เมื่อยื่นมือออกมา สาวงามข้างๆ เอาขวดยาเล็กๆ ออกมาหนึ่งขวด
ขวดยางดงามมาก มีแสงเก้าสีเคลื่อนไหวอยู่
เมื่อเปิดขวดยาออก กลิ่นประหลาดฟุ้งไปทั่ว ฉินอวิ่นใช้จมูกสูดอย่างแรง จากนั้นก็มีอาการเคลิบเคลิ้ม
ลู่ฝานเคยเห็นสิ่งนี้ ตอนมาเมืองหลวง เขาเห็นลุงชางชอบสูดของที่ทำให้เกิดภาพหลอนแบบนี้ คิดไม่ถึงว่าไท่จื่อผู้ยิ่งใหญ่ ก็ชอบของแบบนี้เหมือนกัน
ดวงตาของฉินอวิ่นดูมีประกายเคลิบเคลิ้ม ยิ้มแหยมองลู่ฝานแล้วพูดว่า “ลู่ฝาน นายตัดสินใจถูกต้องที่มาวันนี้ ถ้านายไม่ยอมมา ฉันจะจัดการนายทิ้ง”
ลู่ฝานขมวดคิ้วเบาๆ คิดไม่ถึงว่าไท่จื่อจะพูดตรงขนาดนี้
เหมือนเหรินเจียงเห็นภาพแบบนี้จนชินแล้ว เขาไม่พูดอะไรสักคำ ไม่แม้แต่จะช้อนตาขึ้นมอง
ลู่ฝานครุ่นคิดครู่หนึ่ง ทำเป็นประหลาดใจแล้วพูดว่า “เหมือนผมไม่เคยล่วงเกินไท่จื่อเลยนะครับ”
จู่ๆ เฉินอวิ่นเหมือนคนประสาท เขาหัวเราะร่าแล้วพูดว่า “ใช่ นายไม่เคยล่วงเกินฉัน แต่ฉันอยากฆ่านาย ต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ ฉันคือไท่จื่อนะ ยังไงประเทศอู่อานก็ต้องเป็นของฉันไม่ช้าก็เร็ว ฉันแค่ยื่นนิ้วออกมาเพียงนิ้วเดียว ก็สามารถขยี้นายให้ตายเหมือนมดตัวหนึ่ง”
ลู่ฝานทนไท่จื่อที่ดูเหมือนคนประสาทไม่ไหวแล้ว ลู่ฝานจินตนาการไม่ออกเลย ถ้าวันหนึ่งประเทศอู่อานมีคนแบบนี้เป็นจักรพรรดิจริงๆ จะสภาพเป็นยังไง
ลู่ฝานพูดช้าๆ ว่า “ไท่จื่อ นิ้วเดียวขยี้มดให้ตายไม่ได้หรอกครับ”
ฉินอวิ่นอึ้งไป เสียงหัวเราะหยุดลงกะทันหัน
เหรินเจียงที่อยู่ข้างๆ ขมวดคิ้วเบาๆ สีหน้าดูอาฆาตเล็กน้อย
ความเคลิบเคลิ้มในดวงตาฉินอวิ่นหายไป เขาจัดแจงเสื้อผ้า หลังจากนั้นมองลู่ฝานด้วยรอยยิ้ม
“นายพูดถูก นิ้วเดียวทำได้แค่กดนายให้ตาย ไม่สามารถขยี้นายให้ตายได้ แต่นี่ก็ไม่มีอะไรต่างกัน ฉันเป็นคนที่ค่อนข้างพูดตรง วันนี้ที่เรียกนายมาเพราะมีเรื่องหนึ่ง นายไม่เลว มีอนาคต มาเป็นองครักษ์ในจวนฉันสิ”
ตอนนี้ฉินอวิ่นเผยความดุดันออกมาเล็กน้อย
เขามองลู่ฝานอย่างยโสโอหัง แววตาเฉยเมย เหมือนเทวดาก้มมองสิ่งมีชีวิต
ลู่ฝานพูดอย่างราบเรียบว่า “ขอโทษด้วยครับ ไท่จื่อ ผมไม่สนใจเป็นองครักษ์เลยแม้แต่น้อย”
ฉินอวิ่นพูดว่า “นายไม่มีสิทธิ์ต่อรองกับฉัน ฉันเห็นแก่ที่เร็วๆ นี้นายได้ฐานะเป็นผู้ดูแลจัดการเจดีย์ยา จึงให้โอกาสที่สามารถสูงส่งขึ้นในพริบตากับนาย ฉันให้นายทำ นายก็ต้องทำ”
ลู่ฝานเริ่มโมโหขึ้นมาแล้ว เอนตัวไปด้านหลังแล้วพูดอย่างเฉยเมยว่า “แล้วถ้าผมไม่ทำล่ะ”
ฉินอวิ่นพูดด้วยสีหน้าอาฆาตทันที “งั้นนายก็ทำได้แค่รับผลที่ตามมาเอง”
ลู่ฝานค่อยๆ ลุกขึ้นยืน แล้วพูดว่า “ไท่จื่อ ดูเหมือนผมคิดผิดที่มาเจอไท่จื่อวันนี้”
ฉินอวิ่นเห็นว่าลู่ฝานจะไปจริงๆ จู่ๆ เขาปรบมือแล้วหัวเราะเสียงดัง
“เป็นคนที่แน่วแน่จริงๆ ฮ่าๆๆ น่าสนใจๆ ฉันชอบคนที่แน่วแน่แบบนายนี่แหละ มาสิ เอาเหล้าดีให้เขาสักแก้ว!”สาวงามที่อยู่ข้างๆ เดินอย่างอ่อนช้อย เอาเหล้าดีมาแก้วหนึ่ง
ลู่ฝานขมวดคิ้วมองฉินอวิ่น เขางงกับไท่จื่อที่อารมณ์แปรปรวนคนนี้ไปหมดแล้ว
ฉินอวิ่นสูดขวดยาไปหนึ่งฟอด ยิ้มแล้วพูดว่า “ฉันเข้าใจยากใช่ไหม เหอะๆ เข้าใจยากก็ถูกต้องแล้ว นั่งสิลู่ฝาน ตอนนี้เรามาคุยกันดีๆ เถอะ”