี่รู้ว่านั่นไม่ใช่แมลงวัน แต่ล้วนเป็นบุคคลเก่งกาจระดับอมตะเคราะห์ เลือกคนใดคนหนึ่งออกมาล้วนสามารถทำให้ผู้แข็งแกร่งค่ายทัพจักรวรรดิหลายคนระแวง!

นี่เป็นการพิสูจน์อีกครั้งว่าหลินสวินแข็งแกร่งมาก ไม่ใช่แข็งแกร่งธรรมดา!

“อ่อนแอเกินไปแล้ว”

ตอนนี้หลินสวินถอนหายใจ ผิดหวังเล็กน้อย

เขาออกมาคราวนี้ไม่ได้มาพักผ่อนหย่อนใจนะ แต่จะมาเคี่ยวกรำพลังหลอมกาย และลบล้างความอับอายที่ถูกมองว่าเป็นมอดในเวลาเดียวกัน

แต่ไม่เคยคิดว่าอีกฝ่ายกลับอ่อนแอเช่นนี้

“คนพวกนี้น่ะหรือที่ทำให้ค่ายทัพจักรวรรดิถูกขัดขวางครั้งแล้วครั้งเล่า” หลินสวินอดถามไม่ได้

สืออวี่กระดากและอึดอัดอย่างไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ จึงฝืนพูดว่า “ความจริงพวกเขาก็ไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น…”

นี่สร้างความกระทบกระเทือนจิตใจมากเกินไป ทำให้สืออวี่ไม่รู้ว่าควรอธิบายอย่างไร

ห่างออกไป ความฮือฮาระลอกหนึ่งยังคงอยู่กับพวกชายชุดคลุมขนสัตว์บนภูเขา ต่างสังเกตเห็นแล้วว่าสถานการณ์ผิดปกติ แต่ละคนสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก

“เจอตัวพวกร้ายกาจแล้ว!”

“เพียงแต่คนผู้นั้นเป็นใคร เหตุใดจึงไม่เคยได้ยินชื่อเสียงมาก่อน”

ในใจพวกเขาเย็นเยียบ

สามารถฆ่าพวกพ้องของพวกเขาได้ง่ายๆ พลังต่อสู้ระดับนั้นน่ากลัวเกินไปแล้ว ทำให้พวกเขาตระหนักถึงอันตราย

“คนแบบนี้ไม่ใช่คนที่พวกเราจะรับมือได้ ถอย!”

ชายชุดคลุมขนสัตว์ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด

ผู้ชำนาญเพียงลงมือก็รู้ว่าทำได้หรือไม่ได้ เขาจะไม่เอาชีวิตของตนไปเสี่ยง สามารถฝึกปราณมาถึงระดับอย่างพวกเขาย่อมไม่มีใครเป็นคนโง่ ล้วนรู้ว่าคนแบบไหนล่วงเกินได้ และแบบไหนที่ไม่ควรล่วงเกิน

“ถอย!”

ทันใดนั้นพวกชายชุดคลุมขนสัตว์เลือกหนีไปอย่างไม่ลังเล

สวบ!

เพียงแต่ในเมื่อหลินสวินมาแล้ว จะยอมให้พวกเขาหนีโดยไม่ทำอะไรได้อย่างไร ทันใดนั้นเงาร่างของเขาพลันหายไปกลางอากาศ

สืออวี่เองก็โจมตีในทันที เงาร่างว่องไวอย่างมาก เขาไม่อยากให้หลินสวินต่อสู้เพียงลำพังหรอกนะ

ตูม!

เพียงแต่ยังไม่ทันที่เขาจะตามไป ก็เห็นว่าในจุดที่ห่างออกไปเกิดคลื่นกระเพื่อมกะทันหัน ฟ้าดินสั่นไหว ชั้นเมฆทลาย

ผู้แข็งแกร่งพ่อมดเถื่อนคนหนึ่งถูกฆ่า เลือดย้อมอากาศ

“วิปริต!” มุมปากของสืออวี่กระตุก ลอบด่าคำหนึ่ง

เขาไล่ตามผู้แข็งแกร่งพ่อมดเถื่อนอีกคนต่อ แต่เพียงพริบตาผู้แข็งแกร่งพ่อมดเถื่อนที่ถูกเขาจับจ้องก็ถูกฆ่าไปด้วย ร่างกายระเบิดราวกับฝนเลือดสาดพรม

ภาพที่น่าสยดสยองนั่นทำให้สืออวี่ทนมองไม่ได้

ตูม!

ในช่วงเวลาหลังจากนั้นมีผู้แข็งแกร่งพ่อมดเถื่อนทยอยถูกฆ่า ร่างกายระเบิดกลางอากาศ ทำให้สืออวี่พูดไม่ออก สีหน้าเปลี่ยนไปไม่หยุด

จู่ๆ เขาก็ค้นพบว่า ด้วยพลังต่อสู้ของตนถึงกับไม่มีแม้แต่โอกาสจะแทรกแซง กระทบกระเทือนจิตใจเกินไปแล้ว!

แต่ไม่นานสืออวี่ก็ตื่นเต้นขึ้นมา เขาค้นพบว่าในที่สุดหลินสวินก็เจอคู่ต่อสู้แล้ว ซึ่งก็คือชายชุดคลุมขนสัตว์คนนั้น

เจ้าหมอนี่แม้มีพลังปราณเพียงระดับอมตะเคราะห์ด่านเจ็ด แต่พลังต่อสู้กลับแข็งแกร่งอย่างที่สุด ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะเทียบได้

“ในที่สุดก็เจอคนที่เข้าท่าแล้ว…” ในใจสืออวี่รู้สึกโล่งอกอย่างไม่ทราบสาเหตุ

เพียงแต่ไม่รอให้เขาถอนหายใจ เสียงร้องโหยหวนก็ดังขึ้นพร้อมๆ กับที่ร่างของชายชุดคลุมขนสัตว์คนนั้นถูกโจมตีจนระเบิด

ท่ามกลางฝนเลือดที่สาดพรม หลินสวินเสื้อผ้าสะอาดสะอ้าน ถอนหายใจเบาๆ กลางอากาศ

ภาพนี้ทำให้สืออวี่อึ้งงันโดยสิ้นเชิง แม้แต่มุมปากยังกระตุกระลอกหนึ่ง อย่า…

อย่ารุนแรงขนาดนั้นได้หรือไม่…

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท