ดวงตาสองข้างแดงก่ำ ตอนนี้เจ้าดำก็บ้าคลั่งแล้วเหมือนกัน
ขาหน้าทั้งสองข้างของมัน จับตัวเซิ่งฉิวเอาไว้อย่างรวดเร็ว
อ้าปากพ่นไฟออกมาเป็นแถบ!
เซิ่งฉิวรีบสะบัดมือปล่อยพลังปราณออกมาข้างหน้า แต่ต่อมาเปลวไฟทะลุอกของเขาไป
“ความว่างเปล่า ภาพลวงตา ทุกอย่างเป็นเพียงสิ่งลวงตา!”
เซิ่งฉิวสวดวิชาบางอย่างออกมาด้วยความเฉยเมย
ตัวของเขาโปร่งใสเหมือนกระดาษ จู่ๆ เจ้าดำพบว่าตัวเองไม่สามารถจับเขาได้อีก
ทันใดนั้น เซิ่งฉิวหลุดออกจากการจับของเจ้าดำ พลิกมือตบลงบนหัวของเจ้าดำอีกครั้ง
ทันใดนั้นเจ้าดำล้มลงบนพื้นอย่างเจ็บปวด กระตุกไปทั้งตัว
เหรินเจียงและคนอื่นมีรอยยิ้มเต็มหน้า พูดออกมาว่า “สู้ได้ดี วิถีบู๊มิติของพี่เซิ่งฉิว นับวันยิ่งก้าวหน้าถึงจุดสมบูรณ์!”
เซิ่งฉิวก้มตัวลงมองเจ้าดำ แล้วพูดว่า “อสูรวิเศษธรรมดาๆ กล้ามาขวางฉัน ไม่เจียมตัว! ตอนนี้ฉันจะฆ่าเจ้านายแกแล้ว แกจะทำอะไรได้”
เซิ่งฉิวเดินมาตรงหน้าลู่ฝาน โจมตีด้วยฝ่ามือลงบนตัวลู่ฝาน
อักษรยันต์ในมือเขาสว่างขึ้น แต่ทั้งตัวเขากลับโดนสะท้อนกลับมา
ระลอกคลื่นสว่างขึ้นอีกครั้ง ตัวของลู่ฝานสั่นไปมาเล็กน้อย แต่ก็ยังนั่งอยู่ตรงนั้นเหมือนเดิม
เซิ่งฉิวพูดอย่างประหลาดใจว่า “มีการป้องกันตัวเอง มีความสามารถอยู่บ้าง มิน่าล่ะถึงมีความมั่นใจ กล้าทะลุระดับต่อหน้าทุกคน! แต่ฉันจะดูสิว่านายจะต้านทานกระบวนท่านี้ของฉันได้ไหม”
เซิ่งฉิวพูดพลาง มีมวลอากาศสว่างขึ้นในฝ่ามือ
ภายใต้การควบคุมพลังปราณของเขา มวลอากาศนับไม่ถ้วนถูกขับเคลื่อน ไม่นานมวลอากาศเริ่มลุกลาม แปรเปลี่ยนเป็นแหลมคม ทำให้ฟ้าดินเริ่มเปลี่ยนสีเพราะมัน
เซิ่งฉิวเริ่มสั่นไปมาเหมือนภาพลวงตา ท่ามกลางสายตาของทุกคน กระแสลมในมือยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ อากาศรอบๆ เริ่มมีรอยแตกร้าว เหมือนผ้าใบวาดรูปโดนคนฉีกออกอย่างแรง เกิดเป็นรอยร้าวสีดำขลับ
“สายลมพิฆาต!”
แผดเสียงเบาๆ เซิ่งฉิวยกมือเตรียมจะโยนมวลอากาศในมือใส่ลู่ฝาน
แต่ขณะนั้นเอง จู่ๆ เจ้าดำลุกขึ้นมาชนกระแทกเข้าออกไป
มวลอากาศในมือเขา ลอยไปทางเหรินเจียงและคนอื่นทันที!
“อะไรกัน”
เหรินเจียงตะโกนเสียงดัง ถอยไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว
แต่มวลอากาศนั่นไม่เพียงแต่จะมาอย่างรวดเร็ว ยังผนึกพื้นที่รอบๆ เอาไว้ มันกำลังจะโจมตีเข้ามาแล้ว
ทันใดนั้น กระบี่เล่มหนึ่งพาดผ่านมาราวกับลำแสง หลังจากนั้นมวลอากาศสลายหายไปจนหมด
จางกวังเก็บกระบี่อย่างสุขุม กอดกระบี่มองดูบนลานประลองต่อไป
ตอนนี้เซิ่งฉิวอายจนโมโหแล้ว เกือบฆ่าพวกตัวเองตายแล้ว!
“ไอ้อสูรวิเศษเวร!”
เซิ่งฉิวเหยียบเจ้าดำลงบนพื้น อาวุธมากมายปรากฏขึ้นรอบตัว
“ดูเหมือนคงต้องฆ่าแกก่อน เป็นแค่อสูรวิเศษตัวเล็กๆ แต่แกจงรักภักดีมาก!”
เจ้าดำที่โดนเหยียบอยู่บนพื้น ดิ้นไปมาสุดชีวิต แต่ยิ่งมันดิ้น เลือดบนตัวก็ยิ่งไหลออกมาเร็ว
อาวุธนับไม่ถ้วนเล็งไปที่หัวเจ้าดำ เซิ่งฉิวพูดเสียงเบาว่า “ตายซะเถอะ อีกไม่นานเจ้านายของแกก็จะไปหาแกแล้ว!”
พูดจบ อาวุธร่วงลงมาเป็นแถบ ทันใดนั้นเจ้าดำร้องออกมาอย่างโศกเศร้า
เสียงนี้สั่นสะเทือนจนอาวุธลอยไปทางอื่น
ในเวลาเดียว ลู่ฝานที่กำลังทะลุระดับ ลืมตาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เขาพูดพึมพำว่า “เจ้าดำ!”
ในเวลาเดียวกันกับที่เขาลืมตาขึ้น แสงหนึ่งส่องออกมาจากตัวเขา พุ่งขึ้นไปบนฟ้าทันที
ทันใดนั้นท้องฟ้าเกิดเสียงโครมคราม เหมือนมีเสียงสัตว์คำรามมากมายดังมาจากขอบฟ้า ทุกคนตัวสั่นไปหมด
ที่ศูนย์กลางเมืองของเมืองหลวง
เหมือนนักบู๊เกือบทั้งหมด เห็นลำแสงที่พุ่งขึ้นมาบนท้องฟ้า ทะลุขอบฟ้า
เหมือนท้องฟ้าโดนแทงจนทะลุเป็นโพรง ลำแสงยังพุ่งขึ้นไปเรื่อยๆ
ตระกูลหาน
บนยอดเขา ผู้อาวุโสคนหนึ่งเห็นภาพนี้ ถึงกับขมวดคิ้วพูดว่า “ใครหาต้าเต๋าเจออีกแล้ว ไม่สิ พลังอ่อนแอขนาดนี้ ทำไมถึงมีแรงทะลุทะลวงขนาดนี้ล่ะ แปลกมากๆ!”
ตระกูลเทียน
เจ้าบ้านตระกูลเทียนชี้ท้องฟ้าแล้วพูดว่า “ไม่เคยเห็นวิชานี้มาก่อน ไปหาคนคนนี้ให้เจอ ดูสิว่าใครกำลังทะลุระดับ!”
ตระกูลสุ่ย ตระกูลถานไถ และตระกูลวิถีบู๊ตระกูลอื่น ต่างเห็นภาพนี้
ต่างพากันเริ่มสอบถามว่าใครกำลังทะลุระดับ
ในอุทยานหลวง ในเมืองหลวง
ฉินซางต้าตี้กำลังชมดอกไม้อยู่
เขาปรายตามองท้องฟ้าไกลๆ แวบหนึ่ง หัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “ประเทศอู่อานของฉัน จะมียอดฝีมือเพิ่มขึ้นมาอีกคนแล้ว น่าสนใจๆ ไปสืบดูว่าเป็นใคร รายงานชื่อมาด้วย”
องครักษ์เกราะทองสองสามคนหายไปทันที
บนเจดีย์ยา เงาเลือนรางของอริยปราชญ์ดวงดาวปรากฏออกมาอีกครั้ง
เขาก้มมองลู่ฝานที่อู่ด้านล่าง แล้วพูดอย่างประหลาดใจว่า “คิดไม่ถึงว่าเด็กคนนี้จะมีพลังขนาดนี้ เขาฝึกวิชาอะไรกัน ฝึกฝนเคล็ดวิชาบู๊อะไร”
ขณะกำลังพูด มีเงาเลือนรางปรากฏขึ้นข้างเขาอีกสองสามเงา
“อนาคตของเด็กคนนี้ไม่สิ้นสุด แค่เขาไม่ตาย ต่อไปในบรรดาผู้แข็งแกร่ง ต้องมีเขาอยู่แน่นอน”
“อืม ศักยภาพไม่สิ้นสุด วิชาล้ำเลิศ ต้องมีอำนาจใหญ่อยู่เบื้องหลังแน่นอน”
“ช่วงนี้ใครจัดการดูแลเจดีย์ยา ดึงเด็กคนนี้มาเป็นพวกหน่อย!”
เงาเลือนรางสองสามเงาพูดคุยกันเสียงเบา
จู่ๆ เงาของอริยปราชญ์ดวงดาวเบาบางลงไม่น้อย ถ้ามองดูอย่างละเอียด จะเห็นสีหน้ากระอักกระอ่วนของเขาอยู่เลือนราง
จู่ๆ เขารู้สึกว่าตัวเองทำกับลู่ฝานแบบตัดสินอะไรโดยไม่มีหลักการเกินไปหรือเปล่า คืนป้ายให้เขาดีไหม แบบนี้จะทำให้เจดีย์ยาเสียหน้าหรือเปล่า!