วันต่อมา ตาเฒ่าซูตื่นขึ้นมาบนเตียงกว่าหลายสิบเมตร
ดอกไม้สดวางเต็มที่นอน อัญมณีล้ำค่าหรูหราฝังอยู่มากมาย
ที่นี่อยู่ชั้นสูงของเจดีย์ยา มองผ่านหน้าตาที่สร้างจากคริสตัล สามารถมองลงไปยังเมืองหลวงอันกว้างใหญ่
ล้างหน้าหวีผมเสร็จเรียบร้อย ตาเฒ่าซูเปลี่ยนชุดคลุมยาวใหม่เอี่ยม ในเวลาเดียวกันก็เก็บผมขาวของตัวเองให้เรียบร้อย
หัวขาดได้ แต่ทรงผมยุ่งไม่ได้ นี่คือสิ่งที่เขาต้องการ
ยืนเงียบอยู่ตรงหน้าต่างครู่หนึ่ง
ตาเฒ่าซูกำลังคิดเรื่องที่ต้องทำวันนี้
เป็นผู้จัดการดูแลเรื่องประจำวันของเจดีย์ยา เรื่องที่เขาต้องทำเป็นปกติ ก็คือรักษาการเคลื่อนไหวในเจดีย์ยาให้เป็นปกติ
ไม่เพียงแค่การเคลื่อนไหวพลังชี่ของตัวเจดีย์ ผู้ฝึกชี่ทั่วไปข้างใน ก็อยู่ในการดูแลของเขาด้วย ถึงขนาดที่ผู้ฝึกชี่ที่ระดับต่ำกว่าเซียนบำเพ็ญชี่จากภายนอก ก็ต้องฟังคำสั่งของเขา อำนาจนี้พูดตามตรงว่ายิ่งใหญ่มาก
ตาเฒ่าซูต้องไปเพลิดเพลินกับอาหารเช้าสุดประณีตของตัวเองเหมือนปกติก่อน
อาหารในเจดีย์ยา ล้วนเป็นฝีมือของเชฟเผ่าเหยาซาน เป็นเผ่าที่มีชื่อเสียงโด่งดังด้านอาหารเลิศรสไปทั่วประเทศอู่อาน เผ่าเหยาซานมีทักษะในการทำอาหาร ที่เป็นเอกลักษณ์ของพวกเขา
อาหารเลิศรสที่พวกเขาทำออกมา สไตล์เป็นเอกลักษณ์อีกทั้งยังอร่อยสุดยอด สิ่งสำคัญคือเผ่าเหยาซาน ก็เป็นเผ่าผู้ฝึกชี่ที่มีชื่อเสียงเหมือนกัน คนเผ่าเหยาซานแทบทุกคน อย่างน้อยก็มีพรสวรรค์ในการเป็นผู้ฝึกชี่ เชฟใหญ่ของพวกเขา คือผู้ฝึกชี่ที่เจดีย์ยายอมรับอย่างเป็นทางการ
การที่ได้ทานอาหารฝีมือผู้ฝึกชี่ที่สูงส่ง สิทธิพิเศษระดับนี้ มองจากมุมใดมุมหนึ่งแล้ว ไม่ต่างกับเชื้อสายราชวงศ์สักเท่าไร
ทุกครั้งที่คิดถึงจุดนี้ ตาเฒ่าซูรู้สึกว่าตัวเองสูงส่งล้ำค่ามาก แตกต่างจากคนอื่นมาก เหนือกว่าคนอื่นขั้นหนึ่ง
เขากินอาหารจานเล็กตรงหน้าอย่างสง่างาม ตะเกียบงาช้างถูกวางไว้ข้างๆ ถือมีดและส้อมที่ทำจากมิธริล จากนั้นก็หั่นเบาๆ
นี่คือระดับของคนอย่างหนึ่ง เขาคิดว่าวิธีการกินของตัวเองสูงสง่าที่สุด
ตาเฒ่าซูกินไปพึมพำไป “อืม วันนี้ไปดูว่าพวกเด็กเวรนั่นกลั่นยาเป็นยังไงบ้าง ถ้าสามารถกลั่นยาดีออกมาได้สักหม้อ จะพิจารณาดูให้พวกเขาออกไปหาประสบการณ์สักรอบ พวกเฮ่อจงอยากได้วิชายาทลายของผู้ฝึกชั่วร้าย ก็เข้าไปอยู่ในกองหนังสือของเจดีย์ยา ฉันจะเห็นด้วยไม่ได้ ต้องขัดขวางพวกเขา วิชาของผู้ฝึกชั่วร้ายจะเข้ามาในเจดีย์ยาที่ศักดิ์สิทธิ์ได้ยังไง แม้……อืม วิชายาทลายจะมีประโยชน์มากจริงๆ แต่ปัญหาโดยหลักการก็ไม่สามารถเปลี่ยนได้”
เงียบไปครู่หนึ่ง ตาเฒ่าซูนึกอะไรขึ้นได้อีก มือที่ถือมีดดูใช้แรงหนักขึ้น
“ยังมีไอ้เด็กเวรลู่ฝานอีก เมื่อวานคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะทำให้ฉันเป็นใบ้จนพูดไม่ออก ยังดีที่ไม่มีใครเห็น ไม่งั้นฉันต้องขายหน้าแน่ๆ วันนี้ฉันต้องไปทำให้เขาอับอายสักรอบ ให้เขารู้ว่าความรู้สุดล้ำลึกของผู้ฝึกชี่ ไม่ใช่นักบู๊ที่สมองตื้นเขินอย่างเขาจะมาเทียบได้”
เมื่อตัดสินใจได้ ตาเฒ่าซูยกยิ้มร้ายกาจตรงมุมปาก
แต่ขณะนั้น จู่ๆ ประตูห้องโดนคนเคาะอย่างแรง
“ท่านซู ท่านซูตื่นหรือยังครับ”
เสียงตะโกนอย่างร้อนใจดังมาจากข้างนอก ตาเฒ่าซูสะบัดมือข้างหนึ่ง ประตูเปิดออกอย่างรวดเร็ว ผู้ฝึกชี่อายุน้อยเกือบล้มหน้าคว่ำเข้ามา
คนนี้คือหลู่เล่อ ศิษย์ของเขา นับว่าเป็นผู้ฝึกชี่ที่ประสบความสำเร็จที่สุด ในบรรดาศิษย์ของเขา อายุ 20 กว่าปี ใกล้ถึงระดับนักเรกิแล้ว
เมื่อเห็นว่าเป็นศิษย์คนโปรดปรานของตัวเอง ตาเฒ่าซูสะกดกลั้นความโกรธของตัวเอง พยายามใช้เสียงอ่อนโยนพูดว่า “หลู่เล่อ มีเรื่องอะไรทำไมตื่นตระหนกขนาดนี้ ฉันเคยบอกนายแล้วไม่ใช่เหรอ เป็นคนต้องสง่างาม ทำงานต้องสุขุม ดูท่าทางตื่นตระหนกตกใจของนายสิ ต้องทำให้ได้ถึงขั้นที่เขาถล่มตรงหน้าก็ยังนิ่ง จิตใจเยือกเย็นหลังผ่านคลื่นยักษ์สิ”
หลู่เล่อรีบพูดอย่างนอบน้อมว่า “ครับอาจารย์ ศิษย์มีเรื่องรายงานครับ”
“ว่ามา!”
ท่านซูพูดอย่างสุขุม
หลู่เล่อคิ้วกระตุกไม่หยุด จากนั้นพูดว่า “ในโกดังยา คนมาใหม่ที่ชื่อลู่ฝาน แยกประเภทสมุนไพรทั้งหมดเสร็จภายในสี่วัน ไม่พลาดเลยสักนิด เรื่องนี้เรียกความฮือฮา ผู้ฝึกชี่ทั้งหมดพากันไปมุงดูแล้วครับ!”
เคร้ง!
ส้อมและมีดในมือตาเฒ่าซูหล่นลงบนพื้น
ตาเฒ่าซูมองหลู่เล่ออย่างตะลึง จากนั้นลุกขึ้นยืนพูดเสียงดังว่า “นายว่าอะไรนะ”