Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1449 พ่ายแพ้อย่างหนัก

ตอนที่ 1449 พ่ายแพ้อย่างหนัก
ครู่หนึ่งหลังจากนั้น
พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬอดหงุดหงิดไม่ได้
เขามาคราวนี้เป้าหมายที่สำคัญคือช่วยหนิวเจิ้นอวี่ แล้วสังหารจ้าวซิงเย่ด้วยกัน เช่นนี้ค่ายจักรวรรดิก็จะสลายไปด้วย
เขาไม่อยากเสียเวลากับมดปลวกอย่างหลินสวินมากเกินไปหรอกนะ
“เด็กเมื่อวานซืน เจ้าต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!”
ตอนที่จับได้แต่เงาร่างของหลินสวินได้อีกครั้ง พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬส่งเสียงตะโกน พลันเรียกค้อนกระดูกขาวด้ามหนึ่งออกมากระแทกลงไปอย่างแรง
โครม!
กลิ่นอายอริยมรรคน่าสะพรึงปรากฏบนค้อนกระดูกขาว พอกระแทกลงไปภูผาธาราในรัศมีร้อยลี้ระเบิดเป็นเสี่ยงๆ ในบัดดล
ไม่ว่าจะเป็นภูเขา หิน ต้นไม้ใบหญ้า ล้วนถูกบดขยี้จนแหลกละเอียด!
ควรรู้ว่าสมรภูมิกระหายเลือดในตอนนี้ถูกปกคลุมด้วยกฎเกณฑ์ฟ้าดินที่แข็งแกร่งอย่างที่สุด สรรพสิ่งกลางฟ้าดินล้วนยากจะถูกตีให้ละเอียด
แต่การโจมตีนี้ของพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬ กลับทำให้ภูผาธาราในระยะร้อยลี้กลายเป็นความว่างเปล่า!
จากเรื่องนี้ก็สามารถเห็นถึงความน่ากลัวของอริยะแท้แล้ว
ครั้งนี้ตอนที่หลินสวินหลบหนีก็เกือบจะถูกกระแทกโดนจนดับสลายไปในนั้น อดตกใจจนเหงื่อท่วมตัวไม่ได้ ไม่กล้าคิดถึงเรื่องอื่นอีก
ก่อนหน้านี้เขาสังหารอริยะแท้มาไม่น้อย แต่นั่นล้วนยืมพลังของจิตสถูปปลิดชีพ
ตอนที่เผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดเฒ่าเช่นนี้โดยลำพังจริงๆ ด้วยพลังของเขายังไม่เพียงพอ
ตูม! ตูม! ตูม!
ในเวลาหลังจากนั้นพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬราวกับคลั่งอย่างไรอย่างนั้น เรียกค้อนกระดูกขาวออกมาอย่างต่อเนื่อง ภูเขาแต่ละลูกถูกกระแทกจนแหลกละเอียด แม่น้ำแต่ละสายถูกตัดขาด แม้แต่พื้นดินยังเป็นรูพรุน
เหตุผลง่ายมาก ด้วยฐานะและระดับของเขา คนที่แข็งแกร่งกว่ารังแกคนที่อ่อนแอกว่าก็น่าอายพอแล้ว แต่ตอนนี้กลับไม่สามารถจัดการหลินสวินได้เสียที นี่ทำให้เขาเองก็ใบหน้าอึมครึมเล็กน้อย อับอายจนขึ้งโกรธ
แต่สถานการณ์ของหลินสวินเริ่มแย่ลง
ท่ามกลางเวลาที่ผ่านเลยไป พลังชีวิต จิตวิญญาณ และสารกายในร่างเขากำลังสูญเสียไปอย่างรุนแรง ยืนหยัดได้อีกเพียงครึ่งเค่อ!
……
ในเวลาเดียวกันตรงหน้าเขาพินิจมรรค ดวงตากระจ่างของจ้าวซิงเย่ที่กำลังต่อสู้อย่างดุเดือดวาบประกายเย็นเยียบ คว้าโอกาสเสี้ยวหนึ่ง
ทันทีที่พลิกฝ่ามือก็ปรากฏขวดหยกมันแพะที่สูงไม่กี่ชุ่นใบหนึ่ง
“หืม?”
หนิวเจิ้นอวี่ที่โจมตีเข้ามานัยน์ตาหดรัด ความรู้สึกอันตรายผุดขึ้นในใจ เพียงแต่ตอนที่เขาเตรียมจะตอบสนอง
ตูม!
ในปากขวดหยกมันแพะนั่น พลังอริยมรรคน่ากลัวพรั่งพรู รวมตัวเป็นทวนราวกับของจริง
เพียงแค่อานุภาพก็กดดันฟ้าดินผืนนี้จนครวญคร่ำโดยพลัน
“แย่แล้ว!”
สีหน้าของหนิวเจิ้นอวี่เปลี่ยนไปทันที แต่หนีไม่ทันแล้ว ทำได้เพียงฝืนปะทะเต็มกำลัง แกว่งทวนสามง่ามสีม่วงในมือสุดพลัง
สมบัติชิ้นนี้มาจากมือของหนิวทุนเทียน เป็นสมบัติที่เขาให้หนิวเจิ้นไว้ใช้แต่แรกอยู่แล้ว
เมื่ออยู่ในมือหนิวเจิ้นอวี่ จึงสำแดงอานุภาพของสมบัติอริยะชิ้นนี้ออกมาได้อย่างเต็มที่
ปัง!
ทวนของจ้าวซิงเย่และทวนวงเดือนปะทะกัน เพียงแค่ชั่วพริบตาก็ถูกซัดจนหลุดมือไป
และข้อมือของหนิวเจิ้นอวี่เกือบจะถูกสะเทือนจนแตกร้าว ถูกพลังที่น่าหวั่นหวาดอย่างที่สุดโจมตีทั้งตัว ล้มลงอย่างแรง
พรวด!
ในระหว่างนี้เขาถึงขั้นกระอักเลือดออกมา!
“เฉือน!”
จ้าวซิงเย่ไล่ตามไป คว้าโอกาสที่หายากอย่างที่สุดนี้ ดาบศึกสีเงินที่กำอยู่ในมือฟันลงไปอย่างรวดเร็ว
เสียงตูมดังขึ้น การฟันนี้แม้ถูกหนิวเจิ้นอวี่ขวางไว้ได้ แต่กลับซัดจนเขากระอักเลือดออกมาอีกครั้ง
และจ้าวซิงเย่กดดันทุกฝีก้าว ไม่ให้โอกาสเขาหายใจแม้แต่น้อย แกว่งดาบเข่นฆ่า ปราณดาบกวาดล้างจักรวาลพุ่งทะลวงสิบทิศ ทำให้ภูผาธาราล้วนทับแสง
ปังๆๆ!
ในกระแทกราวกับสายฟ้าระเบิดถี่ยิบ หนิวเจิ้นอวี่เสียเปรียบโดยสิ้นเชิงแล้ว ถูกไล่สังหารจนถอยต่อเนื่อง มุมปากมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด
ใบหน้าที่ดำคล้ำเต็มไปด้วยความตะลึง
ก่อนหน้านี้ในการดวลกับจ้าวซิงเย่ เขาถึงขั้นได้เปรียบกว่าเล็กน้อย
แต่เพราะพลังของขวดหยกมันแพะนั่นทำให้ทุกอย่างเกิดการพลิกผัน ทำให้เขาเสียเปรียบ ถูกกำราบไว้โดยสมบูรณ์ บาดเจ็บอย่างต่อเนื่อง
จวบจนกระทั่งตอนนี้ หนิวเจิ้นอวี่ยังคิดไม่ตกว่าขวดหยกมันแพะนั่นเป็นสมบัติระดับใด ถึงได้มีพลังที่น่ากลัวขนาดนี้
ความรู้สึกนั่นราวกับเผชิญการขนาบโจมตีจากอริยะแท้สองคน!
แต่เขาไม่มีเวลาคิดมากแล้ว
ตูม!
หลังจากการปะทะรุนแรงไร้ที่เปรียบอีกครั้ง หนิวเจิ้นอวี่เพียงรู้สึกว่าอวัยวะภายในเจ็บปวดรุนแรง ภาพตรงหน้ามืดลง
นี่ทำให้เขาลนลาน ถึงขั้นเริ่มก่นด่าในใจ เหตุใดจนตอนนี้พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬยังไม่มาช่วยอีก
หรือเจ้าเฒ่านี่ยังคิดจะคว้าประโยชน์จากความขัดแย้งของคนอื่นอีกหรือ
ปัง!
ไม่นานหนิวเจิ้นอวี่ก็ถูกฟันจนร่วงหล่นจากกลางอากาศสู่พื้นอย่างรุนแรง ใบหน้ามอมแมม ร่างสั่นน้อยๆ ขึ้นมาเพราะความเจ็บปวด
แต่ก็ทำให้เขาคว้าโอกาสพุ่งขึ้นมาได้ในที่สุด เคลื่อนผ่านห้วงอากาศ
“คิดจะไปหรือ”
ในดวงตากระจ่างของจ้าวซิงเย่มีไอสังหารน่ากลัวพวยพุ่ง ในมือไม่รู้มีคันธนูกระดูกขาวที่ดุร้ายหยาบหนาเพิ่มมาตั้งแต่เมื่อไหร่ สายธนูที่แดงสดราวกับเลือดถูกง้างจนตึง
ลูกศรดำสนิทดอกหนึ่งพาดอยู่บนสายธนู ไอดุร้ายที่ไม่สามารถอธิบายได้แผ่ออกจากคันธนูกระดูกขาวนั่น ทำให้ฟ้าดินเปลี่ยนสี
ถึงขั้นมีปรากฏการณ์ประหลาดน่ากลัวอย่างลมพายุพัดม้วน อริยะตะโกนอย่างโศกเศร้า เทพมารร่ำไห้เป็นสายเลือดปรากฏอยู่กลางฟ้าดินรางๆ
ธนูวิญญาณไร้แก่นสาร ศรนภาคราม!
“แย่แล้ว!”
พริบตานั้นหนิวเจิ้นอวี่สังเกตเห็นว่าท่าไม่ดี ตกใจจนหน้าเสีย จิตวิญญาณรับรู้ถึงความน่ากลัวและเจ็บแปลบ
เขาหนีอย่างสุดกำลังโดยไม่ลังเลใดๆ
ปึง!
ในเวลาเดียวกัน ศรนภาครามพุ่งออกมาอย่างรุนแรง
ชั่วขณะนั้นราวกับมีอสูรมารพลิกฟ้าตัวหนึ่งปรากฏในฟ้าดินผืนนี้ ไอสังหารไร้เทียมทานประหนึ่งธารเย็นเยียบ ทำให้สรรพสิ่งทั่วฟ้าดินต่างคร่ำครวญ
หนิวเจิ้นอวี่หนีทัน และเร็วมาก ภายใต้การสำแดงอานุภาพเคลื่อนย้ายผ่านอากาศสุดกำลัง เงาร่างของเขาไปอยู่ในบริเวณที่ไกลออกไปแปดพันลี้ตั้งนานแล้ว
แต่ไม่รอให้ตอบสนอง แสงดำที่พร่างพราวราวกับห้อทะยานสายหนึ่งก็ทำลายการผูกมัดของอากาศ แทงทะลุหน้าอกเขา!
เลือดสายหนึ่งสาดออกมา
หนิวเจิ้นอวี่เบิกตาโพลง ท่าทางตกใจจนยากจะเชื่อ นี่มันศรอะไร เหตุใดจึงน่ากลัวขนาดนี้
แปดพันลี้เชียวนะ!
แม้แต่เคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศยังหนีไม่พ้นหรือ
ความเจ็บปวดอย่างที่สุดแผ่ขยายออกบนร่าง ชั่วพริบตาหนิวเจิ้นอวี่ก็รู้ว่าตนบาดเจ็บสาหัสแล้ว แม้แต่จิตวิญญาณยังถูกแทงจนบาดเจ็บ
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือกลิ่นอายฆ่าฟันที่รุนแรงไร้ที่เปรียบนั่น กำลังลามจากบาดแผลไปทั่วร่างกายด้วยความเร็วที่น่าตกใจ
ด้วยพลังของเขา กลับไม่สามารถกำราบไอดุร้ายนี่ได้ในทันที!
หนิวเจิ้นอวี่หวาดกลัวอย่างสิ้นเชิงแล้ว ภายใต้การกระตุ้นของสัญชาตญาณการเอาตัวรอด เขาหนีสุดกำลังโดยไม่อาจสนอะไรทั้งสิ้น ไม่นานก็หายไปไกลโพ้น
‘เบื้องบนเป็นนภาครามเบื้องล่างเป็นยมโลก ศรแห่งนภาคราม… ช่างสมกับเป็นศรแห่งนภาคราม…’
เบื้องหน้าเขาพินิจมรรค จ้าวซิงเย่เองก็เหม่อลอยเล็กน้อย ในใจสั่นไหวไม่หยุด
ตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนตอนที่นางยังเป็นผู้แข็งแกร่งระดับราชัน ก็เคยยืมธนูของหลินสวินสังหารศัตรู ตอนนั้นแม้แต่นางยังยากจะสำแดงอานุภาพที่แท้จริงของคันธนูและศรคู่นี้ได้
แต่ตอนนี้กลับแตกต่าง นางเป็นอริยะแท้คนหนึ่งแล้ว แต่นางกลับคิดไม่ถึงว่าคันธนูและศรคู่นี้จะแข็งแกร่งขนาดนี้ ตะลึงโลก… ขนาดนี้!
ทำให้นางรู้สึกสะท้านใจขึ้นมาระลอกหนึ่ง
“น่าเสียดายที่เขาหนีไปได้…”
จ้าวซิงเย่ถอนหายใจในใจ ไม่ได้ตามไป เพราะยังมีอีกคนที่รับมือยากกว่า
คิดถึงตรงนี้หัวใจของจ้าวซิงเย่บีบรัด หลินสวินจะสามารถยืนหยัดได้ถึงตอนนี้หรือไม่
สวบ!
ยังคิดไม่ตกด้วยซ้ำ ตัวนางก็ได้หายไปแล้ว
……
‘หืม นั่นพลังอะไร เหตุใดจึงน่าตกใจขนาดนี้’
พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬที่กำลังตามฆ่าหลินสวินหนังตากระตุก สังเกตเห็นว่ากลางฟ้าดินปรากฏไอดุดันน่ากลัวอย่างที่สุด
เขาไม่รู้ว่านั่นเป็นอานุภาพของธนูวิญญาณไร้แก่นสารและศรแห่งนภาคราม
แต่การค้นพบนี้กลับทำให้ในใจเขารู้สึกไม่สมจริงขึ้นมา
‘หรือฝั่งหนิวเจิ้นอวี่เกิดเรื่องผิดปกติอะไร’
พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬขมวดคิ้ว
เขาตัดสินใจไม่ออมมืออีกต่อไป แม้ต้องใช้พลังทั้งหมดก็ต้องจัดการหลินสวินให้อยู่หมัดในเวลาที่สั้นที่สุด
วู้ม!
ค้อนกระดูกขาวปรากฏ ส่องแสงสว่างไสว พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬสูดหายใจเข้าลึกคราหนึ่ง จู่ๆ กลิ่นอายทั่วร่างก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก
เขาแสดงเคลื่อนผ่านห้วงอากาศ ปรากฏตัวในไกลออกไปนอกสามพันลี้ จิตรับรู้จับตำแหน่งหลินสวินครู่หนึ่ง ค้อนกระดูกขาวซึ่งเตรียมแผลงฤทธิ์กำลังจะพุ่งออกไป
ก็ตอนนี้เองแสงดำสนิทสายหนึ่งทะยานอากาศเข้ามา!
เร็ว!
เร็วจนน่าเหลือเชื่อ!
ดุจดั่งลำแสงหนึ่งฉีกทึ้งกาลเวลาและความว่างเปล่านิรันดร์ สะท้อนในโลกและสะท้อนเข้าสู่ดวงตาพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬ
นั่นเป็นกลิ่นอายที่ดุดันสายหนึ่ง!
ชั่วขณะนั้นสีหน้าของพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬเปลี่ยนไปอย่างมาก กระแทกค้อนกระดูกขาวลงไปเต็มกำลัง ไม่กล้าออมมือสักนิด
ปัง!
ในเสียงปะทะที่ดังสะเทือนหู ในตำแหน่งรัศมีพันลี้จากที่นี่ประหนึ่งกระดาษที่ถูกขยำจนแหลกละเอียด ระเบิดกระจุยทันที!
พลังทำลายล้างระดับนั้น ทำลายภูเขาแม่น้ำ บดขยี้ต้นไม้ใบหญ้า ทำให้ห้วงอากาศทรุดตัว สรรพสิ่งสลายหายไปในชั่วพริบตา
ในการปะทะครั้งนี้ ค้อนกระดูกขาวของพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬถูกสะเทือนจนแหลกไปมุมหนึ่ง เกิดรอยร้าวปลิวกลับไป
ส่วนพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬเลือดออกเจ็ดทวาร ร่างกายที่ผอมตอบเหมือนถูกภูเขาลูกใหญ่กดทัน เซถอยออกไปกลางอากาศสิบกว่าจั้ง
จนถึงสุดท้ายตอนที่ทรงตัวได้ ใบหน้าล้วนบิดเบี้ยวเพราะความเจ็บปวด ส่งเสียงในคอคราหนึ่ง
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นกะทันหันเกินไปแล้ว!
ทำให้พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬเองก็ตั้งตัวไม่ติด และคิดไม่ถึงว่าเหตุใดการโจมตีนี้จึงน่ากลัวขนาดนี้
“เจ้าเฒ่า ยังคิดจะร่วมมือกันสังหารข้าหรือ เจ้าคู่ควรแล้วหรือ”
จ้าวซิงเย่ทะลวงอากาศมาถึงแล้ว ธนูวิญญาณไร้แก่นสารในมือถูกยกขึ้นอีกครั้ง ง้างสายธนูจนตึง ศรแห่งนภาครามยิงออกไป
ปึง!
ห้วงอากาศปั่นป่วน ลมพายุพัดโหม ราวกับเสียงเร่งเร้าเอาชีวิต
“หึ! คราวหน้าค่อยสังหารเจ้า!”
พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬหมุนตัวหนีอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด
เขาสังเกตเห็นอันตรายแล้ว ในเมื่อจ้าวซิงเย่พุ่งเข้ามา ก็หมายความว่าหนิวเจิ้นอวี่แพ้แล้วเช่นนั้นหรือ
พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬถึงขั้นเดาออกว่า หนิวเจิ้นอวี่ก็คงถูกศรและธนูที่อัศจรรย์และแปลกประหลาดอย่างที่สุดคู่นี้กำราบ!
เพียงแต่เหตุใดก่อนหน้านี้ไม่เคยได้ยินว่าจ้าวซิงเย่มีอาวุธที่ดุร้ายคู่นี้ด้วย
ในใจพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬไม่จำยอมอย่างมาก
ครั้งนี้เดิมทีเขาคิดว่าจะสามารถยิงธนูนัดเดียวได้นกสองตัว ไม่เพียงฆ่าจ้าวซิงเย่ตาย ยังสามารถทำลายค่ายทัพจักรวรรดิ ทำให้ต่อไปค่ายพ่อมดเถื่อนของตนได้เปรียบในการปะทะกับพันธมิตรหมื่นเผ่า
ไม่เคยคิดว่าสุดท้ายกลับคว้าน้ำเหลว!
ไม่เพียงเท่านี้ แม้แต่เขาก็ถูกโจมตีจนบาดเจ็บ ไม่หนีไม่ได้
คิดถึงตรงนี้พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬโกรธจนแทบกระอักเลือด
ทว่าครู่ต่อมาเขาก็กระอักเลือดจริงๆ เพราะศรดอกหนึ่งเปลี่ยนเป็นแสงเคลื่อนทะลวงอากาศเข้ามาปักแผ่นหลังเขา
ก็เห็นว่าเกราะสมบัติป้องกันหนังสัตว์บนแผ่นหลังของเขาระเบิดออกทันใด แม้ต้านทานการโจมตีนี้ไว้ได้ แต่พลังโจมตีอันน่ากลัวที่ศรแห่งนภาครามปลดปล่อยออกมา กลับสะเทือนเขาจนปลิวออกไป กระอักเลือดคำโต!
……………
Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท