เงามังกรล้อมรอบตัว พลังปราณพลุ่งพล่านขึ้นอย่างสุดกำลัง
ลู่ฝานถือกระบี่หนักไร้คมอยู่ในมือ และลอยตัวลงมาท่ามกลางอากาศธาตุด้วยความเร็วคงที่ โดยสายตายังคงจ้องเขม็งไปที่พญาหนอนตัวนั้นอยู่ตลอด
เวลานี้บนตัวของพญาหนอนนั้น ได้ถูกลู่ฝานฟันจนเกิดเป็นบาดแผลที่น่ากลัว และเลือดเขียวพุ่งกระฉูดออกมาอย่างไม่หยุด
พญาหนอนหมอบราบ พยายามปกปิดบาดแผลนั้นเอาไว้
การกระทำของมัน ก็เหมือนกับที่นักบู๊สกัดจุดชีพจร ไม่นานนัก เลือดก็หยุดไหลแล้ว
พญาหนอนค่อย ๆ เก็บดาบสองเล่มขึ้น เหมือนมันจะรู้ได้ว่า หากแค่อาศัยพลังของมันเองแล้ว คงจะไม่สามารถเอาชนะมนุษย์ที่อยู่เบื้องหน้านี้ได้
ด้วยเหตุนี้ พญาหนอนจึงได้เริ่มปรับเปลี่ยนรูปร่าง ครั้งนี้ร่างของมันได้หดเล็กลง ส่วนช่วงอากาศที่อยู่ด้านหลังของมันนั้น ก็เริ่มจะมีแสงสีดำสว่างไสวขึ้น
สีหน้าท่าทางของลู่ฝานก็ยังคงอยู่ในความระมัดระวัง พร้อมกับปรับสภาพจิตใจและร่างกายของตนเองโดยเร็ว
เมื่อครู่ได้ลงมืออย่างต่อเนื่อง ทำให้เขาสิ้นเปลืองพลังงานไปไม่น้อย โดยเฉพาะกระบี่เทพมังกรทำลายล้าง ที่ทรงอานุภาพอย่างมาก แต่ก็แทบจะสิ้นเปลืองพลังปราณของเขาไปทั้งหมดเช่นกัน
เขาเก็บมุกเทพมังกรทำลายล้างขึ้น การต่อสู้หลังจากนี้ เขาคงจะต้องอาศัยแต่พลังของตนเองแล้ว
ลู่ฝานรู้สึกว่าจิตวิญญาณการต่อสู้ของตนเองนั้นอยู่ในระดับสูง เขายังต้องดูพญาหนอนตัวนี้อีกว่า ยังจะมีวิธีการอะไรอีก
ราวกับว่าได้ยินเสียงพูดในใจของลู่ฝาน พญาหนอนจึงเริ่มลงมือ
หนวดเส้นเดียวของมันที่เหลืออยู่นั้น ได้ปักลงไปท่ามกลางอากาศในทันที
จากนั้นลู่ฝานก็มองเห็น ความผันผวนที่ผิดปกติ แผ่กระจายไปทั่วในอากาศ
โลกเริ่มที่จะเปลี่ยนแปลง อุโมงค์ข้ามมิติใต้ฝ่าเท้า ก็พลันสูญสิ้นไป
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ รวดเร็วและรุนแรงอย่างมาก ลู่ฝานยังปรับตัวรับสภาพไม่ได้ในทันที
เมื่อครู่ที่ยกกระบี่หนักไร้คมขึ้น ลู่ฝานก็พลันพบว่าทุกสิ่งทุกอย่างเบื้องหน้านั้นมันเปลี่ยนไปแล้ว
สิ่งที่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้านั้น คือกรงขัง
ประกายส่องแสงเรืองรองไปทั่ว ซึ่งเมื่อไปสัมผัส ก็จะเกิดการหมุนวนอย่างรุนแรง
ช่วงอากาศแตกแยกออก ลมพายุพัดโหมและเปลวไฟลุกลาม!
พลังที่ซับซ้อนวุ่นวายทั้งหมดนั้น โจมตีเข้าใส่ร่างของเขา ฉีกแยกร่างกายของเขา และกลืนกินจิตสำนึกของเขา
พลังประเภทนี้ ลู่ฝานไม่เคยพบเจอมาก่อนเลย
เมื่อไปสัมผัสเข้า ก็รู้สึกว่ายากที่จะหลบหลีกเอาตัวรอดออกมาอย่างที่สุด พลังปราณคุ้มกันกายของตนเองก็พังทลายลงแล้ว เกราะเกล็ดมังกรคุ้มกันอยู่ชั่วขณะหนึ่ง ก็แตกสลายกลายเป็นชิ้น ๆ
ลู่ฝานสามารถมองเห็นบนร่างกายของตนเองว่า ผิวหนังเริ่มลอกออก กล้ามเนื้อกลายเป็นผุยผง โครงกระดูกแหลกสลาย จิตวิญญาณออกจากร่าง ทุกสิ่งทุกอย่างกลับคืนสู่ความว่างเปล่า
ในขณะนี้เอง ลู่ฝานก็ตะโกนขึ้น
“ทำล้าย!”
คำพูดเดียวทำลายพลังวิชาทุกอย่าง ทันใดนั้น กรงขังก็สูญหายไป
ดวงตาของลู่ฝานประกายแสงเจิดจ้า ร่างกายฟื้นฟูขึ้นในทันใด แล้วก็ฟาดฟันกระบี่ไปยังอากาศ
จากนั้น ในอากาศก็เกิดการผันผวน จุดแสงสีทองก็ร่วงตกลงมา
โลกกลับคืนสู่สภาพเดิมในทันที ลู่ฝานก็มองเห็นเงาร่างของพญาหนอนขึ้นอีกครั้ง
“แดนมายา คิดที่จะฆ่าฉันด้วยวิธีนี้อย่างนั้นเหรอ ช่างน่าขันยิ่งนัก! ”
ขณะที่ลู่ฝานพูด ก็พลันเก็บพลังทั้งหมดขึ้น
จุดลำแสง ส่องประกายขึ้นมาจากร่างกายของเขา เก้าจุด ราวกับดวงดาวที่เต็มท้องฟ้ายามค่ำคืน ปรากฏขึ้นบนร่างกายของเขา ต่อให้มีเสื้อผ้ามาบดบัง ก็ยังปกปิดแสงสว่างของเก้าจุดลำแสงนี้เอาไว้ไม่ได้
ระเบิดพลังความเป็นความตายวนเวียน!
ลู่ฝานชูกระบี่ขึ้น และตะโกนเสียงดัง
“พลังหมุนวน ฟ้าดินสั่นไหว! ”
เมื่อฟันกระบี่ลงไป ทันใดนั้น อุโมงค์ข้ามมิติด้านล่างก็ซัดโหมเป็นระลอกคลื่นสูงหลายเมตร
พลังฟ้าดินที่บริสุทธิ์นี้ ถาโถมเข้าใส่จนพวกหนอนตายลงไปเป็นจำนวนมาก
กระบี่หนักไร้คมในมือของลู่ฝานได้หายวับไป แม้แต่ร่างของลู่ฝานก็ยังเปลี่ยนเป็นความว่างเปล่า
ส่วนพญาหนอนที่อยู่ด้านหน้าของเขา ก็เริ่มปรากฏบาดแผลขนาดใหญ่ ราวกับว่าร่างถูกฉีกออก จนแหลกสลายเป็นผุยผง
เสียงร้องโอดครวญดังก้อง นี่คือความโศกเศร้าก่อนที่จะจบชีวิตลง
ลู่ฝานเปลือกตากระตุก หนวดอีกเส้นหนึ่งบนหัวของมันนั้นก็พลันหักลง
จากนั้น ร่างขนาดใหญ่ของพญาหนอนก็ระเบิดทันที กลายเป็นฝนเลือดสีเขียวตกลงมาทั่วบริเวณ