เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 900
ประโยคเดียวของลู่ฝาน ทำให้ลุงชางหัวเราะเสียงดังออกมา
“น้องลู่ฝานเป็นคนรู้งานจริงๆ โอ๊ย วัยรุ่นเดี๋ยวนี้มีไหวพริบขึ้นทุกวันจริงๆ คิดถึงฉันตอนนั้น แค่เขาพูดมาฉันก็หัวร้อนตกปากรับคำเลย”
ลู่ฝานพูดว่า “ยังไงก็เสียแรงเปล่าไม่ได้อยู่แล้ว”
ลุงชางพูดว่า “ไม่ให้พวกนายเสียแรงเปล่าหรอก เอางี้ พวกนายช่วยฆ่าแมลง ฉันให้เหรียญทองพวกนาย ตัวละพันเหรียญทอง เป็นไง”
ลู่ฝานส่ายหน้าพูดว่า “ผมไม่ขาดแคลนเหรียญทอง ไม่ได้จำเป็นมากขนาดนั้น”
ขณะนั้นลุงชางขมวดคิ้วขึ้น แล้วพูดว่า “น้องลู่ฝาน แบบนี้ไม่ค่อยดีเท่าไรนะ ทุกคนเป็นคนที่รวมกลุ่มกันมา ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เป็นเรื่องที่ควรทำอยู่แล้ว พละกำลังของน้องสิบสามเหนือกว่าคนอื่น ทำมากก็ได้มาก ทุกคนรวมเหรียญทองกันซื้อเหล้า ซื้อของให้น้องสิบสาม ก็ไม่ได้ผิดอะไร แต่ถ้านายคิดจะแย่งของดีของทุกคน งั้นคงไม่มีอะไรต้องพูดแล้ว”
ลู่ฝานยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ได้แย่งของดี ผมเดินทางเป็นครั้งแรก ก็เลยสนใจในอะไรใหม่ๆ ผมคิดว่าฆ่าแมลงครั้งนี้ ควรมีรางวัลจากการรบ ตอนผมซื้อแก้วหินมิติ เถ้าแก่คนนั้นบอกผมว่าฆ่าสัตว์อสูรอากาศธาตุ จะได้แก้วหินมิติ อีกทั้งยังมีโอกาสได้ก้อนผลึกมิติชั้นดีอีกด้วย ผมต้องการสิ่งนี้”
ลุงชางหัวเราะออกมา “สิ่งนี้เหรอ ไม่มีปัญหา ถ้านายได้มันมา ก็เป็นของนาย ใครกล้าแย่งของนาย ฉันจะเฉือนให้เละ แล้วโยนไปในอุโมงค์ข้ามมิติ แต่ถ้าคนอื่นได้ก้อนผลึกมิติ ฉันก็จะช่วยเอามันมาให้นาย เป็นไง”
ลู่ฝานพูดว่า “ลุงชางช่างห้าวหาญจริงๆ”
ลุงชางตบไหล่ลู่ฝาน แอบคิดในใจว่าถ้าก้อนผลึกมิติได้ง่ายขนาดนั้น เขาคงรวยไปนานแล้ว จะมาทำอาชีพเรือข้ามฟากไปทำไมกัน เขาหันมาคารวะสิบสามแล้วพูดว่า “งั้นเชิญเลย สองสามวันนี้ อยู่บนเรือพวกเราละกัน เดี๋ยวฉันไปเรียกยอดฝีมือคนอื่นมารวมตัวกัน”
ลู่ฝานอมยิ้มพยักหน้า แล้วเดินเข้าไปในห้อง เห็นพวกหยวนเลี่ยก็อยู่ข้างในด้วย
ห้องใหญ่มาก มีสองชั้น สร้างเหมือนร้านอาหาร
กลุ่มคนกำลังกินไปคุยไป ลู่ฝานตัดสินใจหามุมนั่ง ไม่ได้นั่งกับพวกหยวนเลี่ย
เหมือนเฝิงอิ่งยังโมโหไม่หาย ไม่ยอมมองลู่ฝานเลย
ลู่ฝานก็ไม่หาเรื่องใส่ตัว วางเจ้าดำลงบนโต๊ะ ตัวเองหลับตาลงพักสายตา
“โอ๊ะ นี่คือปู้เฟย ราชากระบี่ใต้ไม่ใช่เหรอ นายก็มาด้วยเหรอ!”
จู่ๆ มีเสียงเอะอะดังขึ้นข้างหู เห็นได้ชัดว่ามียอดฝีมือที่คนรู้จักมากมายมาถึง ทุกคนรีบทำความเคารพ เสียงโต๊ะเก้าอี้ดังขึ้นมา
“มิกล้าเป็นราชากระบี่หรอก แค่นักกระบี่คนหนึ่งเท่านั้น ทุกท่านคุยกันต่อเถอะ ไม่ต้องสนใจฉันหรอก”
ผู้อาวุโสคนหนึ่งกำหมัดคารวะทุกคน สวมเสื้อผ้างดงาม มีกระบี่หิมะตรงเอว ดูมีพลานุภาพเต็มเปี่ยม บนแขนที่โผล่ออกมา มีรอยสักคำว่าดิน
นี่คือการบ่งบอกอย่างหนึ่ง แสดงว่าตัวเองมีพละกำลังแดนปราณดิน โดยทั่วไปแล้ว คนที่มีลายตัวอักษรนี้ ล้วนเป็นคนบ้าเห่อโอ้อวด กลัวว่าคนอื่นดูไม่ออกว่าเขาเป็นนักบู๊แดนปราณดิน
แน่นอนว่าไม่มีพละกำลังแดนปราณดิน ก็สามารถสักได้ แค่ไม่กลัวโดนคนท้าสู้ตีตายก็พอแล้ว
เมื่อเห็นตัวอักษรนี้ คนที่อยู่ในนี้ ไม่ว่าจะรู้จักหรือไม่รู้จัก ล้วนลุกขึ้นกำหมัดคารวะ
รวมถึงพวกเฝิงอิ่งด้วย ล้วนแสดงความเคารพเลื่อมใสต่อผู้แข็งแกร่ง
อย่างน้อยปู้เฟย ราชากระบี่ใต้คนนี้ น่าจะไม่ใช่นักบู๊แดนปราณดินจอมปลอม คนรู้จักเขาเยอะขนาดนี้ คงหลอกกันเรื่องพละกำลังไม่ได้