บทที่ 25 ราชาเทพตัวจริง
“ฉันต้องการเจอราชาเทพ!”
“เร็ว พาฉันไปเจอราชาเทพ!”
“ฉันมีข้อมูลสำคัญ!”
“บัญชาพญายมปรากฏแล้ว มีเพียงราชาเทพเท่านั้นที่จะหยุดยั้งมันได้!”
“ขอราชาเทพได้โปรดช่วยตระกูลซูด้วย!”
เมื่อเห็นใบหน้าที่ชื่นมื่นของเหล่าบุคคลคนสำคัญที่จากไป ซูเป่ยซานเชื่ออย่างสนิทใจ ว่าราชาเทพผู้มากความสามารถ ต้องอยู่ที่ด้านหลัง
กำหนดเส้นตายที่บัญชาพญายมได้ให้ไว้กับพวกเขามันใกล้ถึงเวลาแล้ว
ตระกูลซูทั้งหัวหงอกหัวดำ กิจการรากฐานที่ยาวนาน จะถูกทำลายในวันเดียว หรือจะเก็บรักษามันไว้ได้ ก็คงต้องดูว่าราชาเทพจะปกป้องหรือไม่
เขาทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว
ลุกขึ้นแล้ววิ่งออกจากที่นั่งไปอย่างรีบเร่ง เดินโซซัดโซเซไปยังด้านหลัง
รปภ.ของแก๊งเขี้ยวมังกร ตั้งเกราะกำแพงขึ้นมา ขวางอยู่ตรงหน้า
สถานการณ์ไม่สามารถจะควบคุมได้ไปชั่วขณะ
ภายในห้อง หวางโป๋เหนียนกับเนี่ยชิงหลง ก็มองไปยังฉินเทียนอย่างขอความเห็น
เพราะยังไงแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างซูเป่ยซานกับฉินเทียนนั้นก็ค่อนข้างจะพิเศษ พวกเขาไม่กล้าตัดสินใจโดยพลการ
“ลูกพี่ ให้ทำยังไงดี?”เนี่ยชิงหลงขอความเห็น
ใบหน้าฉินเทียนมืดมน เขามองไปยังใบหน้าที่เฒ่าชราและกำลังร้อนรนอยู่ของซูเป่ยซานจากที่หน้าจอ พูดเสียงเย็นชา“ไปพาเขาเข้ามา”
“ครับ!”เนี่ยชิงหลงรับคำสั่ง
ซูเป่ยซานวิ่งปรี่เข้ามาด้วยความตื่นเต้นอย่างที่สุด
ในอ้อมแขนของเขา หอบเอกสารมาเป็นกอง เข้าประตูมาแล้วเห็นป้ายบัญชาราชาเทพที่ระยิบระยับ เขาดีใจอย่างออกนอกหน้า
คุกเข่าและคำนับ ให้กับหวางโป๋เหนียนที่อยู่ข้างๆ
“ขอราชาเทพได้โปรดเมตตา!”
“ขอราชาเทพได้โปรดปกป้องตระกูลซูด้วย!”
“นี่คือโฉนดที่ดินและกรรมสิทธิ์บ้านของตระกูลซูทั้งหมด ขอมอบให้กับราชาเทพครับ !”
ขณะที่พูด ก็คุกเข่าคำนับไม่หยุด
สีหน้าหวางโป๋เหนียนลำบากใจ กระแอมไอ แล้วพูดว่า“ คุณเข้าใจผิดแล้ว ผมไม่ใช่ราชาเทพ”
หืม ?
ซูเป่ยซานนิ่งอึ้งไปชั่วครู่
มีเพียงหวางโป๋เหนียนที่ดูเด่นสะดุดตา คงน่าจะเป็นราชาเทพ เขาไม่ใช่ราชาเทพ หรือจะเป็นเด็กหนุ่มผมดำที่อยู่ข้างๆคนนี้เหรอ ?
เจ้าของบัญชาราชาเทพ จะอายุน้อยขนาดนี้ได้ยังไง?
แต่ว่า เขาไม่กล้าพูดอะไร
หมุนตัว แล้วคุกเข่าคำนับเนี่ยชิงหลงอีกครั้ง
“ราชาเทพประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย วาสนาบารมีแผ่ไพศาล!”
“ครั้งนี้ ได้โปรดเมตตา ขับไล่พญายม ช่วยเหลือตระกูลซูด้วย!”
“ขอแค่ราชาเทพตอบตกลง จากนี้ต่อไปซูเป่ยซานกับครอบครัวตระกูลซูทั้งหมด จะทำตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด!”
สีหน้าแววตาเนี่ยชิงหลงดูแปลกประหลาด พูดว่า“ท่านผู้เฒ่า ท่านบอกว่า พญายมไปเจอกับพวกท่านแล้วงั้นเหรอ?”
“ใช่!”
ซูเป่ยซานโอดครวญอย่างขุ่นเคือง“สิบวันก่อน บัญชาพญายมปรากฏขึ้นที่งานเลี้ยงของครอบครัวเรา!”
“ในช่วงสิบวันที่ผ่านมา ตระกูลซูของเราต้องพบเจอกับภัยพิบัติครั้งใหญ่ ทั้งหมดล้วนเป็นฝีมือของพญายมที่ชั่วร้ายคนนั้น!”
“คุณเป็นราชาเทพ ต้องคอยกำราบพญายมไม่ใช่เหรอ ? คุณจะนิ่งดูดายไม่ได้นะ !”
เนี่ยชิงหลงยิ้มเยาะและพูดว่า“อย่างนั้นเหรอ?”
“เท่าที่ผมรู้ บัญชาพญายมไม่ได้จะลงโทษใครบนโลกง่ายๆนะ”
“ท่านผู้เฒ่า ลองคิดดูให้ดี ว่าไปทำเรื่องอะไรที่ผิดมโนธรรมมาหรือเปล่า?”
ใบหน้าซูเป่ยซานแดงก่ำ เขากัดแน่น พูดเสียงดัง“ไม่มี!”
“ตระกูลซูของเราตั้งอยู่ในความเที่ยงธรรม ไม่เคยทำเรื่องที่ผิดบาปอะไร!”
“ฉันรู้แล้ว ต้องเป็นฉินเทียนแน่ๆ !”
“เขาเป็นลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านคนหนึ่งของเรา เมื่อห้าปีก่อน เขาเคยบังคับขืนใจหลานสาวของฉัน”
“ตอนนี้ไม่รู้ว่าเขาไปร่อนเร่พเนจรที่ไหนมาหลายปี หลังจากที่กลับมาก็ทำทุกวิถีทางที่จะขู่กรรโชกตระกูลซูของเรา!”
“ต้องเป็นเขาแน่ๆที่สร้างข่าวลือ ว่าร้ายตระกูลซูของเรา จึงนำมาซึ่งบัญชาพญายม ”
“เราถูกใส่ร้าย!”
“เป็นฉินเทียน!”
“เป็นไอ้ชั่วฉินเทียนที่ให้ร้ายเรา ขอราชาเทพได้โปรดพิจารณาตัดสิน ขับไล่พญายม และลงโทษฉินเทียนอย่างที่สุด!”
เมื่อเห็นซูเป่ยซานจนป่านนี้แล้ว ยังคงดื้อดึงไม่ยอมรับผิด อีกทั้ง ก็ยังคงกล่าวโทษฉินเทียนไม่หยุด ใบหน้าของเนี่ยชิงหลงก็เย็นชา
หากไม่ใช่เพราะฉินเทียนยังอยู่ข้างหลัง แค่คำพูดพวกนี้ของซูเป่ยซาน เนี่ยชิงหลงก็คงฆ่าเขาไปแล้ว!
อย่างเห็นว่าเขาจะสรวลเสเฮฮาต่อหน้าฉินเทียนอยู่ตลอด อันที่จริงแล้ว ในใจของเขา ฉินเทียนเป็นเทพที่แตะต้องไม่ได้เลยเชียว!
ชีวิตของเขา ฉินเทียนเป็นคนมอบให้
“ฉันไม่ใช่ราชาเทพ”
“หยิบเอาป้ายบัญชาการ ไปด้านใน ไปเจอกับราชาเทพตัวจริง !”
เนี่ยชิงหลงชี้ไปยังห้องที่กั้นอยู่ด้านใน
ซูเป่ยซานตะลึงไปชั่วขณะ รีบคุกเข่าไปที่โต๊ะตรงหน้า สองมือถือ“บัญชาราชาเทพ”ราวกับถือสมบัติล้ำค่า
จากนั้น ก็คุกเข่าคลานเข้าไปที่ห้องด้านใน
เขาไม่กล้าเงยหน้าขึ้น หมอบอยู่กับพื้น พูดอย่างตื่นเต้นว่า“ข้าน้อยซูเป่ยซาน คารวะราชาเทพ !”
“ขอได้โปรดราชาเทพช่วยขับไล่พญายม ฆ่าฉินเทียนคนทรยศ ปกป้องคุ้มครองตระกูลซู!”
เสียงที่เย็นชาดังขึ้น“ฆ่าฉินเทียน ? ตาเฒ่าซู เงยหน้าขึ้นแล้วมองดูว่าฉันเป็นใคร”
ซูเป่ยซานสั่นสะท้านอย่างรุนแรง!
เสียงนี้ ทำไมถึงได้ฟังดูคุ้นจัง ?
เขาค่อยๆเงยหน้าขึ้น ก็เห็นชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงหน้า ใบหน้าที่แข็งกร้าวและเด็ดเดี่ยว ดวงตาที่ลุ่มลึกและเต็มไปด้วยความน่าเกรงขาม
“ฉินเทียน……แกมาอยู่นี่ได้ยังไง?”ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความคาดไม่ถึง
ฉินเทียนโบกมือ ป้ายบัญชาราชาเทพแผ่นนั้นก็ลอยออกจากมือของซูเป่ยซาน ห้อยอยู่บนหัวเขา
“ลองมองดูอีกทีสิ ว่าผมเป็นใคร !”มีพลังบางอย่างสถิตไปยังป้ายบัญชาการ
แสงสีทองของป้ายบัญชาการเหลืองอร่าม เปล่งแสงไปทั่วห้อง
ร่างทั้งร่างของฉินเทียน ถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีทอง ดูน่าเกรงขามดุดัน และเคร่งขรึม
ราวกับ เทพเจ้าแห่งสวรรค์มาจุติ
ซูเป่ยซานตกตะลึงตาค้าง ทรุดตัวลงกับพื้น
“เป็นไปได้ยังไง นี่มันเป็นไปได้ยังไง……”
“ถ้าเป็นอย่างนี้ บัญชาพญายมก็เป็นของแก?”
“แกเป็นเจ้าของของบัญชาพญายมและบัญชาราชาเทพ……”
“เป็นไปไม่ได้……ฉินเทียน แกโกหกฉันอีกแล้ว !”
“ฉันขอแลกชีวิตกับแก!”
หลังจากที่เขาพูดพึมพำ จู่ๆ ก็ลุกขึ้นยืนราวกับคนบ้า แล้วปรี่เข้าหาฉินเทียน
ในจังหวะที่ขยับเข้ามาตรงหน้าฉินเทียน เสียงปังก็ดังขึ้น ถูกลมปราณสายหนึ่งที่มองไม่เห็นดีดตัวจนเด้งออกไป
ในที่สุดฉินเทียนก็ลุกขึ้นยืน พูดเสียงเย็นชา “การปกปักรักษาของบัญชาราชาเทพ เกรงว่าคุณคงไม่ได้มันไป”
“ซูเป่ยซาน กำหนดเส้นตายของบัญชาพญายม ยังมีอีกหลายชั่วโมง ถึงตอนนั้น ฉันจะไปเยือนถึงที่บ้านเอง ”
“ข้อเรียกร้องสองข้อของฉัน หวังน่าคุณจะยังไม่ลืม จัดการกันเอาเองแล้วกัน”
เนี่ยชิงหลงพูดอย่างโกรธเคือง“ตาเฒ่า ยังไม่รีบไสหัวไปอีก!”
“อยากมีชีวิตรอด มีเพียงทางเดียว คิดทบทวนคำขอของลูกพี่เราให้ดีๆ อย่าให้เขาต้องผิดหวัง !”
ซูเป่ยซานตกใจจนตัวสั่นงันงก วิ่งหัวซุกหัวซุนออกไป
“ราชาเทพ……เขาคือราชาเทพ!”
“พวกเขาคือคนเดียวกัน !”
“ตระกูลซูจบแน่แล้ว !”
ความกดดันในสิบวันที่ผ่านมา บวกกับอารมณ์ความตื่นเต้นที่รุนแรงจากการแปรเปลี่ยนอย่างฉับพลัน เขาราวกับคนเสียสติ ตะโกนร้อง แล้ววิ่งออกไป
“เกิดอะไรขึ้น ?”หยางยู่หลันที่นั่งอยู่ด้านหลัง ดวงตามีความหวาดกลัวปรากฏ
“ราชาเทพแสดงอำนาจ ฉินเทียนคงตายไม่มีที่ฝังกลบไปแล้ว ขนาดซูเป่ยซานยังต้องติดร่างแหไปด้วย!”
“ฮ่าๆๆๆ หยางยู่หลัน ตอนนี้เธอยังอยากจะพูดอะไรอีก?”
“ล่วงเกินฉัน ก็เท่ากับรนหาที่ !”
เขาตื่นเต้นดีใจจนนั่งไม่ติด
ในช่วงเวลาที่ผ่านมา เขานึกขึ้นมาได้ว่าฉินเทียนก็คือคนเมื่อห้าปีก่อนที่ซูซูเลือกมาเป็นเขยที่แต่งเข้าบ้าน
เขาคิดว่า ที่ซูเป่ยซานถูกลงโทษ นั้นเป็นเพราะ เขาเป็นปู่ทางฝั่งภรรยาของฉินเทียน
และเพราะฉินเทียนล่วงเกินตัวเอง สร้างความวุ่นวายในที่นี้ ดังนั้นจึงทำให้ราชาเทพบันดาลโทษะ
ในฐานะสมาคมการแพทย์ กรรมาธิการของสาขาหลงเจียง เขาคิดว่าย่อมต้องเป็นเช่นนั้น ตัวเองเป็นคนของราชาเทพ
ช่างสะใจจริงๆ!
“ราชาเทพ!”
“ฉันจะไปหาราชาเทพ!”
“ฉันจะแต่งงานกับราชาเทพ!”
บรรดาหญิงงามผู้ลากมากดีในแถวที่สองที่ทนไม่ไหวอีกต่อไป ต่างพากันลุกขึ้น ท่ามกลางเสียงอันไพเราะ ราวกับฝูงผีเสื้อหลากสี วิ่งกรูกันมาที่ด้านหลังเพื่อแย่งชิงให้ได้เป็นคนแรก