เถ้าแก่อ้วนขำ ขำอย่างมีความสุขเป็นอย่างมาก
เขาพูดกับลู่ฝานว่า “นายวางใจเถอะ ไม่ใช่ร้านที่เปิดเพื่อฆ่าคนหรอก ไม่มีทางเอาชีวิตนายหรอก”
เพิ่งพูดจบ จู่ๆ เงาหนึ่งปรากฏขึ้นหน้าประตู
คนคนนี้เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง นัยน์ตาหม่นหมอง บนหน้ามีแผลเป็นเต็มไปหมด มีกระบี่หักอยู่ที่เอวหนึ่งเล่ม
“ตาเฒ่าเซวียนหยวน นายก็มาแล้วเหรอ!”
คนยังไม่ทันเดินเข้ามา ไอ้หลิวพูดเสียงดังขึ้นมา
ตาเฒ่าเซวียนหยวนเดินเข้ามาในร้าน จากนั้นกวาดตามอง ยกยิ้มมุมปากแล้วพูดว่า “ไอ้หลิว ยัยแก่หยาง คิดไม่ถึงว่าทั้งสองคนจะอยู่ด้วย ไอ้อ้วนตง นายจงใจให้เรามาทะเลาะกันใช่ไหม”
เถ้าแก่อ้วนยิ้มแล้วพูดว่า “ฉันมาแนะนำศิษย์ให้พวกนาย ส่วนพวกนายจะทะเลาะกันหรือไม่ เป็นเรื่องของพวกนาย แต่ฉันขอพูดไว้ก่อน ใครทำร้านฉันพัง ฉันจะเอาชีวิตคนนั้น ไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม”
สีหน้าของทั้งสามคนเปลี่ยนไปทันที ตาเฒ่าเซวียนหยวนไปนั่งอีกด้าน
ลู่ฝานพอจับใจความอะไรได้บ้างแล้ว เขามองเถ้าแก่อ้วนแล้วพูดว่า “เดี๋ยวนะ แนะนำศิษย์เหรอ ท่านไม่ได้หมายถึงฉันใช่ไหม ทำไมฉันรู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นปลาบนเขียง ปล่อยให้คนเชือดเฉือนตามอำเภอใจ ฉันแค่มาดื่มเหล้าเท่านั้น!”
เถ้าแก่อ้วนยิ้มแล้วพูดว่า “ไอ้หนุ่ม นายคิดว่าเหล้าของฉันกินฟรีเหรอ นั่งไปเถอะ วันนี้เป็นวันที่เปลี่ยนแปลงโชคชะตาของนาย”
เถ้าแก่อ้วนพูดพลางเดินไปด้านหลังเคาน์เตอร์ เอาสมุดเล่มเล็กๆ ออกมาจากเอว
ลู่ฝานรู้สึกว่าอยู่ที่นี่นานไม่ได้แล้ว เพิ่งลุกขึ้นจะออกไป กลับพบว่าตัวเองขยับลำบาก เหมือนมีพลังที่มองไม่เห็นควบคุมเขาอยู่
ขณะนั้นไอ้หลิวกระแอมเบาๆ สองครั้ง แล้วพูดเสียงดังว่า “ยัยแก่หวาง ตาเฒ่าเซวียนหยวน ฉันถูกใจเด็กคนนี้ก่อน พวกนายไม่ต้องแย่งกับฉันแล้ว ฉันก็เป็นคนที่อายุมากแล้ว ยังขาดเด็กที่เป็นผู้สืบทอด”
ยัยแก่หยางหัวเราะแล้วพูดว่า “ไอ้หลิว คนที่มาร้านไอ้อ้วนตง มีใครที่ไม่ขาดผู้สืบทอดบ้างล่ะ เด็กคนนี้มีพลังห้าวหาญบนตัว ร่างกายเหมือนเหล็กกล้า พลังการฟื้นฟูน่าตกใจ ฝึกวิชาจิตบู๊ไท่อี่ของฉันได้พอดี”
ไอ้หลิวพูดว่า “ยัยแก่หยาง วิชาจิตบู๊ไท่อี่ของเธอ ทำให้คนฝึกจนตายได้ จิตใจต้องบริสุทธิ์เหมือนน้ำ ใสดั่งกระจก ไม่งั้นจะตายแบบไม่เหลือซาก เธอหาเด็กสาวจิตใจเยือกเย็น มาสืบทอดวิชาของเธอเถอะ ฉันคิดว่าเธอไปประเทศเป่ยเสิน ต้องได้แน่นอน ทำไมต้องมาแย่งกับฉันด้วย”
ยัยแก่หยางพูดว่า “เคล็ดวิชาบู๊สรรพสิ่งไร้รูปร่างของนายฝึกง่ายเหรอ กลายเป็นมังกร เป็นเสือ เป็นตัวเรือด ถ้าฝึกไม่ดีจะกลายเป็นก้อนหิน ไม่สามารถกลับเป็นเหมือนเดิมได้อีก ถ้าไม่ใช่เพราะศิษย์สองสามคนก่อนหน้านี้ของนาย ที่สุดท้ายกลายเป็นฝุ่นดิน นายคงได้ถ่ายทอดวิชาความรู้ไปนานแล้ว”
ตาเฒ่าเซวียนหยวนที่ดูอยู่ข้างๆ ตลอด กลับจ้องไปที่กระบี่หนักไร้คมด้านหลังลู่ฝานตลอดเวลา
ทันใดนั้น ตาเฒ่าเซวียนหยวนพูดเสียงดังว่า “เจ้าหนุ่ม นายก็เป็นคนใช้กระบี่เหมือนกัน บอกฉันหน่อยว่ากระบี่คืออะไร”
ลู่ฝานได้ยินคำถามของตาเฒ่าเซวียนหยวน จึงขมวดคิ้วพูดว่า “กระบี่ก็คือกระบี่ จะเป็นอะไรได้อีกล่ะครับ”
ตาเฒ่าเซวียนหยวนหัวเราะออกมา ชี้หน้าลู่ฝานแล้วพูดว่า “เด็กคนนี้จริงใจจริงๆ ไม่เสแสร้ง ฉันรับไว้เป็นศิษย์!”
ไอ้หลิวกับยัยแก่หยาง หันมามองตาเฒ่าเซวียนหยวนทันที
ไอ้หลิวพูดเสียงดุว่า “ตาเฒ่าเซวียนหยวน วิชากระบี่ที่แทบตายของนาย จะถ่ายทอดหรือไม่ถ่ายทอดก็ไม่เห็นเป็นไร ไม่ถ่ายทอดยิ่งดี จะได้ไม่เป็นภัยกับโลก”
ยัยแก่หยางพูดว่า “วิชากระบี่ที่ทำให้คนฝึกจนเป็นฆาตกรคลั่งได้ทุกเมื่อ ยังมีชื่ออันไพเราะว่ากระบี่บำเพ็ญเพียร น่าอายไหม! จะถ่ายทอดไปทำไม”
ตาเฒ่าเซวียนหยวนไม่โกรธสักนิด เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า “บำเพ็ญเพียร บำเพ็ญเพียร ฝึกฝนจนเป็นตัวเราอย่างแท้จริง รักษาไว้ซึ่งความจริง ถ้าฝึกไม่ถึงตัวเราอย่างแท้จริง แน่นอนว่าต้องเป็นคนบ้าคลั่ง ระดับไม่เพียงพอ วิชาไม่ถึง จะโทษใครได้ล่ะ ฉันว่าจิตใจของเด็กคนนี้ใช้ได้ ร่างกายก็แข็งแรงดี เป็นเด็กที่ดี ไม่แน่อาจทำความปรารถนาของฉันให้เป็นจริงก็ได้ พวกนายใครก็ไม่ต้องมาแย่งฉัน ไม่งั้น……”