บทที่ 14 ผมหิวน้ำแล้ว
ไม่ได้รอซูเป่ยซานพูด ผู้ชายวัยกลางคนพูดเสียงหนักว่า“รับคำสั่งจากนายท่านมารับแขกคนสำคัญท่านหนึ่ง รบกวนแล้ว ”
พูดว่ารบกวนแต่น้ำเสียงและการแสดงออกไม่ได้มีความหมายที่เกรงใจแม้แต่นิด
ทุกคนกระสับกระส่าย
“ถ้าหากผมทายไม่ผิด คุณคือคุณบูของตระกูลเถีย?” ซูยู่คุนถามอย่างระมัดระวัง
ตระกูลเถีย!
ฟังคำพูดนี้แล้วใจของทุกคนก็สั่นอีกครั้ง!
ถ้าหากพูดว่าที่เมืองหลงเจียง ถ้ามีตระกูลอันดับหนึ่งอย่างนั้น ตระกูลเถียก็คือตระกูลสุดระดับที่แอบซ่อนอยู่เบื้องหลังของตระกูลอันดับหนึ่ง!
พวกเขาปกติแล้วเป็นคนเก็บตัวไม่เปิดเผยแต่ทุกคนต่างก็รู้ที่หลงเจียงพวกเขาต่างหากที่เป็นจระเข้ยักษ์!
ตระกูลซูฝืนถือได้ว่าเป็นตระกูลอันดับสาม
ล่วงเกินตระกูลเถียเมื่อไหร่แล้ว?
ท่าทางนี้คือต้องการฆ่าล้างพวกเขาเหรอ?
บูซานก็ไม่ได้สนใจซูยู่คุนเพราะเขาได้มองเห็นฉินเทียนที่ถูกสองสามคนล้อมขึ้นมาแล้ว
มองฉินเทียนแวบหนึ่งอย่างลึก ๆ บูซานพูดเสียงดัง“เชิญคุณหนูใหญ่!”
บอดี้การ์ดแยกออก หญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาจากด้านนอก
ชุดสีม่วงทั้งตัววาดโครงรูปร่างที่สมบูรณ์แบบอยู่
บนหน้าสวยที่ไม่มีตำหนิปกคลุมด้วยน้ำแข็งที่หนาวเย็นชั้นหนึ่ง
สวยจนทำให้คนหายใจไม่ออก กลับไม่มีใครสักคนกล้าที่จะมีความคิดชั่วร้ายในใจแม้แต่นิด
“คุณหนูหนิงซวง!”ซูเหวินเฉิงสั่นแรงเล็กน้อยบุกขึ้นมาแล้ว
เขาพูดอย่างตื่นเต้น“คุณคือมารับผมใช่ไหม?”
ซูเหวินเฉิงอยู่เมืองหลงเจียงก็ถือว่าเป็นคุณชายที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง
เขามีวาสนาเคยเจอเถียหนิงซวงครั้งหนึ่ง ก็เหมือนโดนปีศาจครอบงำอย่างนั้นตราตรึงในหัวใจแล้ว
จากวันนี้ไปพวกผู้หญิงที่อยู่ข้างกายต่างก็ไม่หอมแล้ว
เขาคิดแปลกเกินไปจากความเป็นจริง ถ้าหากสามารถได้รับความสำคัญจากเถียหนิงซวงได้ถึงแม้เรียกมาเป็นลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านของตระกูลเถีย อย่างนั้นเขาซูเหวินเฉิงรวมถึงทั้งตระกูลซูต่างก็จะได้รับอำนาจตามไปด้วย!
ดังนั้น ถึงแม้ไม่มีโอกาสเขาก็วางแผนสร้างโอกาส“เจอกันโดยบังเอิญ”มานานกับเถียหนิงซวง
เขาสอบถามอย่างชัดเจนเถียหนิงซวงไปฝึกการต่อสู้ที่ป่าเขาบ่อย ๆ แต่งตัวเป็นผู้รักการผจญภัยในป่า เข้าไปพูดคุยหลายครั้งแสดงถึงความรัก
เถียหนิงซวงไม่หวั่นไหวตลอด
คิดไม่ถึงว่าจะมาถึงตระกูลซูด้วยตัวเองในคืนวันไหว้พระจันทร์วันนี้
หรือว่าเมื่อก่อนที่เธอเย็นชากับเราต่างก็เป็นการเสแสร้ง?
คือมาจากการสำรวมของเด็กผู้หญิง เวลาเดียวกันก็เป็นการทดสอบเรา?
ตอนนี้ในที่สุดต้องการตอบกลับการขอร้องความรักของเราแล้ว?
สมแล้วที่เป็นผู้หญิงของตระกูลเถีย คิดไม่ถึงมาหาเราที่บ้านโดยตรงเลย!
ได้ยินคำพูดของซูเหวินเฉิง ซูเป่ยซานทั้งแปลกใจทั้งดีใจ
หลานสุดที่รักคนนี้คิดไม่ถึงสร้างความสัมพันธ์กับคุณหนูใหญ่ของตระกูลเถียแล้วตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
โดยเฉพาะซูยู่คุนคู่สามีภรรยา ลูกสาวของพวกเขาได้คบหาคนรวยและแต่งงานกับคุณชายใหญ่ของตระกูลอู๋ ตระกูลอู๋ได้เตรียมเป็นตระกูลอันดับหนึ่งแล้ว
ถ้าหากลูกชายแต่งกับเถียหนิงซวงคุณหนูใหญ่ของตระกูลสุดระดับคนนี้อีก งั้นก็เป็นโชคที่ดีมากแล้วจริง ๆ !
ซูเป่ยซานเดินมาด้วยตัวเองโค้งตัวประสานมือคำนับ พูดยิ้ม“ผมซูเป่ยซานก็คือคุณปู่ของเหวินเฉิง คิดไม่ถึงว่าคุณหนูหนิงซวงจะมาเยือนด้วยตัวเองในวันนี้”
“ผมเคารพและชื่นชมต่อคุณปู่ของคุณมากมาโดยตลอด!”
ซูยู่คุนก็รีบพูด“ผมเคยกินข้าวกับคุณซูพ่อของคุณ”
“เจ้าสมาคมซูให้ความสำคัญกับคนที่มีความสามารถ ขอบคุณที่เขาไม่ทิ้งไปยังดื่มเหล้าชนแก้วกับผม”
คนในตระกูลที่เหลือมีปฏิกิริยากลับมา เรื่องมงคลจู่ ๆ ก็ปรากฏออกมาอย่างไม่คาดคิดจริง ๆแล้วทยอยประจบขึ้นมาคำพูดที่สวยงามแต่ละชนิดดังข้างหูไม่หยุด
เถียหนิงซวงยืนนิ่ง
สำหรับฐานะและการวางตัวของเธอก็คือหงส์ที่ลงมาจากท้องฟ้า
ตระกูลซูทุกคนที่อยู่รอบ ๆ ก็แค่นกกระจอกฝูงหนึ่งที่คล้อยตาม
เธอย่นคิ้วแล้วในดวงตาพรั่งพรูความรู้สึกที่รังเกียจออกมา
แต่เธอมาครั้งนี้มีการร้องขอต่อฉินเทียน และฉินเทียนก็เป็นลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านของตระกูลซูอีกดังนั้นไม่สะดวกที่จะล่วงเกินคนตระกูลซู
เธอพยักหน้าอย่างอดทนพูดต่อซูเหวินเฉิง“ฉันมารับคนหนึ่งแต่ไม่ใช่คุณ”
พูดจบก็เดินไปถึงที่ด้านหน้าของฉินเทียน
“คุณปู่ของฉันให้ฉันมารับคุณ!”
อะไร?
ทุกคนนี่ถึงได้นึกขึ้นมาได้ เมื่อกี้ตอนที่บูซานเข้ามาร้องเรียกเสียงนั้น“คุณฉินอยู่ที่ไหน”
เถียหนิงซวงคิดไม่ถึงว่ามารับฉินเทียน?
คนไร้ค่าคนนี้สร้างความสัมพันธ์กับตระกูลเถียเมื่อไหร่? ทุกคนต่างก็มีใบหน้าที่มึนงงทั้งหมด
ซูเหวินเฉิงรีบพูด“คนแซ่ฉิน นายไม่ได้ยินคำพูดของหนิงซวงเหรอ?”
“พูด นายล่วงเกินหนิงซวงแล้วใช่ไหม? ถ้าหากใช่แล้วฉันจะไม่ปล่อยนายแน่!”
หยางยู่หลันก็ตะลึงแล้ว
ลูกเขยคนนี้ของตัวเองก็สร้างปัญหาเก่งไปแล้วล่ะมั้ง?
ล่วงเกินตระกูลซูแล้วก็ทำให้เธออกสั่นขวัญหายพอแล้ว ตอนนี้คิดไม่ถึงกระทั่งตระกูลเถียก็ล่วงเกินด้วย?
เธอพูดอย่างหวาดกลัว“คุณเถีย ฉินเทียนเป็นลูกเขยของฉัน สรุปแล้วเขาล่วงเกินคุณยังไงฉันขอโทษแทนเขา!”
เถียหนิงซวงมองหยางยู่หลันแวบหนึ่งแล้วมองซูซูที่นั่งบนเก้าอี้รถเข็นที่อยู่ด้านข้างอีก ในดวงตาแวบความแปลกมา
ผู้หญิงคนนี้ก็คือผู้หญิงที่สวยที่สุดของหลงเจียงในอดีต?
ไม่รู้ว่าเพราะอะไรในใจของเธอจู่ ๆ ผุดกลิ่นไอความอิจฉาริษยาขึ้นมา
กลิ่นไอนี้กระจายบนตัวของฉินเทียนอย่างไม่มีสาเหตุแล้ว
เห็นฉินเทียนนิ่งเฉยเธอพูดอย่างโมโหเล็กน้อย“เรื่องเร่งด่วนยังไม่รีบไปกับฉันอีก!”
ฉินเทียนยิ้มแล้วคิดไม่ถึงดึงเก้าอี้มานั่งลงด้านข้างโต๊ะแล้ว
“คุณคิดว่าคุณเป็นใคร?”
“คุณ” เถียหนิงซวงอึดอัด
เธอไม่ยอมรับก็ไม่ได้ ใบหน้านี้ที่อยู่ด้านหน้าทำให้ใจของผู้หญิงหวั่นไหวได้ง่ายมาก ไม่ใช่หน้าตาดีธรรมดาแต่หล่อและแข็งแกร่ง
โดยเฉพาะดวงตาคู่นี้ สบาย ๆ ทั้งลึกล้ำและเย็นชา
เหมือนสังเกตชัดเจนทั้งหมด ทั้งเหมือนสระน้ำลึกอีกเก็บความลับไว้มากมายทำให้คนอยากที่จะเข้าไปไล่ตามหาอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้
แต่เวลานี้เธอเพียงรู้สึกว่าใบหน้านี้น่ารังเกียจมาก
“คุณอยากที่จะให้ฉันทำยังไง?”คิดถึงภารกิจของตัวเองเธอทำได้เพียงพูดอย่างอดทน
“ผมหิวน้ำแล้ว” ฉินเทียนมีท่าทางสบาย ๆ
เถียหนิงซวงตะลึงมองแก้วและกาน้ำชาบนโต๊ะแล้ว หมอนี่ นี่คืออยากที่จะให้ตัวเองรินชาให้เขา?
ไม่มีทาง!
ทั้งชีวิตของเธอนี้นอกจากเคยรินชาให้กับผู้อาวุโสที่เคารพแล้วยังไม่เคยปรนนิบัติรับใช้คนอื่นเลย!
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหมอนี่ที่อยู่ข้างหน้า เพียงแค่เป็นลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านที่มีฐานะต่ำต้อยคนหนึ่ง!
“คนแซ่ฉิน นายอยากตายเหรอ?”
เห็นฉินเทียนคิดไม่ถึงใช้ท่าทางนี้ปฏิบัติต่อนางฟ้าของตัวเอง เพื่อแสดงให้เห็นซูเหวินเฉิงบุกขึ้นมาพร้อมแผดเสียงด้วยความโมโห
เขายื่นมือเตรียมที่จะดึงผมของฉินเทียน
ฉินเทียนไม่ขยับยิ้มอย่างเย็นชามองเถียหนิงซวงอยู่
“ไสหัวไป!”เถียหนิงซวงใช้ฝ่ามือหนึ่งสบาย ๆ ก็ตบให้ซูเหวินเฉิงไปด้านข้างแล้ว
เธอกัดฟันแล้ว ในที่สุดก็รินชาแล้วแก้วหนึ่งอย่างไม่เต็มใจ
“ตอนนี้ได้แล้วใช่ไหม?”
ฉินเทียนพูด“ยกขึ้นมา”
“คุณ”
ในดวงตาของเถียหนิงซวงกระจายความโกรธ ในใจคิดกลับไปค่อยจัดการคุณให้ดี ๆ
เพียงต้องหยิบแก้วชาขึ้นมาอย่างหงุดหงิดวางที่ด้านหน้าของฉินเทียน
ฉินเทียนพูดช้า ๆ “ผมไม่ชอบมีคนสูงกว่าหัวผม”
เถียหนิงซวงหน้าแดงขึ้น
เธอกัดฟันเงินโค้งตัวสองมือประคองแก้วชามาด้านหน้าของฉินเทียนด้วยความเคารพ พูดอย่างจริงใจอีกครั้ง“เชิญคุณฉิน!”
ตอนที่ฉินเทียนมองเห็นเธอโค้งตัว ถึงแม้เป็นเสื้อรัดตัวแต่ยังคงมีความขาวละเอียดอดไม่ได้ที่หนังตาจะกระตุกแล้วเล็กน้อย
“ไปเถอะ” ยิ้มเย็นชา เขาก็ไม่ได้รับแก้วชาลุกขึ้นแล้วเข็นซูซูเดินออกไปข้างนอก