เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1072
ยามราตรี ทุกบ้านสว่างไสว
คืนนี้เป็นคืนแห่งเทศกาลเซ่นไหว้ประจำปี และเป็นช่วงเวลาเริ่มต้นปีใหม่
การดื่มกิน กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตาทั้งครอบครัว เป็นประเพณีที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
ในเมืองหลวง ทุกคนล้วนกลับบ้านฉลองเทศกาล มีคำอวยพรเป็นครั้งคราว ดังออกมาจากถนนตรอกซอกซอย ลอยวนอยู่บนท้องฟ้าในเมืองหลวง
ในเจดีย์ยา
ลู่ฝาน สิบสาม เซียวเฮ่า และอูลี่คุน ทั้งสี่คนตั้งโต๊ะหม้อไฟ
เนื้อแกะต้มสมุนไพรต้นตำรับ เสริมพลังชี่บำรุงร่างกายอีกทั้งยังอร่อยด้วย เป็นฝีมือของเซียวเฮ่า จากที่เขาพูด เขาเลือกเนื้อแต่ละชิ้นด้วยความตั้งใจ กลิ่นหอมเป็นอย่างมาก
ด้านนอกมีของขวัญต่างๆ กองเต็มพื้นไปหมด
มีเด็กรับใช้ตะโกนเสียงดังเป็นระยะ
“คุณชายลู่ คุณท่านหลู่ส่งของขวัญล้ำค่ามาให้ เชิญคุณชายลู่ไปชมจันทร์วันพรุ่งนี้ครับ”
“คุณชายลู่ ท่านซือถูส่งของขวัญมาให้ อีกสามวันเชิญคุณชายลู่ไปล่องเรือและพูดคุยกันเรื่องสุรา” ……
เสียงตะโกนต่างๆ มาพร้อมกับเสียงของขวัญวางลงบนพื้น
ลู่ฝานขี้เกียจไปนับ ของขวัญเยอะเกินไป ตอนนี้ไปเก็บของทั้งหมดขึ้นมา เป็นเรื่องที่วุ่นวาย เลยตัดสินใจวางไว้ตรงนั้นก่อน
เซียวเฮ่าพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “พี่ลู่ฝาน ตอนนี้ชื่อเสียงของพี่ดังกระฉ่อนแล้ว ตอนนี้บรรดาผู้สูงศักดิ์ที่มีอำนาจในเมืองหลวง ล้วนอยากทำความรู้จักกับพี่”
อูลี่คุนใส่เนื้อเป็นกองลงไปในหม้อ แล้วพูดว่า “พี่ลู่ฝานคงไม่คิดพึ่งพาอาศัยอำนาจใหญ่หรอก คนพวกนี้ก็เหมือนกัน ส่งของขวัญอย่างโจ่งแจ้งแบบนี้ ไม่กลัวไท่จื่อจัดการพวกเขาเหรอ”
เซียวเฮ่าหัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “เธอคงไม่รู้สินะ เธอมองของขวัญกองใหญ่ที่หน้าประตูนั่นสิ นั่นเป็นของที่ไท่จื่อส่งมา องค์ชายรองก็ส่งของขวัญมาด้วย แม้ไม่ได้ทิ้งชื่อไว้ แต่อักษรยันต์เครื่องบรรณาการของราชวงศ์ด้านบน ก็ไม่สามารถหลอกลวงได้”
อูลี่คุนพูดอย่างตกใจว่า “จริงเหรอ เตี้ยนเซี่ยทั้งสองพระองค์ส่งของขวัญมาแล้วเหรอ ไม่ใช่สิ พี่ลู่ฝานล่วงเกินพวกเขาไม่ใช่เหรอ”
ลู่ฝานพูดอย่างเรียบเฉยว่า “ล่วงเกิน แต่พวกเขาไม่สามารถทำอะไรฉันได้ชั่วคราว จึงตัดสินใจส่งของขวัญเล็กน้อยมาให้ฉัน เพื่อบอกว่าเรื่องนี้ผ่านไปแล้ว ไม่พูดอีก”
เซียวเฮ่ายิ้มแล้วพูดว่า “พี่ลู่ฝาน รอปีหน้าหิมะละลายหมด ตอนฤดูใบไม้ผลิ พี่ต้องโดดเด่นในการคัดเลือกแน่นอน”
ลู่ฝานพูดว่า “หวังว่าจะเป็นอย่างที่นายพูด ฉันก็หวังว่าจะได้อันดับดีๆ เหมือนกัน”
อูลี่คุนส่ายหัวไปมาอย่างมีความสุข แล้วพูดว่า “พี่ลู่ฝาน ฉันว่าคนที่เป็นภัยกับพี่ในการคัดเลือก ก็คือพวกลูกหลานหัวกะทิของสิบตระกูลใหญ่”
ลู่ฝานหัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “สิบตระกูลใหญ่ ได้ยินมานานแล้ว พวกนายรู้จักสิบตระกูลใหญ่ดีไหม เล่าให้ฉันฟังหน่อยได้ไหม”
อูลี่คุนกับเซียวเฮ่ามองหน้ากัน ทั้งสองคนส่ายหน้าไม่หยุด
ลู่ฝานถอนหายใจ ขณะนั้นเสียงหนึ่งดังขึ้นนอกประตู
“ฉันรู้ นายจะฟังไหม”
เสียงที่แสนคุ้นเคย เมื่อหันไปมอง เห็นผู้หญิงคนนั้นเดินช้าๆ เข้ามา
“อู่คงหลิง!”
อู่คงหลิงเดินช้าๆ มาถึงข้างตัวลู่ฝาน จากนั้นดึงเก้าอี้มานั่ง
เธอไม่ได้มาเป็นครั้งแรก เซียวเฮ่ารีบพูดว่า “คุณอู่ เธอก็มาด้วยเหรอ ไม่กลับไปกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตาที่บ้านเหรอ”
อู่คงหลิงยิ้มแล้วพูดว่า “พวกนายก็ไม่กลับเหมือนกันไม่ใช่เหรอ”
เซียวเฮ่าพูดว่า “บ้านเราอยู่ไกลมาก ถ้ากลับคงพ้นเทศกาลเซ่นไหว้ประจำปีไปแล้ว ดังนั้นเลยกลับไม่ได้ เฮ้อ ปีนี้ทำให้แม่เป็นห่วงอีกแล้ว”
อู่คงหลิงพูดเสียงเบาว่า “ฉันยังดีกว่าพวกนายหน่อย เพราะไม่มีใครห่วงฉัน”
เซียวเฮ่าขมวดคิ้วพูดว่า “ทำไมล่ะ”
ยังพูดไม่ทันจบ อูลี่คุนที่อยู่ข้างๆ รีบเอาเนื้อยัดใส่ปากเซียวเฮ่า
ตอนนี้เซียวเฮ่าเพิ่งรู้ว่าอูลี่คุนทำเช่นนี้หมายถึงอะไร เขารีบก้มหน้าไม่พูดอะไร
ลู่ฝานเอากาเหล้ายื่นให้อู่คงหลิง แล้วพูดว่า “ดื่มเหล้าสิ อย่าพูดเรื่องที่ทำให้ไม่สบายใจเลย”
อู่คงหลิงพูดว่า “ลู่ฝาน นายอยากรู้เรื่องของสิบตระกูลใหญ่ไม่ใช่เหรอ ฉันเล่าให้นายฟังไหม”
ลู่ฝานพูดว่า “ได้สิ เล่าให้ฉันฟังสิ ไม่แน่ตอนคัดเลือกในช่วงฤดูใบไม้ผลิปีหน้า ฉันอาจเจอคนของสิบตระกูลใหญ่ก็ได้”
อู่คงหลิงค่อยๆ เอากาเหล้าวางไว้อีกด้าน แล้วพูดว่า “งั้นต่อเริ่มพูดจากสิบตระกูลใหญ่คือสิบตระกูลไหนบ้าง ลู่ฝานตอนนี้นายรู้จักตระกูลไหนในสิบตระกูลใหญ่บ้าง”
ลู่ฝานครุ่นคิดแล้วพูดว่า “ตระกูลหาน ตระกูลเทียน อ้อ ตระกูลสุ่ยด้วย”
อู่คงหลิงยิ้มแล้วพูดว่า “คิดไม่ถึงว่านายจะรู้จักคนของตระกูลสุ่ยด้วย อืม สามตระกูลนี้ถือว่าเป็นสามตระกูลที่แข็งแกร่งสุดในสิบตระกูลใหญ่ ส่วนตระกูลที่เหลืออำนาจค่อนข้างน้อย ยังมีตระกูลถานไถ ตระกูลสือ ตระกูลหลิ่ว สามตระกูลนี้ก็เป็นตระกูลนักบู๊ ลูกหลานในตระกูลนับไม่ถ้วน มีทั่วประเทศอู่อาน เทียบกับตระกูลหาน ตระกูลเทียน ตระกูลสุ่ย ก็ห่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น”
ลู่ฝานพูดว่า “แล้วยังไงต่อ”
อู่คงหลิงพูดต่อ “ต่อไปก็คือตระกูลหลู่กับตระกูลฉู่ สองตระกูลนี้อ่อนน้อมถ่อมตนมาก ตระกูลหลู่ มีชื่อเสียงในด้านการศึกษาเรื่องจิปาถะ ลูกหลานตระกูลหลู่ มีทั้งนักบู๊และผู้ฝึกชี่ มีแม้กระทั่งคนไม่มีความรู้ความสามารถ ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง อย่างเช่น หลู่ชิงโหว เฉิงเซี่ยงคนปัจจุบัน”