เดิมทีเหลียงเซ่าตั้งใจจะตายพร้อมกับหนิวทุนเทียน แต่สุดท้ายก็ไม่สมปรารถนา
เขาตายแล้ว
ทว่าหนิวทุนเทียนแค่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเท่านั้น
นี่ทำให้ทุกคนในฝ่ายจักรวรรดิรู้สึกเดือดดาลอย่างบอกไม่ถูก ดวงตาแทบถลน ความเคียดแค้นอัดแน่นจุกอก
หวังเพียงชาติหน้าจะได้ร่วมสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ กลืนเลือดศัตรูพร้อมเสียงหัวเราะกับทุกคนอีก!
ประโยคนี้องอาจและเด็ดเดี่ยวปานใด เผชิญหน้ากับความตายอย่างผ่าเผย มองการตายเหมือนดั่งหวนคืน แต่เมื่อกระทบโสตหูทุกคน ต่างกระตุ้นต่อมน้ำตาอย่างอดไม่ได้
ฝั่งพันธมิตรหมื่นเผ่าก็ถูกการตายของเหลียงเซ่าทำเอาสะเทือนเช่นกัน แต่หลังจากนั้นก็พากันแค่นหัวเราะขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่
“ระเบิดตัวเอง? การกระทำของคนใจเสาะ! ขายหน้า”
“เฮอะๆๆ นี่เรียกว่าพลีชีพสละชีวิตกระมัง น่าเสียดาย ตายไปก็ไร้ประโยชน์”
คำพูดเย้ยหยันเหล่านี้ทำให้พวกสืออวี่ดวงตาแดงก่ำ ต่อให้เป็นหลินสวินก็ยังเกือบระงับไอสังหารภายในใจไว้ไม่อยู่
ในที่สุดเขาก็ได้สัมผัสกับความโหดเหี้ยมของศึกถกมรรค รสชาติช่างทรมานเหลือเกิน!
“คนต่อไป!”
ในสนามประลอง หนิวทุนเทียนสีหน้าเย็นเยียบ ตะโกนเสียงดังลั่น
เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่อานุภาพยังคงอยู่ ท่าทางเหมือนไม่เห็นทุกคนในฝั่งจักรวรรดิอยู่ในสายตา “พวกเจ้าก็เห็นกันหมดแล้ว ข้าบาดเจ็บ คนที่อยากฉวยโอกาสก็เชิญเข้ามา”
เสียงกึกก้องทั่วลาน เผด็จการเปี่ยมล้น
“เหล่าหนิว ไม่สู้เปลี่ยนข้าไปดีกว่า คู่ต่อสู้ยิ่งน้อยลงเรื่อยๆ แบ่งกันไม่พอแล้ว”
ข่งซิ่วเอ่ยปากเสียงขรึม เขามีผมยาวสีดำนุ่มสลวยทั่วศีรษะ บนเส้นผมรายล้อมแล้วประจุอสนีสีเงินที่วูบไหวไม่หยุดสายแล้วสายเล่า ส่องสะท้อนจนเขาเหมือนเทพอาบไล้สายฟ้าจุติลงมา
“เฮอะ! ข้าชนะแล้ว ก็มีโอกาสสู้ต่อไป”
หนิวทุนเทียนแค่นเสียงเย็น
การสนทนาเช่นนี้ราวกับเห็นทุกคนในฝ่ายจักรวรรดิเป็นเหยื่อก็ไม่ปาน ยื้อแย่งช่วงชิง และเป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามอีกอย่างหนึ่งด้วย
นัยน์ตาดำสนิทของหลินสวินมีประกายน่าสยดสยองไหลเวียน กล่าวว่า “พวกเจ้าไม่ต้องแย่งกัน รอให้ข้าลงสนามจะเล่นสนุกกับพวกเจ้าทีละคนแน่”
น้ำเสียงราบเรียบ แต่กลับมีไอเคียดแค้นที่ทำให้ผู้คนสั่นเทิ้มทั้งที่ไม่ใช่หน้าหนาว
เมื่อได้ยินเช่นนี้ฝ่ายพันธมิตรหมื่นเผ่าก็มีคนหัวเราะเยาะ มีคนดูแคลน มีคนแค่นเสียงเย็น
หลินสวินไม่พูดมากความอีก
เขากลัวว่าจะควบคุมตัวเองไม่ได้อีกต่อไป!
คนที่ลงสนามเป็นคนที่ห้าคือจ้าวจิ่งเฟิง
ในฐานะองค์ชายเจ็ดของจักรวรรดิ ชั่วขณะนี้จ้าวจิ่งเฟิงไม่ได้กลัวหัวหด หรือกล่าวได้ว่าเขากระโจนลงสนามประลองด้วยเพลิงโทสะสุมอก
การต่อสู้ครั้งใหญ่ปะทุขึ้น จ้าวจิ่งเฟิงดวงตาแดงก่ำ ไม่เคยสู้สุดแรงเกิดเหมือนตอนนี้มาก่อน
ตูม!
ทวนยาวสีม่วงเล่มหนึ่งพุ่งออกมาจากฝ่ามือของเขา ก่อให้เกิดรุ้งพร่างพราย
จะเห็นได้ว่าอานุภาพศักดิ์สิทธิ์ของทั้งตัวเขาไพศาล กล้าหาญสะท้านโลก
การต่อสู้ครั้งนี้สะเทือนเลื่อนลั่น จ้าวจิ่งเฟิงสำแดงยอดวิชาทั้งหมด บุกโหมอย่างเดือดคลั่ง ผมเผ้ารุงรัง เลือดนักรบพลุ่งพล่าน
แม้ว่าตอนแรกหลินสวินและจ้าวจิ่งเฟิงจะมีความขัดแย้งและการปะทะกัน แต่ยามนี้ก็อดสะเทือนใจไม่ได้
แต่ว่าหนิวทุนเทียนแข็งแกร่งเกินไป!
ต่อให้ร่างกายบาดเจ็บก็ยังสู้พอฟัดพอเหวี่ยงเท่ากับจ้าวจิ่งเฟิง ถึงขั้นมีหลายครั้งที่ซัดจนจ้าวจิ่งเฟิงถอยกรูด
นี่ทำให้ผู้แข็งแกร่งฝ่ายจักรวรรดิหน้าเปลี่ยนสี
หนิวทุนเทียนเป็นพวกชั้นยอดที่อยู่ในกระดานพลังต่อสู้หมื่นเผ่า ทุกคนรู้ดีว่าเขาแข็งแกร่งปานใด แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะแข็งแกร่งถึงขั้นนี้
จนกระทั่งสู้กันถึงกระบวนท่าที่หกร้อย จู่ๆ หนิวทุนเทียนก็ส่งเสียงคำรามลั่นออกมา นี่คืออภินิหารพรสวรรค์ของเขา เสียงคำรามแห่งวัวมารทรงพลัง เสียงนั้นเพียงพอจะบดขยี้ภูผาธารา ซัดห้วงอากาศขาดสะบั้น สังหารสิ่งมีชีวิตทั้งปวงให้ดับสูญ
ท่ามกลางความเลือนราง ด้านหลังหนิวทุนเทียนราวกับมีวัวเทพสีดำเมื่อมตัวหนึ่ง เหยียบย่างเวิ้งดารา แหงนหน้าร้องคำราม ทำให้ความเวิ้งว้างโดยรอบปั่นป่วน!
“แย่แล้ว” พวกสืออวี่หน้าเปลี่ยนสี
ก็เห็นจ้าวจิ่งเฟิงคล้ายกับถูกสายฟ้าฟาด เงาร่างโซเซ เลือดออกเจ็ดทวาร แม้แต่จิตวิญญาณยังส่ายไหวอยู่พักหนึ่ง
ฉัวะ!
ฉวยโอกาสนี้ประกายคมเจิดจ้าสายหนึ่งแล่นปราด คล้ายสายรุ้งยาวทะลุตะวัน ผ่าห้วงอากาศขาดสะบั้น ฟันร่างจ้าวจิ่งเฟิงขาดเป็นสองท่อน
ทั่วลานเงียบสงัด ไม่มีใครพูดจา
ทุกคนในฝ่ายจักรวรรดิต่างเบิกตากว้าง ทำใจรับไม่ได้ เป็นไปได้อย่างไร เห็นอยู่ว่าหนิวทุนเทียนบาดเจ็บอยู่แท้ๆ เหตุใดจึงสังหารจ้าวจิ่งเฟิงได้
“องค์ชายเจ็ด!” พักหนึ่งถึงมีคนโพล่งออกมาอย่างโศกเศร้า
ที่ผ่านมาจ้าวจิ่งเฟิงอาจจะดุร้ายหาใดเปรียบ นิสัยเจ้าอารมณ์ แต่ครั้งนี้เขาต่อสู้เพื่อจักรวรรดิโดยไม่กลัวความตาย ใครเล่าจะไม่สะเทือนใจ
“ฮ่า เจ้าหมอนี่เป็นถึงองค์ชายคนหนึ่ง แต่กลับไม่ได้เรื่องถึงเพียงนี้”
“ขนาดหนิวทุนเทียนที่เจ็บหนักยังสู้ไม่ได้ พูดตามตรง ต่อไปจักรวรรดิของพวกเจ้าควรถอนตัวออกจากศึกถกมรรคเสียดีกว่า!”
“ห้าครั้งติดต่อกันแล้ว พ่ายสี่ชนะหนึ่ง น่าอายนัก!”
คำพูดเย้ยหยันจากฝ่ายพันธมิตรหมื่นเผ่าดังกระทบโสตหูไม่หยุด
ทุกคนในฝั่งจักรวรรดิแทบจะคลุ้มคลั่ง แต่ยากที่จะร้องคำรามออกมา ไม่ว่าจะฝืนทนแค่ไหน เคียดแค้นปานใด ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงความจริงที่นองเลือดในตอนนี้ได้
แม้จะเป็นจ้าวซิงเย่ ดวงหน้างดงามก็แต้มแววเย็นยะเยือกถ้วนทั่วตั้งนานแล้วเช่นกัน
“จ้าวซิงเย่ เจ้าข่มอารมณ์ไว้เป็นดีที่สุด หากกล้ายื่นมือไปทำลายกฎ ต้องรับผิดชอบผลที่ตามมาเอง!”
ไกลออกไปหนิวเจิ้นอวี่ตะโกลนลั่น เสียงก้องสะท้อนสี่ทิศ อานุภาพเปี่ยมล้น
“เฮอะ!”
จ้าวซิงเย่แค่นเสียงเย็น “ศึกถกมรรคเพิ่งดำเนินมาแค่ครึ่งทาง คิดจริงๆ หรือว่าพวกเจ้าจะชนะแน่ๆ”
“ฮ่าๆๆ คำพูดข่มขวัญใครก็ทำได้ ตอนนี้ข้าเป็นห่วงเพียงว่าครั้งนี้พวกชั้นยอดในจักรวรรดิของพวกเจ้าจะตายกันหมด ต่อไปเกรงว่าในสมรภูมิกระหายเลือดจะไม่มีที่ให้จักรวรรดิของพวกเจ้ายืน!”
หนิวเจิ้นอวี่ระเบิดหัวเราะลั่น อหังการเต็มเปี่ยม
ทันใดนั้นผู้แข็งแกร่งพันธมิตรหมื่นเผ่าคนอื่นๆ ต่างพากันหัวเราะผสมโรง
“พวกเจ้าแหกปากไปเถอะ อีกเดี๋ยวหวังว่าพวกเจ้าจะยังร้องออกกันอยู่!”
และยามนี้เอง หลินสวินเคลื่อนไหวแล้ว
ชั่วอึดใจเงาร่างก็มาปรากฏกลางสนามประลอง นัยน์ตาดำเย็นเยียบจนน่ากลัว ส่วนลึกของดวงตากำลังลุกโชน เต็มไปด้วยเพลิงโทสะและไอสังหารไม่มีที่สิ้นสุด
ไม่มีช่วงเวลาไหนที่เขากระเหี้ยนกระหือรืออยากต่อสู้เช่นนี้!
“พี่หลิน ต้องชนะให้ได้!” เบื้องหลัง ทุกคนกำลังร้องตะโกน
พ่ายแพ้มาหลายครั้ง ล้มตายหลายคนติดต่อกัน ทำให้ในใจพวกเขาล้วนเก็บอัดอั้นจวนจะคลั่ง กระหายชัยชนะ กวาดล้างสภาวะถดถอยให้เกลี้ยง
และการลงสนามของหลินสวินทำให้คนมากมายเกิดความหวัง เพราะทุกคนต่างรู้ดีว่าเขาแข็งแกร่งยิ่ง!
แต่ก็ยังมีคนไหวหวั่นในใจ รู้สึกเครียดเกร็ง พ่ายแพ้มาหลายหน ทำให้พวกเขากังวลใจว่าหลินสวินอาจเพลี้ยงพล้ำและแพ้การต่อสู้อีกก็ได้
“วางใจเถิด ในเมื่อข้ายืนอยู่ที่นี่แล้วก็จะไม่ไปไหนอีก! มาหนึ่งคน ข้าก็จะฆ่าหนึ่งคน จนกระทั่งฆ่าศัตรูให้เกลี้ยง!”
กล่าวถึงตอนท้ายผมดำทั่วศีรษะของหลินสวินปลิวสยาย ไอสังหารระฟ้าทะลักออกมา หอบม้วนเหนือฟ้าใต้ดิน ทำให้เมฆแปดทิศถล่มครืน ฟ้าดินต่างสะเทือนไหว
ไอสังหารเยียบเย็นนั้นทำให้ผู้แข็งแกร่งพันธมิตรหมื่นเผ่าต่างรู้สึกหนาวสั่นในใจ เริ่มหน้าเปลี่ยนสี
แต่ในยามนี้จู่ๆ หนิวทุนเทียนกลับระเบิดหัวเราะเสียงดังลั่นออกมา “เจ้าหลินสวินเป็นบุคคลหมายเลขหนึ่งจริงๆ แต่ว่า ข้าเคยบอกว่าอยากสู้กับเจ้าด้วยหรือ”
กล่าวจบเขาก็หันตัวเดินออกจากสนามประลองอย่างอกผายไหล่ผึ่ง เดินไปพลางยังหัวเราะไปพลาง “ผู้ชนะสามารถเลือกได้ว่าจะสู้หรือไม่สู้ ตอนนี้ร่างกายข้าบาดเจ็บ ไหนเลยจะยอมให้เจ้าเอาเปรียบข้าได้”
ทั่วลานต่างตกตะลึง
ด้านจักรวรรดิ ทุกคนต่างโมโหจนตัวสั่น เจ้าหน้าไม่อายคนนี้ถึงกับถอยหนีโดยไม่สู้!
ฝ่ายพันธมิตรหมื่นเผ่าอึ้งงันก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นก็พากันหัวเราะเยาะขึ้นมา เหมือนหยอกเล่นสำเร็จอย่างไรอย่างนั้น
“อยากเอาเปรียบแต่ทำไม่ได้ คงโกรธจนแทบกระอักเลือดแล้วใช่หรือไม่ ซ้ำยังประกาศปาวๆ ว่าจะฆ่าพวกเราให้เกลี้ยง น่าขันสิ้นดี!”
“นี่ก็เหมือนแมลงน่าสงสารตัวหนึ่งร้องคำรามข่มขู่มังกรเทพบนสวรรค์ มีประโยชน์หรือ รังแต่จะทำให้ชวนตลกและต่ำต้อยเท่านั้น!”
คำพูดเหล่านี้บาดหูหาใดเปรียบ กลิ่นอายถากถางเต็มเปี่ยม
แม้จะเป็นหนิวเจิ้นอวี่ก็ยังอดคลี่ยิ้มไม่ได้ ยกนิ้วโป้งให้พลางกล่าวชื่นชม “ไม่เสียแรงที่เป็นทายาทเผ่าวัวมารทรงพลังของข้า กล้าหาญมีกลยุทธ์ รู้รุกรู้ถอย!”
แต่ฝ่ายจักรวรรดิ สีหน้าของทุกคนล้วนเขียวคล้ำหาใดเปรียบ
หลินสวินเพิ่งลงสนามก็ถูกล้อเลียนหนึ่งครา เรื่องนี้ทำให้ผู้คนรู้สึกอดสู้อย่างยิ่ง
“ไม่เป็นไร เข้ามาทีละคน ถึงตอนสุดท้ายเจ้าหนิวทุนเทียนก็ต้องลงสนามประลอง ถึงตอนนั้นข้าอนุญาตให้เจ้าหัวเราะเสียงดังเช่นนี้ได้”
หลินสวินสีหน้าสงบนิ่ง นัยน์ตาเย็นเยียบจนน่ากลัว จากนั้นเขาก็ส่งเสียงตวาดลั่นขึ้นมาทันที “คู่ต่อสู้ล่ะ ไสหัวออกมา!”
“เฮอะ! ไม่รู้จักเป็นตาย!”
ชายหนุ่มผิวสีเขียวเข้ม กลางหน้าผากมีเขาเดี่ยวอันหนึ่งงอกขึ้นมา สาวเท้าพุ่งกระโจนไปทางสนามประลอง สองมือถือดาบศึกเจิดจ้าคู่หนึ่ง คมกริบยิ่งยวด
ปี้อวิ๋นเซิง เผ่ากวางมรกต!
ผู้แข็งแกร่งโหดเหี้ยมที่มีชื่อเสียงมากคนหนึ่ง มีปราณระดับอมตะเคราะห์ด่านแปด อยู่ในสิบอันดับแรกกระดานพลังต่อสู้หมื่นเผ่า
“ปี้อวิ๋นเซิง เชือดมันซะ!” พวกต่างเผ่าต่างตะโกนลั่น สีหน้าฮึกเหิม
“ยังต้องให้พวกเจ้าเตือนความจำข้าด้วยหรือ”
ปี้อวิ๋นเซิงยิ้มไม่ใส่ใจ
สวบ! สวบ!
เพิ่งสิ้นเสียงเขาก็บุกโจมตีออกไป ดาบคู่ในมือพุ่งกวาดกลางอากาศฉับพลัน เจือแสงพร่างพรายพร่าตา ราวกับดาบสวรรค์คู่หนึ่งฟันผ่าลงมา
เร็วจนน่าเหลือเชื่อ และดุดันจนถึงขั้นน่ากลัว
ตอนที่คมดาบเคลื่อนผ่าน ห้วงอากาศล้วนถูกกรีดขาด ทิ้งรอยแหวกเป็นเส้นตรงสองสาย
ไม่ว่าใครก็ดูออก ทันทีที่ปี้อวิ๋นเซิงคนนี้ลงมือก็ลุยสุดกำลัง ไม่มีออมมือแต่อย่างใด!
หนิวเจิ้นอวี่อดลอบพยักหน้าไม่ได้ ปี้อวิ๋นเซิงไม่ได้ดูเบาศัตรู ถึงขั้นตระหนักว่าหลินสวินยากจะลูบคมถึงที่สุด ดังนั้นจึงเคลื่อนไหวสุดกำลังตั้งแต่จังหวะแรก
นี่คือการกระทำที่ชาญฉลาดที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
พวกหนิวทุนเทียน เมิ่งเหลียนชิง ข่งซิ่วต่างก็มองจุดนี้ออก ในใจรู้สึกโล่งอก ก่อนหน้านี้พวกเขายังห่วงว่าปี้อวิ๋นเซิงจะดูเบาศัตรู
อย่างไรเสียหลินสวินก็ยากจะลูบคมได้จริงๆ ในข่าวสารที่พวกเขารู้มา ในค่ายจักรวรรดิ คนที่เป็นภัยที่สุดก็คือหลินสวินกับหลี่ตู๋สิง
ตูม!
แสงดาบส่องประกาย ในตอนท้ายถึงกับมีเสียงพายุสะเทือนแก้วหู ปราณดาบขาวเวิ้งว้างประหนึ่งสายน้ำไหลหลาก ครอบฟ้าคลุมดิน น่าสะพรึงยิ่งนัก
นี่คือไพ่ตายของปี้อวิ๋นเซิง เรียกได้ว่าพลังต่อสู้แข็งแกร่งที่สุด!
ฝั่งจักรวรรดิ คนไม่น้อยต่างหน้าเปลี่ยนสี ใครก็คิดไม่ถึงว่าทันทีที่บุกโจมตี ปี้อวิ๋นเซิงคนนี้จะถึงกับสำแดงอานุภาพโหดเหี้ยมอำมหิตเช่นนี้ออกมา ทำให้ผู้คนใจเต้นเนื้อกระตุก
หลินสวินยังคงไม่ขยับ
รอบกายเขาไอเลือดพลุ่งพล่านกลายเป็นรุ้งเทพกระจ่างพร่างพราวไหลเวียน ละอองแสงพวยพุ่งแถบแล้วแถบเล่า ทำให้เขาเหมือนเทพสงครามที่อาบชโลมแสงเซียน แผ่อานุภาพไร้เทียมทานออกมา
ปึงๆ!
ไม่มีหลบเลี่ยง ถึงขั้นไม่ได้ต้านทาน แสงดาบน่าสะพรึงหาใดเปรียบสองสายนั้นฟันใส่ร่างของหลินสวิน เกิดเสียงกระแทกสะเทือนแก้วหู
ไม่มีภาพนองเลือดที่ถูกฟันสังหารจนตายตามที่ผู้คนคิดไว้ หลินสวินไม่เคลื่อนไหวสักนิด ปราณดาบสองสายนั้นถูกแสงกระจ่างที่ล้อมรอบตัวหลินสวินสกัดเอาไว้ จากนั้นก็มอดไหม้ทีละส่วน!
ประหนึ่งหมื่นวิชาไม่อาจรุกราน!
ทั่วลานต่างอึ้งงัน
จู่ๆ หัวใจของปี้อวิ๋นเซิงก็บีบเกร็ง นัยน์ตาหดรัด หน้าเปลี่ยนสีทันควัน ลอบอุทานว่าแย่แล้วคราหนึ่ง
เพียงแต่ตอนที่เขาเพิ่งคิดจะเบี่ยงหลบ หลินสวินก็ยื่นฝ่ามือทั้งสองข้างออกมา
ทำท่าคว้าผ่านอากาศ
แต่กลับเหมือนฝ่ามือยักษ์ของเทพไท้ที่ยื่นออกมาจากฟากฟ้า แผ่ครอบสี่ทิศแปดด้าน คว้าร่างของปี้อวิ๋นเซิงเอาไว้ จากนั้นก็ฉีกทึ้งอย่างรุนแรง!
พรวด!
แสงเลือดกระเซ็น ร่างของปี้อวิ๋นเซิงถูกฉีกทึ้ง เลือดสดๆ ไหลกระฉูดลงมาราวกับน้ำตก
……………………