บทที่ 11 ลงโทษตัวเองหนึ่งแก้ว
ภาพม้วนนี้คิดไม่ถึงว่าจะมีสองชั้น?ทุกคนที่อยู่ในสถานที่นั้นต่างก็ตกตะลึงทั้งหมด
มองฉากที่อยู่ข้างหน้านี้อยู่ ถึงแม้เหมือนกับภาพแผ่นนั้นที่อยู่ข้างนอกเมื่อกี้ แต่ก็มีพลังที่เรียบง่ายสไตล์โบราณปะทะเข้าหน้ามา
ถึงแม้คนโง่ที่ไม่เข้าใจของโบราณอย่างสิ้นเชิง ก็รู้ว่าเป็นของดี
เป็นต้นฉบับของแท้!
มองเห็นท่าทางที่ตื่นเต้นของซูเป่ยซาน ทุกคนต่างก็เข้าใจแล้วนี่คือของจริง!
“ต้นฉบับของแท้เก็บรักษาดีอย่างนี้ หาได้ยาก! หาได้ยากจริง ๆ !” ชายชราผมขาวคนหนึ่งที่อยู่ด้านข้างถอนหายใจ
“คุณปู่เป้ย คุณคิดว่าสามารถมีมูลค่าเท่าไหร่?” ซูเหวินปินถามอย่างรีบร้อน
ชายชราผมขาวเงียบสักพักพูดว่า“ผมได้ยินว่าภาพของถังโป๋หู่ประมูลราคาสูงสุดได้หลายพันล้าน!”
หลายพันล้าน!
คนที่อยู่ในสถานนั้นทั้งหมดต่างก็ตกใจ
มันมากกว่าฐานะของพวกเขาทุกคนรวมกันหลายเท่าอีกนะ!
ชายชราพูดอีก“พวกคุณคิดมากแล้ว ภาพอักษรโบราณในปัจจุบันนี้ คือเอาตามขนาดมาคำนวณราคา ภาพนี้ถึงแม้เก็บรักษาดีแต่มีขนาดเล็กเกินไป……”
“แต่ขายไปสองสามล้านได้สบายๆ ”
สองสามล้านนั่นก็ไม่น้อยแล้ว!
เวลานี้ คนที่เสียใจที่สุดก็คือซูเหวินปินแล้ว
คิดไม่ถึงว่าเขาจะคลาดกับสองสามล้านแล้ว
อีกทั้งยังเสียหนึ่งแสนไปเปล่า ๆ !
เขาตาแดงพูดกัดฟัน“ไอ้คนแซ่ฉิน แกมองออกนานแล้วภาพนี้เป็นสองชั้น!”
“แกแม่งตั้งใจเล่นตลกกับฉัน!”
ในเสียงคำรามด้วยความโกรธ เขาหยิบขวดไวน์ขึ้นมาขวดหนึ่งเตรียมที่จะจัดการฉินเทียน
“อย่าเสียมารยาท!”
ซูเป่ยซานหน้าเคร่งขรึมพูดว่า“เหวินปิน ไม่ว่ายังไงฉินเทียนก็เป็นสามีของซูซู ถือว่าเป็นคนของตระกูลซูของพวกเราครึ่งหนึ่ง”
“เอาตามลำดับญาติแล้ว นายควรจะเรียกเขาว่าพี่เขย”
คิดไม่ถึงว่าซูเป่ยซานจะปกป้องฉินเทียนต่อหน้าทุกคน!
ทุกคนก็ตกตะลึงอีกครั้ง!
มองเห็นฉินเทียนแค่ใช้ภาพแผ่นหนึ่ง ก็ทำให้นายท่านหวั่นไหวแล้ว ถึงแม้คนมากมายไม่พอใจ แต่ก็อดอิจฉาไม่ได้
อยู่ตระกูลซู ซูเป่ยซานก็คือเครื่องบอกทิศทางลม
ตอนนี้ ในเมื่อเขาแสดงอย่างชัดเจนยอมรับหลานเขยฉินเทียนคนนี้ อย่างนั้นคนอื่นต่างก็ไม่กล้าโต้แย้ง
“ฉินเทียน ดีมาก!”
“ในบรรดาที่ส่งของขวัญในวันนี้ ของนายดีที่สุด!”
“พี่เทียน ยังไม่รีบเอาภาพมอบให้คุณปู่ มาดื่มเหล้า” พวกสองสามคนแกล้งฝืนยิ้มเริ่มดึงฉินเทียนเข้าพวก
ซูเหวินปินก็มีปฏิกิริยามาแล้ว
เขารู้ในมือของหยางยู่หลันถือสิทธิบัตรเวชสำอางของซูซูอันหนึ่งอยู่
มูลค่าของสิทธิบัตรอันนั้นไม่สามารถประมาณการได้
ตอนนี้ฉินเทียนกลับมาแล้ว มีโอกาสช่วยหยางยู่หลันฟื้นฟูบริษัทหรือไม่?
หรือว่าคุณปู่ดึงฉินเทียนเข้ามา อยากเอาสิทธิบัตรมาไว้ในกำมือผ่านทางฉินเทียนงั้นหรือ?
เขาก็คิดได้ถึงคุณค่าของฉินเทียนขึ้นมาในพริบตา
“พี่เทียน เมื่อก่อนน้องชายทำไม่ถูก พี่ผู้ใหญ่ใจกว้าง อย่าถือสากับผมเลย”
“ตอนนี้ผมลงโทษตัวเองหนึ่งแก้วขอโทษพี่เทียน!”พูดอยู่เขารินแก้วเหล้าหนึ่งแก้ว แล้วกินจนหมด
สมแล้วที่เป็นคนเก่งในรุ่นคนหนุ่มสาวของตระกูลซู ซูเหวินปินมีความสามารถเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ เข้ากันได้กับซูเหวินเฉิงจริง ๆ
ทุกคนปรบมือชม
ฉากดูเหมือนกลายเป็นการพัฒนาไปทางที่ดี
เพียงแต่ที่แปลกประหลาดเล็กน้อยคือ ฉินเทียนยืนด้านหน้าซูเป่ยซานยิ้มเย็นชาไม่พูดตลอด
“ฉินเทียน ยังไม่รีบเอาภาพมาให้ฉัน”
“ฉันจะให้คนเก็บรักษาอย่างระมัดระวัง”
“ของที่ล้ำค่าอย่างนี้ ถ้าเสียหายไปแล้ว ปู่อย่างฉันจะต้องเสียใจตายเลย!”
ซูเป่ยซานพูดอยู่ มือทั้งสองก็ยื่นออกมาอย่างตื่นเต้น หยิบไปทางภาพ
ในดวงตาของฉินเทียนปรากฏรอยยิ้มที่เย็นชา ไม่เพียงไม่ได้ส่งภาพไป แต่กลับถอยออกก้าวหนึ่ง
เอ๊ะ?
ซูเป่ยซานตะลึงเล็กน้อย สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ในเวลานี้พอดี นอกประตูใหญ่เสียงแตรรถดังก้องขึ้นมาเสียงหนึ่ง
ตามด้วยเสียงหมาเห่าสองเสียง เสียงที่หยิ่งผยองหนึ่งพูดหัวเราะฮ่า ๆ ว่า“ทุกคนต่างก็มากันครบแล้วเหรอ?ผมมาช้าแล้วก้าวหนึ่ง!”
“พี่เหวินเฉิงมาแล้ว!”
“คุณชายเหวินเฉิงมาแล้ว!”
ทุกคนยืนขึ้นมาอย่างตื่นเต้น
เพียงเห็นแค่ด้านนอกประตูใหญ่มีคนหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาอย่างเปิดเผย
เขาใส่ชุดสูทสีขาวทั้งตัว ในมือยังผูกด้วยสุนัขพันธุ์อัฟกานิสถานที่หายากตัวหนึ่ง
คนและหมาต่างก็หยิ่งผยองไม่เห็นใครในสายตา มีท่าทางที่ภาคภูมิใจมาก
“พี่เหวินเฉิง!”
เสียงร้องเรียกเสียงหนึ่ง ซูเหวินปินเดินขึ้นมา
เขาพูดอย่างเคารพนบนอบ“พี่ไปพบผู้อำนวยการสองสามคนนั้นด้วยตัวเองแล้วหรือยัง?ดูแล้วการขายผลิตภัณฑ์ยาครั้งนี้ของพวกเราก็ต้องขึ้นอีกแล้วนะ”
ซูเหวินเฉิงพยักหน้าแล้วพูด“เอาเปรียบนายเด็กคนนี้แล้ว”
“นอกจากโรงพยาบาลที่หนึ่ง โรงพยาบาลใหญ่อื่น ๆ สองสามแห่งฉันต่างก็เอามาได้แล้ว”
“หลังเทศกาลนายไปเซ็นสัญญาก็ได้แล้ว”
ซูเหวินปินดีใจจนควบคุมตัวเองไม่อยู่
คนของตระกูลที่อยู่รอบ ๆ ยิ่งรีบประจบ
“คุณปู่” ซูเหวินเฉิงจูงสุนัขอยู่เดินไปทางที่นั่งหลัก มองเห็นฉินเทียนเขาหัวเราะเสียงดังฮ่า ๆ “โอ๊ะ นี่ไม่ใช่พนักงานส่งอาหารเดลิเวอรี่คนนั้นเหรอ?”
“คางคกอยากกินเนื้อหงส์แล้ว ยังคิดว่าตัวเองสามารถบินขึ้นฟ้าได้จริง ๆ !”
“ใช่แล้ว หงส์ขาวของตระกูลซูพวกเราก็มาแล้วใช่ไหม?”
“พี่ซูซู ที่พี่กอดอยู่ในอ้อมแขนนี่คืออะไรเหรอ?”
“ดมขึ้นมาแล้วหอมมากเลย ให้สุนัขของผมลองชิมหน่อย”
คิดไม่ถึงว่าเขาปล่อยเชือก สั่งให้สุนัขพันธุ์อัฟกานิสถานตัวนั้นกระโจนเข้าใส่ไปทางซูซู
“ซูเหวินเฉิง นายทำอะไร!” บนหน้าของหยางยู่หลันเปลี่ยนสี รีบปกป้องด้านหน้าของซูซูไว้
สุนัขพันธุ์อัฟกานิสถานเห่าไปทางเธออย่างบ้าคลั่ง เธอตกใจจนสีหน้าขาวซีดทำตัวไม่ถูก
ฉินเทียนคำรามด้วยความโกรธเสียงหนึ่ง พุ่งเข้าไปใช้เท้าถีบบนตัวของสุนัข
สุนัขตัวนั้นเห่าหอนอยู่แล้วกลิ้งออกไป มันถูกกระตุ้นนิสัยที่ดุร้ายดวงตาแดงกระโดดขึ้นมาอยากที่จะทำร้ายคน
แต่มองเห็นแววตาของฉินเทียน จู่ ๆ ก็สั่นไปทั้งตัวในทันที ในดวงตาแสดงความหวาดกลัวออกมา
ส่ายหางอยู่แล้วหนีมาถึงที่ด้านข้างของซูเหวินเฉิง
ซูเหวินเฉิงโกรธมาก!
สุนัขพันธุ์อัฟกานิสถานตัวนี้เป็นสายพันธุ์แท้ที่เขาฝากคนเอากลับมาจากต่างประเทศโดยเฉพาะ ปกติกินต่างก็กินดีกว่าคนอีก
มีครั้งหนึ่งเขาพาหมาไปเดินเล่นที่ถนน คนตาบอดคนหนึ่งไม่ระวังใช้ไม้เท้าโดนสุนัขเล็กน้อย ถูกเขาสั่งคนตีขาจนหักแล้ว
เห็นได้ว่าเขารักสุนัขตัวนี้แค่ไหน
นั่นโดนเล็กน้อยต่างก็ไม่ได้จริง ๆ
ตอนนี้คิดไม่ถึงถูกฉินเทียนคนต่ำต้อยอย่างนี้คนหนึ่งถีบอย่างรุนแรง
นี่ก็ร้ายแรงแล้ว!
“สารเลว เชื่อไหมกูจะยิงมึงให้ตาย?!”
ในเสียงคำรามด้วยความโกรธ คิดไม่ถึงเขาชักปืนออกมาจากข้างเอวแล้วเล็งไปที่ฉินเทียนด้วยดวงตาที่แดงกร่ำ
มีปืน!
ซูเหวินเฉิงคิดไม่ถึงว่าชักปืนแล้ว!
อลหม่านทั้งงาน คนมากมายกลัวถูกลูกกระสุนที่ไม่ระวังทำให้บาดเจ็บต่างก็หลบซ่อนอย่างตื่นตระหนก
ฉินเทียน หยางยู่หลันและซูซูถูกให้ยืนอยู่โดดเดี่ยวกลายเป็นเป้าที่ถูกโจมตี
หยางยู่หลันตกใจจนหน้าขาวแล้ว ยังไงเธอก็เป็นผู้หญิงตื่นเต้นจนพูดไม่ออก
“คนแซ่ฉิน แกคิดว่าภาพอักษรเล็ก ๆ ภาพหนึ่งก็สามารถทำตามอำเภอใจได้แล้วเหรอ?”
“ยังไม่รีบคุกเข่าก้มหัวให้กับสุนัขของพี่เหวินเฉิง!” ซูเหวินปินพูดอย่างได้ใจ
ฉินเทียนยิ้มอย่างเย็นชามองซูเหวินเฉิงอยู่“ผมรับรองเวลาที่ปืนดัง ส่งคุณกลับสู่สวรรค์ ”
“แก” ซูเหวินเฉิงมองแววตาของฉินเทียนอยู่ จู่ ๆ รู้สึกถึงแรงกดดันที่แปลกประหลาด ปืนที่อยู่ในมือดูเหมือนมีพลังมาก
ภายใต้สองฝ่ายต่างไม่ยอมกันและกัน ซูเป่ยซานยืนขึ้นมาแล้วพูดว่า“เหวินเฉิง อย่าตื่นเต้น”
“ไม่ว่ายังไงฉินเทียนก็เป็นสามีของพี่ซูซูของนาย เป็นพี่เขยของนาย”
“ถึงแม้ว่าเขาล่วงเกินนายแล้ว เห็นแก่หน้าของปู่ ช่างมันเถอะ”
“วันนี้เป็นวันมงคลใหญ่ที่ทุกคนมาอยู่พร้อมหน้ากัน ยังไม่รีบเก็บปืนไว้อีก”