เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 949
“ดีมาก คงหลิง รอให้เสร็จเรื่องใหญ่เรื่องนี้ เธอคงต้องมาสืบทอดตำแหน่งของฉันแล้วล่ะ”
เงาดำพูดอย่างมีเมตตา
ขณะนั้นอู่คงหลิงกลับคุกเข่าลงอย่างหวาดกลัว แล้วพูดว่า “เจ้าสำนัก ศิษย์มิกล้าสืบทอดตำแหน่งเจ้าสำนักหรอกค่ะ”
เงาดำหัวเราะแล้วพูดว่า “กล้าหรือไม่กล้า ไม่ใช่ปัญหาหรอก ทำได้หรือเปล่าคือสิ่งสำคัญ พอเถอะ เรื่องนี้ค่อยว่ากัน เธอไปพักผ่อนเถอะ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการแสดงออกของเธอแล้ว แค่เธอทำให้ตระกูลหานกับตระกูลเทียนแตกหักกันได้ เรื่องใหญ่ก็สำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง!”
อู่คงหลิงพยักหน้าพูดว่า “เจ้าสำนักวางใจได้เลย ศิษย์จะทำหน้าที่ให้สำเร็จแน่นอน”
เงาดำหัวเราะเบาๆ แล้วพยักหน้า เงาค่อยๆ หายไป เหมือนหมอกควันที่กระจายหายไป
เมื่อเงาดำหายไปอย่างไร้ร่องรอย อู่คงหลิงจึงลุกขึ้นยืน
เธอมองไปข้างนอก แล้วถอนหายใจยาวออกมาเบาๆ
แสงจันทร์สาดส่องลงมา ตัวของเธออยู่ใต้แสงจันทร์ ดูโดดเดี่ยวเดียวดายเป็นอย่างมาก ยิ่งทำให้รู้สึกอ้างว้างเข้าไปอีก
อู่คงหลิงปิดประตูลงเบาๆ
……
ผ่านไปสามวัน
ที่สถาบันบู๊องอาจมีผู้คนมากมาย
“หลีกหน่อย หลีกหน่อย! เกิดอะไรขึ้น ประตูสถาบันกลายเป็นตลาดตั้งแต่เมื่อไร คนเยอะแยะเบียดกันอยู่ที่นี่ทำไม!”
นักเรียนคนหนึ่งตะโกนเสียงดัง กว่าจะเบียดออกมาจากฝูงชนได้
ชุดบู๊บนตัวเกือบจะโดนดึงจนขาด ดูน่าเวทนาเป็นอย่างมาก
“นายไม่รู้เหรอ วันนี้เป็นวันประลองของเทียนตู้แห่งสถาบันบู๊องอาจ กับลู่ฝานนักกระบี่แห่งตงหวา ทุกคนล้วนมาดูการประลอง!”
นักเรียนคนหนึ่งพูดอธิบายเสียงดัง นักเรียนจำนวนมากล้อมอยู่หน้าประตูสถาบันบู๊องอาจ กันคนเอาไว้ข้างนอก ถึงขั้นที่มีครูสองสามคนออกมาช่วยรักษาความเป็นระเบียบ
“ทุกคนอย่าเบียดกัน อย่าใจร้อน ได้ดูทุกคน!”
ตะโกนพูดไปพลาง จู่ๆ มีหินขนาดใหญ่ลอยมาจากขอบฟ้า
“มีหิน!”
เสียงตะโกนดังขึ้น กลุ่มคนรีบแยกย้ายอย่างตื่นตระหนก หลังจากนั้นหินขนาดใหญ่ร่วงลงหน้าประตูสถาบันบู๊องอาจ บนหินขนาดใหญ่ มีคนนั่งอยู่หนึ่งคน นั่นก็คือเทียนตู้แห่งสถาบันบู๊องอาจ
“นั่นเทียนตู้แห่งตระกูลเทียนเหรอ! หล่อมาก!”
ผู้หญิงบ้าผู้ชายสองสามคนกรี๊ดออกมา นักเรียนคนอื่นของสถาบันบู๊องอาจ ตะโกนเสียงดังว่า “ศิษย์พี่เทียนตู้ต้องชนะ!”
เทียนตู้ไม่พูดอะไรสักคำ นั่งกอดกระบี่อยู่บนหิน
หินกลายเป็นเวทีประลองโดยธรรมชาติ เขาได้มันมาโดยการปาดยอดเขาออกมา
เขานั่งรอลู่ฝานอยู่ตรงนี้
วันนี้จะเป็นวันที่เขามีชื่อเสียงโด่งดัง!
“ศิษย์พี่เทียนตู้ ศิษย์พี่เทียนตู้!”
จู่ๆ มีคนหนึ่งกระโดดขึ้นมาบนหินขนาดใหญ่ วิ่งมาข้างหน้าเทียนตู้ นั่นก็คือคนที่ก่อเรื่องทั้งหมดอย่างเว่ยซูจิ้ง
เว่ยซูจิ้งมีรอยยิ้มสดใสเต็มใบหน้า จากนั้นพูดว่า “ศิษย์พี่เทียนตู้ เตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เหมือนคนรู้ทั้งเมืองหลวงแล้ว พี่ดูสิมีคนมาดูการประลองตั้งเท่าไร”
เทียนตู้พูดด้วยรอยยิ้ม “ทำดีมาก ลำบากเธอแล้วศิษย์น้องเว่ย”
เว่ยซูจิ้งยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ลำบากเลยศิษย์พี่เทียนตู้ ฉันสิมีเรื่องจะรบกวนพี่”
“ว่ามาเลย”
เทียนตู้พูดอย่างห้าวหาญ
เว่ยซูจิ้งพูดว่า “หลังจากศิษย์พี่เทียนตู้ชนะ แย่งอสูรวิเศษของลู่ฝานมาได้ไหม ฉันชอบอสูรวิเศษของเขามาก”
เทียนตู้ยิ้มแล้วพูดว่า “เรื่องเล็ก รอให้เขามาก่อน ฉันจะเพิ่มของพนันกับเขาสักหน่อย คิดว่าเขาต้องรับคำแน่นอน”
รอยยิ้มเต็มใบหน้าเว่ยซูจิ้ง จู่ๆ เธอจับมือเทียนตู้ จากนั้นเธอกระโดดลงจากหินก้อนใหญ่ ด้วยใบหน้าแดงก่ำ
เทียนตู้อึ้งไปในตอนแรก จากนั้นรู้สึกคึกคักไปทั้งตัว รู้สึกว่าพลังปราณแข็งแกร่งขึ้นในพริบตา
“อาจารย์เหลยกับอาจารย์ถิง มาถึงแล้ว!”
จู่ๆ มีเสียงตะโกนดังขึ้น