หลู่เฉิงเซี่ยงยิ้มแล้วพูดว่า “นายไม่ต้องเข้าใจหรอก นายแค่รู้ว่านายผ่านการพิจารณาแล้วก็พอ”
ลู่ฝานพูดว่า “ผ่านแล้วได้อะไรดีๆ บ้างครับ”
หลู่เฉิงเซี่ยงยิ้มบางๆ แล้วพูดว่า “อะไรดีๆ มีมากมาย ต่อไปนายจะรู้เอง”
ลู่ฝานส่ายหน้าพูดว่า “ไม่เอาต่อไปสิครับ ฉันอยากรู้ตอนนี้เลย”
เมื่อพูดเช่นนี้ ลู่ฝานใช้สายตาดุดันมองหลู่เฉิงเซี่ยง
ไม่ว่าใครโดนหลอกแบบเมื่อกี้ อารมณ์ต้องไม่ดีแน่นอน ลู่ฝานสามารถระงับความโกรธของตัวเองได้ ก็ถือว่าหาได้ยากแล้ว
หลู่เฉิงเซี่ยงวางแก้วชาลง พูดด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าหนุ่ม อย่าโกรธขนาดนั้นสิ ฉันลองเชิงนายรอบเดียว มีผลดีทั้งฉันและนาย รวมถึงราชสำนักด้วย ฉันบอกใบ้ให้นายนิดหน่อยก็ได้ หนทางชีวิตการเป็นขุนนางของนายราบรื่นแล้ว ถ้านายอยากเป็นหัวหน้าเขต ตอนนี้ฉันรับปากนายได้เลย ไม่ถึงสองวัน คำสั่งแต่งตั้งจะลงมาทันที”
ลู่ฝานอึ้งไป มองหลู่เฉิงเซี่ยงอย่างสงสัย
เขาไม่เข้าใจจริงๆ การทดสอบเมื่อกี้ เกี่ยวอะไรกับการเป็นหัวหน้าเขตของเขา
เหมือนหลู่เฉิงเซี่ยงชอบเห็นลู่ฝานหน้านิ่วคิ้วขมวด เขายิ้มแล้วพูดว่า “ผลประโยชน์นี้ไม่แล้วใช่ไหม พอใจหรือยัง”
ลู่ฝานส่ายหน้าพูดว่า “ขอบคุณหลู่เฉิงเซี่ยง แต่ฉันมาเมืองหลวง เพื่อเข้าร่วมการคัดเลือก เรื่องหัวหน้าเขต ปล่อยมันไปก่อนเถอะครับ”
หลู่เฉิงเซี่ยงยิ้มแล้วพูดว่า “จริงเหรอ จากที่ฉันรู้จักนาย นายน่าจะไม่ค่อยสนใจการคัดเลือกสิถึงจะถูก คนอย่างนายให้ความสำคัญแค่พละกำลังกับคนในครอบครัว มีที่ผืนหนึ่งให้พักพิงฝึกฝน อีกทั้งยังทำให้อำนาจของตระกูลแข็งแกร่งขึ้น เป็นสิ่งที่นายต้องการไม่ใช่เหรอ เมื่อถึงตอนนั้น ถ้านายไม่อยากเป็นหัวหน้าเขต ให้ลู่หมิง ลูกพี่ลูกน้องของนายมาเป็นก็ได้ ถึงขั้นที่นายสามารถให้หลิงเหยาคนรักของนายมาช่วยดูแลพื้นที่หนึ่งเขต คิดว่าเธอน่าจะมีความสนใจมากกว่านาย”
คำพูดของหลู่เฉิงเซี่ยง ทำให้ลู่ฝานตกใจจนคิ้วกระตุกครู่หนึ่ง
สีหน้าอึมครึม ลู่ฝานพูดว่า “ใต้เท้าเฉิงเซี่ยงรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง”
หลู่เฉิงเซี่ยงหัวเราะหึหึ แล้วพูดว่า “จะสืบเรื่องนายไม่ใช่เรื่องง่าย เขตตงหวาก็เป็นพื้นที่ของประเทศอู่อาน แค่เป็นคนและเรื่องในประเทศอู่อาน ฉันอยากสืบ ก็สืบได้อยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น นายยังเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงแบบนี้ด้วย”
ลู่ฝานเคาะนิ้วลงบนโต๊ะเป็นจังหวะ
เขาคิดไม่ถึงเลยว่าหลู่เฉิงเซี่ยงจะตั้งใจสืบเรื่องเขาโดยเฉพาะ นี่ทำให้ลู่ฝานรู้สึกหวาดกลัว รู้สึกเหมือนโดนคนมองจนทะลุปรุโปร่ง
แม้หลู่เฉิงเซี่ยงที่อยู่ด้านหน้า ดูไม่มีพละกำลังอะไรเลยสักนิด แต่กลับทำให้เขารู้สึกกดดันอย่างไม่มีเหตุผล
ไม่ได้การแล้ว อยู่ที่นี่นานไม่ได้แล้ว
ลู่ฝานครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วลุกขึ้นพูดว่า “ใต้เท้าเฉิงเซี่ยง ในเมื่อท่านทดสอบฉันเสร็จแล้ว งั้นฉันขอตัวก่อนนะครับ!”
หลู่เฉิงเซี่ยงยกแก้วชาขึ้นมา พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ทำไม มองฉันเป็นหายนะหรือไง ฉันก็แค่คนธรรมดา มีพละกำลังเพียงน้อยนิด ถ้าขนาดฉันนายยังกลัว ถ้าได้กลายเป็นผู้แข็งแกร่งแท้จริงขึ้นมา”
ลู่ฝานชะงักฝีเท้าลง แม้เขารู้ว่านี่คือวิธีที่หลู่เฉิงเซี่ยงยั่วยุเขา แต่เขาต้องยอมรับว่าอีกฝ่ายพูดมีเหตุผลมาก
หลู่เฉิงเซี่ยงยิ้มแล้วพูดว่า “อยู่อย่างวางใจเถอะ ลู่ฝาน ในเมื่อฉันเชิญนายมาแล้ว ไม่ว่าใช้วิธีอะไร สรุปว่านายมาแล้ว แน่นอนว่าคงไม่ปล่อยนายไปง่ายๆ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ให้นายพักที่ตระกูลหลู่ ส่วนทางเจดีย์ยา ฉันจะส่งคนไปคุย แล้วจะส่งของของนายมาให้”
ลู่ฝานหันมามองหลู่เฉิงเซี่ยงแล้วพูดว่า “ท่านจะกักบริเวณฉันเหรอ”
หลู่เฉิงเซี่ยงส่ายหน้าพูดว่า “ไม่ เป็นการฝึกฝนอบรม ลู่ฝาน อีกไม่นานก็จะถึงวันคัดเลือกแล้ว นายไม่เรียนรู้ประเพณีมารยาทสักหน่อย จะเข้าเฝ้าจักรพรรดิได้ยังไง ช่วงนี้ก็อยู่ในตระกูลหลู่ เรียนรู้ประเพณีมารยาทอย่างเต็มที่ แน่นอนว่าถ้านายดื้อจะหนีไป ก็ไม่มีใครขวางนาย ประตูตระกูลหลู่เปิดกว้างเสมอ”