Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1455 อสูรที่น่ากลัว

ตอนที่ 1455 อสูรที่น่ากลัว
ความเจ็บปวดรุนแรงแผ่ไปทั่วร่างกาย ทำให้หลินสวินสายตาพร่ามัว
ครั้งนี้บาดเจ็บหนักเกินไปแล้วจริงๆ ถูกฝ่ามืออริยะแท้คนหนึ่งตบเข้า พลังทำลายนั่นจะธรรมดาได้อย่างไร
“ไอ้เฒ่าสารเลว!”
หลินสวินแค้นจนกัดฟัน
ในเวลาเดียวกันในใจก็สั่นไม่หยุด อริยะแท้คนหนึ่ง ถูกจ้าวซิงเย่ทำร้ายจนบาดเจ็บหนักตั้งนานแล้ว กลับสามารถระเบิดอานุภาพระดับนั้นได้ยามสู้สุดชีวิต น่ากลัวเกินไปแล้วจริงๆ
และตอนนี้หลินสวินถึงเพิ่งเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงคำว่า ‘ภายใต้ระดับอริยะ ล้วนประหนึ่งมดปลวก’
นี่ก็คือระดับอริยะ
พูดอย่างเคร่งครัดก็คืออานุภาพของอริยะแท้ คิดจะข้ามระดับใหญ่ไปโจมตีอีกฝ่าย แทบจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้!
ครู่หนึ่งหลังจากนั้นหลินสวินถึงลุกจากพื้นอย่างยากลำบาก แต่จู่ๆ ร่างกายก็ร่วงลง ถูกพลังต้องห้ามไร้รูปกดจนล้มไปนั่งกับพื้นอีกครั้ง
“นี่คืออะไร เหตุใดในเหวลึกจึงเต็มไปด้วยพลังที่แปลกประหลาดเช่นนี้”
หลินสวินหัวใจหล่นวูบ สายตากวาดมองรอบๆ
กลับเห็นว่าบริเวณรอบๆ ถูกหมอกหนาสีเทาปกคลุม สามารถมองเห็นรางๆ ว่าตำแหน่งที่ตนอยู่คือในบึงโคลนแห่งหนึ่ง
ที่น่าแปลกคือบึงโคลนกลับเป็นสีแดงฉาน ประหนึ่งถูกเลือดย้อมจนแดง กลิ่นเหม็นรุนแรงตีจมูกทำให้คลื่นไส้
เศษกระดูกมากมายลอยอยู่บนพื้นผิวบึงโคลน เหมือนดอกบัวไม่สมประกอบ ใบบัวฉีกขาดขึ้นอยู่ในบึงโคลนสีเลือด น่าสยดสยองอย่างที่สุด
พวกนี้คงไม่ใช่ศพผู้แข็งแกร่งที่ตายที่นี่หรอกนะ
หลินสวินนัยน์ตาหดรัด ในใจเกิดความรู้สึกไม่สมจริง ขนลุกซู่ไปทั้งตัว ราวกับในส่วนลึกของหมอกใต้เหวนี้ มีตัวตนน่ากลัวบางอย่างจำศีลอยู่
“เสี่ยวอิ๋น เจ้าช่วยคุ้มครองข้า”
หลินสวินไม่กล้าลังเล ออกคำสั่งทันที
สวบ
เสี่ยวอิ๋นเคลื่อนตัวออกมาแล้วกวาดมองรอบๆ ด้วยสีหน้าครัดเคร่ง เขาเองก็สัมผัสได้ว่าที่แห่งนี้อันตรายอย่างที่สุด ทำเอาเขารู้สึกกดดันและใจสั่นมาก
ฮูม…
ในเวลาเดียวกันหลินสวินโคจรพลังกฎเกณฑ์ไร้มรณะ ในขณะเดียวกันก็หยิบโอสถเทพเยียวยาต้นหนึ่งออกมากิน เริ่มรักษาบาดแผลเต็มกำลัง
กร๊อบ!
แต่ไม่นานในหมอกสีเทานั่นเกิดเสียงกระดูกหักระลอกหนึ่ง ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงัดนี้จึงเสียดหูเป็นพิเศษ
เสี่ยวอิ๋นตกใจ ชักกระบี่ออกมาดังชิ้ง เตรียมพร้อมรับศึก
หลินสวินลอบร้อนรน ในเวลานี้หากเกิดการต่อสู้ขึ้น อย่างมากที่สุดเขาก็สำแดงพลังต่อสู้ออกมาได้เพียงสามส่วนเท่านั้น อีกอย่างเพราะบาดเจ็บสาหัส หากฝืนเกินไปเป็นไปได้สูงที่จะทำให้รากฐานมหามรรคได้รับความเสียหาย
แต่สีหน้าของเขายังคงนิ่งสงบ
เขานึกถึงป้ายคำสั่งที่เฒ่าโดดเดี่ยวเคยให้ไว้ และนึกได้ว่าตนยังมีโอกาสขอความช่วยเหลือจากหญิงลึกลับได้อีกครั้งหนึ่ง
หากตอนที่เขาถูกบีบจนจนตรอกจริงๆ หลินสวินก็ไม่ถือที่จะงัดเอาไพ่ตายช่วยชีวิตเหล่านี้มาใช้
หมอกสีเทาพลิกม้วน สิ่งมีชีวิตกระดูกขาวที่รูปร่างราวกับจิ้งจอกตัวหนึ่งเดินออกจากหมอก โครงกระดูกทั่วร่างผุพังทึบแสง แม้แต่เลือดเนื้อขนผิวก็ไม่มี
แต่ตอนที่มันปรากฏตัว กลับมีกลิ่นอายอันตรายไร้ขอบเขตแผ่ออกมาด้วย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเบ้าตากลวงๆ ของมัน เปลวเพลิงสีเลือดลุกโชน ตอนที่จ้องมองร่างหลินสวินและเสี่ยวอิ๋น ทั้งคู่ต่างตัวแข็งทื่อ แทบจะหายใจไม่ออก
น่ากลัวเกินไปแล้ว สิ่งมีชีวิตกระดูกขาวที่ผุพังร่างหนึ่ง แต่อานุภาพที่แผ่ออกมากลับน่ากลัวเสียยิ่งกว่าอริยะ!
นี่มันตัวบ้าอะไร
เสี่ยวอิ๋นและหลินสวินมองหน้ากัน ในใจต่างหวาดหวั่นไม่หยุด แต่สิ่งที่มั่นใจคือ ตอนที่กระดูกขาวผุพังนี้ยังมีชีวิตอยู่จะต้องเป็นจิ้งจอกตัวหนึ่งแน่ และมรรควิถีแข็งแกร่งอย่างที่สุด
ตูม!
ไม่เห็นจิ้งจอกกระดูกขาวนั่นเคลื่อนไหวด้วยซ้ำ พลังคาวเลือดที่ดุร้ายรุนแรงสายหนึ่งก็ปกคลุมออกมา ประหนึ่งภูผาถล่มสมุทรคำราม ม้วนพัดมาทางหลินสวินและเสี่ยวอิ๋น
ชั่วขณะนี้ร่างของทั้งสองราวกับถูกควบคุม อย่าว่าแต่โต้ตอบเลย แม้เรี่ยวแรงจะดิ้นรนยังไม่มี ศักยภาพต่างกันมากเกินไปแล้ว
เหมือนมดปลวกเผชิญกับการโจมตีของมังกรยักษ์ ทำให้สิ้นหวัง!
วู้ม…
แต่ตอนนี้เองแสงสีเหลืองสลัวลายพร้อยสายหนึ่งลอยออกจากร่างของหลินสวิน กวาดเพียงเบาๆ กลิ่นคาวเลือดอันดุร้ายน่ากลัวที่แผ่ม้วนมาก็หายไป
จากนั้นโคมไฟเหลืองสลัวดวงหนึ่งปรากฏเหนือศีรษะหลินสวิน แสงโคมส่ายไปมา สาดแสงลายพร้อยลงมา นำพาพลังที่ทำให้สงบและสบายใจ
โคมไร้มลทิน!
สมบัติที่แปลกประหลาดชิ้นนี้ หลินสวินได้มาจากฝีพายโครงกระดูกในเขตต้องห้ามแม่น้ำนรกแห่งแดนมกุฎ
ก็เพราะโคมไฟดวงนี้ ทำให้แม้ถูกขังใต้แม่น้ำนรกหลินสวินก็ไม่เคยประสบเคราะห์
จนตอนนี้หลินสวินยังจำคำพูดที่ฝีพายโครงกระดูกเคยพูดได้แม่น ‘หากวันใดเจ้าไปทางเดินโบราณฟ้าดารา โปรดใช้โคมไฟนี้ชี้ทางให้วิญญาณโดดเดี่ยวและผีไร้ญาติที่หลงทางในมรรคาเหล่านั้น’
จากที่ฝีพายโครงกระดูกพูด การแสวงหามรรคาก็เหมือนล่องเรือในทะเลทุกข์ หากไม่มีแสงไฟส่องทาง จะเจอหนทางข้างหน้าและทางกลับได้อย่างไร
ระดับยิ่งสูง ก็ยิ่งรู้ความยากลำบากและอันตรายแห่งมรรคา เพียงแค่ก้าวสู่เส้นทางเสาะแสวง ไม่มีใครกล้ารับรองว่าจะไม่หลงทาง!
สิ่งนี้นามว่าไร้มลทิน หมายความถึงไร้ซึ่งความผิด ไม่มีข้อผิดพลาดแต่อย่างใด
สิ่งที่หลินสวินจำขึ้นใจอย่างแท้จริงคือ ฝีพายโครงกระดูกเคยชี้แนะหลินสวินว่า มรรคาไม่อาจล่วงรู้ หนึ่งโคมส่องสว่าง หากตอนที่บรรลุอริยะพบเจอสถานการณ์ยากลำบากที่ไม่อาจคลี่คลาย สามารถใช้เลือดหัวใจหยดหนึ่งหยดเข้าไปในโคมนี้ บางทีอาจจะมีโอกาสสลายเคราะห์!
เพียงแต่หลินสวินกลับคิดไม่ถึงว่า โคมไร้มลทินจะปรากฏในช่วงเวลาสำคัญนี้ และยังสลายเคราะห์สังหารหนึ่งให้กับเขา!
ตอนนี้โคมไร้มลทินส่องแสงไฟสีเหลืองสลัว แสงที่สาดลงมาปกคลุมหลินสวิน ทั้งร่างล้วนแฝงแสงประกายประหนึ่งภาพลวงตา
สิ่งที่ทำให้หลินสวินหวั่นไหวที่สุดคือ ดวงตาสีแดงเลือดของจิ้งจอกกระดูกขาวนั่น หลังจากมองเห็นโคมไร้มลทินก็เผยความงุนงงสายหนึ่ง ตื่นเต้นไม่หยุด แม้แต่กระดูกทั่วตัวยังลั่นกร๊อบๆ ขึ้นมา
มันเหมือนอยากเข้าใกล้แต่ก็ไม่กล้า ดูวอกแวกและลังเล
แต่หลินสวินรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าจิ้งจอกกระดูกขาวนั่นคล้ายมองเห็นความหวังบางอย่าง กลิ่นอายดุร้ายรุนแรงที่แผ่ออกจากร่างหายไปอย่างไร้ร่องรอย เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนและนิ่งสงบขึ้นมา
จนสุดท้ายมันถึงขั้นนั่งยองๆ กับพื้น มองโคมไร้มลทินเงียบๆ
ภาพนี้ดูแปลกประหลาดอย่างที่สุด ทำให้หลินสวินและเสี่ยวอิ๋นอึ้งไม่น้อย ครู่หนึ่งจึงแอบโล่งอก ตระหนักได้ว่ามีโคมไร้มลทินอยู่ จิ้งจอกกระดูกขาวนี่คงไม่ลงมืออีกแล้ว
หลินสวินนึกถึงคำพูดที่ฝีพายเคยพูดอีกครั้งอย่างไม่ทราบสาเหตุ
‘โปรดใช้โคมไฟนี้ชี้ทางให้วิญญาณโดดเดี่ยวและผีไร้ญาติที่หลงทางในมรรคาเหล่านั้น’
หลินสวิงมองจิ้งจอกกระดูกขาวที่อยู่ห่างออกไป คล้ายขบคิดบางอย่าง เพราะเหตุผลนี้หรือเปล่า มันต้องการให้โคมไร้มลทินชี้ทางให้มันหรือ
ตึง! ตึง!
ในหมอกสีเทาจู่ๆ ก็มีเสียงเท้าหนักๆ ดังขึ้น ประหนึ่งสายฟ้าสะท้านสะเทือน จากนั้นเงาร่างใหญ่ยักษ์ร่างหนึ่งปรากฏขึ้น
นี่เป็นโครงกระดูกยักษ์ร่างหนึ่ง เพียงแต่เขาสวมชุดเกราะโบราณที่เสียหายและเปื้อนเลือด ตรงหลังแบกกระบี่หักสีเลือดขนาดใหญ่เล่มหนึ่ง
โครงกระดูกทั้งตัวปรากฏแสงทองสลัว ประทับร่องรอยมหามรรค แต่แตกสลายและพร่าเบลอ เสียหายไม่สมบูรณ์
กลิ่นอายของโครงกระดูกยักษ์ที่แบกกระบี่หักสีเลือดใส่เสื้อเกาะผุพัง แข็งแกร่งกว่าจิ้งจอกกระดูกขาวนั่นมาก!
หลินสวินกับเสี่ยวอิ๋นแข็งทื่อไปทั้งตัว ตัวน่ากลัวมาอีกตัวแล้ว!
“โฮก!”
จิ้งจอกกระดูกขาวที่นั่งยองๆ อยู่บนพื้นส่งเสียงคำราม ตอนที่มองไปยังโครงกระดูกยักษ์นั่น กลิ่นอายอ่อนโยนรอบตัวมันถูกไอนองเลือดที่ดุร้ายรุนแรงสายหนึ่งเข้าแทนที่ ราวกับหวาดกลัวและระวังอย่างมาก สัมผัสได้ถึงอันตราย
โครงกระดูกยักษ์ไม่ได้สนใจ ในเบ้าตากลวงของเขาก็เป็นดวงตาสีเลือดที่เปลวเพลิงลุกโชนเช่นกัน ดุจดั่งคบเพลิงคู่หนึ่ง
ตอนที่เห็นแสงเหลืองสลัวที่สาดออกจากโคมไร้มลทิน โครงกระดูกยักษ์นิ่งไป ราวกับกำลังอึ้งงัน กลิ่นอายน่ากลัวรอบตัวก็ถูกเก็บไปด้วย
จนหลังจากนั้นเขานั่งลงกับพื้นอย่างไม่ลังเล วางกระบี่หักที่อยู่ข้างหลังไว้หน้าเข่าในแนวขวาง ยืดหลังตรงเหมือนดั่งเทพกระบี่พลิกฟ้าคนหนึ่ง
เห็นเช่นนี้จิ้งจอกกระดูกขาวก็ค่อยๆ สงบลง นั่งยองอยู่บนพื้น จ้องโคมไร้มลทินด้วยสายตาอ่อนโยน เผยสีหน้าแปลกประหลาดที่ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้
หลินสวินและเสี่ยวอิ๋นเห็นเช่นนี้ ยิ่งมั่นใจว่าขอเพียงมีโคมไร้มลทินอยู่ ไม่ว่าจะมีสัตว์ประหลาดน่ากลัวมากแค่ไหนพุ่งมา ก็จะไม่เกิดเรื่องไม่คาดคิดอะไร
‘นายท่าน ควรทำอย่างไรดี’
เสี่ยวอิ๋นสื่อจิตพูด
‘อย่าเพิ่งเคลื่อนไหว รอแผลของข้าฟื้นตัวก่อนแล้วหาโอกาสเคลื่อนไหว’
หลินสวินสั่ง
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ ไม่สนใจจิ้งจอกกระดูกขาวและโครงกระดูกยักษ์นั่นอีก ฉวยโอกาสเริ่มรักษาบาดแผล
ที่น่าแปลกคือจิ้งจอกกระดูกขาวและโครงกระดูกยักษ์นั่นราวกับไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ และไม่มีปฏิกิริยาเลยสักนิด
จนถึงตอนนี้หลินสวินจึงวางใจอย่างสิ้นเชิง
เพียงแต่หลินสวินเองก็ไม่รู้ว่า พอโคมไร้มลทินปรากฏขึ้นที่นี่ ในหมอกสีเทาสี่ด้านแปดทิศใต้เหวลึกแห่งนี้ กลิ่นอายน่ากลัวที่หลับใหลมาไม่รู้นานเท่าไหร่เริ่มตื่นจากความสงบ
จากนั้นก็รวมตัวมาทางนี้
สวบ!
โครงกระดูกนกยักษ์ตัวหนึ่งพาดขวางผ่านอากาศเข้ามา ไอดุร้ายน่ากลัว สะเทือนจนหมอกรอบๆ ยังพลิกม้วนไม่หยุด เมื่อมองอย่างละเอียด รูปร่างของโครงกระดูกนกนั่นเหมือนหงส์เซียนในตำนานอย่างมาก!
เพียงแต่ปีกของมันฉีกขาด ร่างกายไม่สมประกอบ กระดูกรอบตัวแม้เป็นประกายดุจดั่งทองเทพ แต่กลับแผ่ไอแห่งความตาย
จากนั้นโครงกระดูกที่รูปร่างราวกับตะพาบตัวหนึ่งปรากฏขึ้น ใหญ่ยักษ์ประหนึ่งภูเขากระดูกลูกหนึ่ง ขาสี่ข้างขาดไปหนึ่งข้าง ตอนที่ก้าวเดินมาฟ้าสะเทือนดินสะท้าน เหมือนแผ่นดินใหญ่ผืนหนึ่งกำลังเคลื่อนตัว
พรึ่บ!
จากนั้นต้นไม้ใหญ่ที่แห้งเหี่ยวกิ่งก้านแตกหักปรากฏ สูงใหญ่ถึงพันจั้ง บนลำต้นมีสายฟ้ามากมายกะพริบวาบ แผ่กลิ่นอายทำลายล้างน่ากลัว
ตอนที่อสูรทุกตัวปรากฏตัว ล้วนกลิ่นอายดุร้ายรุนแรง แต่หลังจากเห็นโคมไร้มลทินก็เป็นเหมือนจิ้งจอกกระดูกขาวและโครงกระดูกยักษ์ ความดุดันรอบตัวจางหายไป นั่งรออยู่ตรงนั้นเงียบๆ สายตามองไปยังโคมไร้มลทิน
ราวกับว่าโคมไฟนั่นคือความหวังเดียวของพวกเขา!
เสี่ยวอิ๋นเห็นทุกอย่างในสายตา แม้รู้ว่ามีโคมไร้มลทินอยู่คงไม่เกิดอันตรายอะไร แต่ในใจยังคงตึงเครียดถึงขีดสุด
เขากล้ามั่นใจว่า หากอสูรน่ากลัวตัวใดลงมือ ย่อมสามารถกำจัดเขาและหลินสวินได้อย่างง่ายดาย!
เพียงแต่กระทั่งตัวเขายังนึกไม่ออกว่าเกิดอะไรขึ้นกับอสูรที่น่ากลัวเหล่านี้กันแน่ ดูแล้วไม่เหมือนร่วงหล่นโดยสมบูรณ์ แต่ครึ่งคนครึ่งผี รูปลักษณ์สยดสยอง กลิ่นอายน่ากลัว
เวลาค่อยๆ ผ่านไป
หลินสวินเองก็สังเกตเห็นทั้งหมดนี้ แต่ในใจค่อยๆ สงบลงแล้ว
เขารู้ว่ามีโคมไร้มลทินอยู่ จะต้องมีโอกาสหนีออกไปอย่างแน่นอน สิ่งที่เร่งด่วนตอนนี้คือ จะต้องฟื้นฟูบาดแผลทั่วตัวให้หายดีอย่างเร็วที่สุด
สองวันหลังจากนั้น
หลินสวินที่นั่งขัดสมาธิอยู่ จู่ๆ ก็ตกใจตื่นด้วยเสียงที่แผ่วต่ำทรงพลัง ติดๆ ขัดๆ
“กลับบ้าน… กลับบ้าน…”
หลินสวินลืมตาขึ้น พลันเห็นว่าในบริเวณที่ไม่ห่างนักมีตัวประหลาดรูปร่างน่ากลัวที่แปลกประหลาดตัวหนึ่งยืนอยู่
——
Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท