ตอนนี้ดูเหมือนว่า สถานการณ์ค่อนข้างดีไม่น้อยเลย แม้ว่าพวกหนอนเหล่านั้นจะมีพลังที่ไม่อ่อนแอ แต่ก็ทำได้เพียงต่อสู้กับนักบู๊แดนปราณนอกและนักบู๊แดนปราณชีวิตเท่านั้น เมื่อนักบู๊แดนปราณดินที่มีพลังความสามารถระดับราชากระบี่ใต้ปรากฏตัวขึ้น พวกมันก็จะไร้สิ้นหนทาง
ราชากระบี่ใต้ใช้ปราณเป็นเกราะกำบังกาย โดยที่ไม่สนใจการโจมตีของพวกหนอนเลย แค่กวัดแกว่งมือเล็กน้อยพวกหนอนก็ตายเรียบเป็นหน้ากลอง
เมื่อมองจากสถานการณ์นี้แล้ว เพียงแค่ให้เวลากับเขาอย่างเพียงพอ เขาคนเดียวก็คงจะสามารถจัดการรังหนอนนี้ลงได้อย่างราบคาบ
ภายใต้การนำของราชากระบี่ใต้ พวกนักบู๊ที่อยู่ด้านหลังต่างก็มีจิตใจฮึกเหิม เกิดพลังสังหารเพิ่มขึ้น
โดยได้ฆ่าพวกหนอนเหล่านี้ตายลงไปนับร้อยนับพันตัวแล้ว แต่ทางพวกของราชากระบี่ใต้ยังไม่ผู้ใดที่เสียชีวิต ผลงานการต่อสู้ระดับนี้ ลุงชางเห็นแล้วก็ถึงกับยิ้มดีใจขึ้นเลยทีเดียว
“ฉันกังวลมากไปเองจริง ๆ ด้วย ท่ามกลางรังหนอนเหล่านี้ไม่มีพญาหนอน”
ลู่ฝานพยักหน้าและพูดว่า: “ใช่เลย หากว่ามีพญาหนอน มันคงจะไม่ปล่อยให้คนเหล่านี้ฆ่าพวกหนอนจนตายลงไปอย่างมากมายขนาดนี้แน่”
หลังจากที่ทำการฆ่าไปแล้วกว่าสองชั่วโมง ในที่สุดราชากระบี่ใต้และคนอื่น ๆ ก็หยุดมือลง
หลังจากที่กวัดแกว่งกระบี่สังหารหนอนไปอีกหลายตัวแล้ว ราชากระบี่ใต้ก็ได้จ้องมองไปยังรังไหมที่อยู่ด้านหลังของพวกหนอนเหล่านี้
“ก็แค่พวกหนอนกระจอกเท่านั้น”
ราชากระบี่ใต้ยิ้มเยาะพร้อมกับใช้กระบี่ฟาดฟันไปที่รังไหมจนแหลกสลาย แล้วจึงได้พาทุกคนนั่งเรือกระบี่กลับมา
ทุกคนพากันร้องตะโกนชื่นชมราชากระบี่ใต้และพวกเขา ส่วนราชากระบี่ใต้เองก็โบกมือทักทายให้กับทุกคนด้วย
หลังจากที่เก็บเรือกระบี่แล้ว ราชากระบี่ใต้และคนอื่น ๆ ก็กระโดดขึ้นไปบนเรือมังกร
ราชากระบี่ใต้ยิ้มและมองไปที่ลุงชาง พร้อมกับพูดขึ้นว่า: “คุณชาง ฉันคิดว่าพวกหนอนเหล่านี้ไม่สามารถขัดขวางพวกเราได้หรอก ฉันว่าพวกเราเดินทางต่อได้แล้ว”
ลุงชางกำหมัดคารวะต่อราชากระบี่ใต้และพูดว่า: “ราชากระบี่ใต้ช่างสมกับที่เป็นผู้เก่งกาจที่ยิ่งใหญ่จริง ๆ ฉันรู้ดีว่าเมื่อเชิญราชากระบี่ใต้มาเข้าร่วมเดินทางแล้ว ก็จะสามารถปกป้องคุ้มกันได้ทุกอย่าง อย่างนั้นพวกเราพักผ่อนกันสักชั่วครู่ แล้วก็ออกเดินทางกันต่อเลย”
ราชากระบี่ใต้หัวเราะเหอะเหอะและพูดว่า: “ได้เลย”
เมื่อพูดจบ ราชากระบี่ใต้ก็เดินกลับเข้าไปในห้องท่ามกลางผู้คนที่รายล้อม
เวลานี้ สิบสามเองก็กลับมาอยู่ที่ด้านข้างของลู่ฝานแล้ว
ยังไม่ทันรอให้ลู่ฝานถามขึ้น สิบสามก็นำสิ่งของชิ้นหนึ่งมอบใส่มือให้กับลู่ฝาน
นี่คือวัตถุแข็งชิ้นหนึ่งที่เหมือนกับโลหะ ด้านบนมีลำแสงสีแดงเข้มเรืองรอง ทางลู่ฝานจึงถามขึ้นว่า: “นี่คืออะไร? ”
สิบสามพูดว่า: “ตัวไหม! ”
ลู่ฝานเข้าใจได้ทันทีว่า สิบสามได้หักชิ้นหนึ่งออกมาจากรังไหมแล้วนำติดตัวกลับมา
เมื่อมองไปยังลำแสงที่เรืองรองด้านบนแล้ว จิตใจของลู่ฝานพลันเกิดความรู้สึกถึงอันตรายอย่างรุนแรงขึ้น
หนอนที่ตายแล้วกลายเป็นแสง แต่ทำไมรังไหมถึงไม่ใช่ล่ะ อีกทั้งลำแสงสีแดงเข้มด้านบนของรังไหมนี้คืออะไร ลู่ฝานสัมผัสอย่างละเอียดอีกครั้ง พลันพบว่า นี่เหมือนจะเป็นพลังของมิติ แต่เมื่อไปสัมผัสรับรู้ ลำแสงสีแดงก็หายสูญไปทันที
หรือว่า……
ทันใดนั้น ลู่ฝานก็ตะโกนขึ้นว่า: “ช้าก่อน พวกเราไม่สามารถเดินทางต่อไปได้! ”
ราชากระบี่ใต้และคนอื่น ๆ ต่างก็ได้ยินเสียงตะโกนนั้น แล้วทุกคนก็หันมามองที่ลู่ฝานในทันที
ราชากระบี่ใต้ขมวดคิ้วและพูดว่า: “นายพูดอะไรนะ? ”
ลู่ฝานพูดเสียงดังว่า: “ฉันบอกว่า พวกเราไม่สามารถเดินทางต่อไปได้! ”
ราชากระบี่ใต้สีหน้าย่ำแย่โดยพลัน และพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า: “ทำไมล่ะ? ”
“เพราะว่ามีอันตราย”
ลู่ฝานพูด
ราชากระบี่ใต้ส่งเสียงฮึอย่างเย็นชาและพูดว่า: “น่าขันสิ้นดี เมื่อครู่นายเองก้เห็นแล้วว่า พวกหนอนเหล่านั้น ไม่ใช่คู่ต่อกรของฉันเลย เพียงแค่มีฉันอยู่ แม้ว่าพวกหนอนเหล่านั้นจะมีจำนวนมากเท่าไรแล้วจะอย่างไรล่ะ กอปรกับทุกคนก็อยู่กันที่นี่ จะมีอันตรายมาจากไหนอีก? ”
ลู่ฝานเกียจคร้านที่จะชี้แจงให้เขาฟัง จึงพูดขึ้นว่า: “ฉันบอกว่าไม่สามารถเดินทางต่อไปได้ ก็ไม่สามารถเดินทางต่อไปได้! ”