เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 992
คืนวันเดียวกัน ตาเฒ่าซูกลับมาที่ห้อง เดินไปมาช้าๆ ครุ่นคิดว่าควรทำยังไงกับเรื่องที่ผู้อาวุโสโม่สั่ง
เจตนาของผู้อาวุโสโม่ ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ ก็คือให้หลู่เล่อศิษย์ของเขาไปประลองด้านยากับลู่ฝาน แต่เรื่องนี้เขาไม่มีทางทำแบบนี้แน่นอน เหตุผลง่ายดายมาก เขาทำลายอนาคตศิษย์ตัวเองไม่ได้
ประลองด้านยากับนักบู๊ ไม่ว่าแพ้หรือชนะ ยังไงก็กลายเป็นตัวตลกของคนอื่น
นี่ไม่ใช่แค่หลู่เล่อที่ขายหน้า เขาก็ขายหน้าด้วย
ตาเฒ่าซูคิดไปคิดมา สุดท้ายเขากัดฟัน จะให้ศิษย์ตัวเองไปไม่ได้เด็ดขาด
งั้นควรให้ใครไปล่ะ
แพะรับบาปคนนี้ควรเป็นใครดี
คิดอยู่ครู่หนึ่ง ตาเฒ่าซูนึกถึงคนหนึ่งขึ้นมาได้
ดวงตาเป็นประกาย ตาเฒ่าซูรีบเดินไปด้านล่างสุดของเจดีย์ยา
คนที่เคยมาเจดีย์ยาล้วนรู้ดี เจดีย์ยาชั้น 99 มีชื่อว่าสวรรค์ชั้น 99
แต่น้อยคนที่รู้ว่าอันที่จริงเจดีย์ยามีชั้นที่ 100
ชั้นนี้เป็นห้องใต้ดินของเจดีย์ยา
เมื่อเดินมาถึงห้องโถงของเจดีย์ยา ตาเฒ่าซูมาถึงกำแพงพลังชี่ด้านขวา
แสงเคลื่อนไหวเก้าสี ตาเฒ่าซูวาดมือกลางอากาศ จากนั้นก้าวเข้าไปในกำแพง
กำแพงที่ก่อตัวดูสมจริง ตอนนี้มีลายเหมือนน้ำกระเพื่อม
บรรยากาศรอบๆ เปลี่ยนไปทันที บันไดเดินลงไปด้านล่างปรากฏออกมา
เดินลงไปคือห้องใต้ดินของเจดีย์ยา
มีหินเรืองแสงฝังอยู่รอบๆ มีแสงบางๆ สาดส่องทางเดินด้านล่างเท้า
บันไดกว้างทำมาจากแร่ควอตซ์ เมื่อเดินด้านบนบันได มีเงาของตาเฒ่าซูสะท้อนออกมาด้วย
เดินลงไปด้านล่าง ไม่นานห้องกว้างขวางปรากฏออกมา
เตียงหยกอุ่น กำแพงหินเหล็ก เก้าอี้หินสองสามตัว โต๊ะหินหนึ่งโต๊ะ อีกทั้งหนังสือยาเต็มพื้น
ที่นี่ไม่ใช่คุกใต้ดิน เจดีย์ยาไม่มีสิ่งที่เรียกว่าคุกใต้ดิน ผู้ฝึกชี่ที่หยิ่งยโส ไม่มีทางเอาศัตรูมาขังไว้หรอก ถ้าไม่ฆ่าก็ทำให้พิการ นี่คือวิธีการของผู้ฝึกชี่
ส่วนถ้าผู้ฝึกชี่ทำอะไรผิด โทษสูงสุดของเจดีย์ยา ก็แค่ทำลายวิทยายุทธของคนนั้น ถอดฉายาผู้ฝึกชี่ออก แล้วไล่ออกจากเจดีย์ยา
พวกผู้ฝึกชี่คิดว่าไม่มีเรื่องไหนเศร้ากว่าการไม่ได้เป็นผู้ฝึกชี่อีกแล้ว
ส่วนคุกใต้ดินอะไรทำนองนั้น ไม่มีความจำเป็นเลย
ที่นี่เป็นแค่ห้องใต้ดินที่เคยเก็บของจำเป็นบางส่วน ต่อมาของที่เก็บไว้โดนขโมย ที่นี่จึงเป็นที่ต้อนรับพวกคนที่น่ารำคาญ
อย่างเช่น เด็กที่กำลังนั่งอ่านหนังสือยาอยู่บนกองหนังสือคนนี้
รูปร่างผอมแห้ง ผมแห้งกรอบ เสื้อผ้าขาดวิ่น
รูปร่างเด็กคนนี้อายุประมาณ 7-8 ปี แต่ในดวงตากลับเย็นชาไม่เหมาะกับอายุของเขา
“พวกนายหารือกันเสร็จแล้วเหรอ”
เด็กพูดโดยไม่หันหน้ามา
ตาเฒ่าซูเอาสองมือไพล่หลังแล้วพูดว่า “ไม่มีอะไรต้องหารือ วิชายาทลายชูวิญญาณที่นายสร้างขึ้นมา ฉันไม่มีทางเอามันเข้าสู่คลังหนังสือของเจดีย์ยา”
เด็กส่งเสียงอืมออกมา หลังจากนั้นพูดว่า “งั้นนายจะมาดูฉันทำไม จงใจมาทำให้ฉันอับอายเหรอ”
พูดพลาง เด็กปิดหนังสือในมือ แล้วหันมามองตาเฒ่าซู
เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย จู่ๆ ตาเฒ่าซูรู้สึกว่าจิตใจสั่นไหว
รีบสะบัดมือวนพลังชี่ฟ้าดินรอบๆ ไปมา ตาเฒ่าซูส่งเสียงหึอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “อย่าใช้วิชาเวทมนตร์ปีศาจแบบนี้กับฉัน ระวังฉันจะไล่นายออกจากเจดีย์ยา!”
เด็กหัวเราะแล้วพูดว่า “ถ้านายมีอำนาจไล่ฉันออก นายคงไล่ออกไปนานแล้ว ไม่จำเป็นต้องรอถึงตอนนี้หรอก รีบพูดมาสิ มีเรื่องอะไร อย่ามารบกวนฉันอ่านหนังสือ”
ตาเฒ่าซูสะกดกลั้นความโกรธของตัวเองไว้ พูดเสียงขรึมว่า “อี้ปู่ ฉันมาวันนี้เพราะมีเรื่องจะคุยกับนายจริงๆ”
อี้ปู่พูดอย่างเฉยเมยว่า “มีอะไรก็รีบพูดมา!”