Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1473 สู้กับอริยะ

ตอนที่ 1473 สู้กับอริยะ
เมื่อเห็นท่าทางไม่เกรงกลัวเช่นนั้นของพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬ หนิวเจิ้นอวี่ก็ยิ้มอย่างโมโหโกรธาถึงขีดสุด “เสียแขนไปข้างหนึ่งแล้วอย่างไร เจ้านึกว่าข้าจะฆ่าไอ้แก่อย่างเจ้าไม่ได้หรือ”
พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬสีหน้าไร้อารมณ์ “อยากพ่ายแพ้บาดเจ็บกันทั้งคู่หรือ ได้ ก็เข้ามาสิ”
ตูม!
แสงดำน่าหวาดหวั่นผุดขึ้นจากร่างหนิวเจิ้นอวี่โดยพลัน พุ่งทะลุเมฆา พลานุภาพน่าครั่นคร้าม
แทบจะในขณะเดียวกัน แสงสีโลหิตแถบแล้วแถบเล่าไหลวนรอบเงาร่างผอมซูบของพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬ สำแดงเป็นกฎเกณฑ์อริยมรรคไหลเคลื่อนขึ้นลงเหมือนกระแสน้ำ
ครืนๆๆ!
ฟ้าดินถูกกดทับ ห้วงอากาศสั่นสะเทือน เกิดเป็นเสียงโครมครามดังลั่นจนหูแทบดับ
อริยะแท้สองคน แม้ต่างได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่พลานุภาพที่แผ่ออกมายังน่ากลัวดังเดิม
หนิวทุนเทียนกับอั้นหลิงเจินและกวงฝู่ชิงหน้าเปลี่ยนสี ตกตะลึงไม่ว่างเว้น ถอยหลบไปด้านหลัง
“ฆ่า!”
“ตายเสียเถอะ!”
แทบจะในขณะเดียวกัน หนิวเจิ้นอวี่กับพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬถลาขึ้นไป
เพียงแต่ที่เหนือความคาดหมายก็คือ ระหว่างที่ทั้งสองกำลังตั้งท่า เงาร่างก็พลันพริบไหว สำแดงวิชาเคลื่อนย้ายผ่านอากาศหายลับไป
ครู่ต่อมา ทั้งสองถึงกับมาปรากฏตัวบริเวณที่หลินสวินซ่อนอยู่ก่อนหน้านี้
ตูม!
หนิวเจิ้นอวี่ใช้ฝ่ามือตบลงไปครั้งหนึ่งโดยไม่ลังเล อานุภาพมหาศาล ทำให้ห้วงอากาศยุบตัว พลังอริยมรรคเหมือนภูเขาถล่มสมุทรคำราม
ด้านพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬเรียกค้อนกระดูกขาวออกมาแปรสภาพเป็นแสงขาวสายหนึ่ง ทุบโจมตีออกไปอย่างแรง อหังการแกร่งกล้าถึงที่สุด
ทั้งหมดนี้ดูกะทันหันนัก ตั้งแต่ทั้งสองขัดแย้งกันจนเกิดไอสังหาร จวบจนลงมือ ตั้งแต่เริ่มจนจบไม่ถึงชั่วพริบตาเท่านั้น รวดเร็วจนเหลือเชื่อ
ทว่าพวกเขาไม่ได้เข่นฆ่ากันเอง กลับเข้าจู่โจมหลินสวินด้วยกัน!
เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้อริยะแท้ทั้งสองสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของหลินสวินอย่างชัดเจน เปลือกนอกแสร้งทำเป็นไม่รู้ แต่ความจริงลอบสื่อสารกันไว้ก่อนแล้ว
ส่วนที่ทั้งสองโต้เถียงและขัดแย้งกันเมื่อกี้ ก็ย่อมเป็นการเล่นละครเท่านั้น ถือเป็นจริงเป็นจังไม่ได้!
ครืน!
ฟ้าถลมผืนดินแยก สุริยันจันทราอับแสง
การโจมตีที่อริยะสองคนสะสมไว้นานแล้วจะธรรมดาได้หรือ
ก็พบว่าพื้นที่รัศมีพันลี้เหมือนยุบตัวพังพินาศ แสงอริยะน่ากลัวไหลปั่นป่วนม้วนตลบ ประกายที่สามารถทำให้คนทั้งโลกหนาวเหน็บในใจฉายวาบ
“นี่…”
พวกหนิวทุนเทียนกับอั้นหลิงเจินต่างตกตะลึง ตอนนี้ถึงได้รู้ว่าสถานการณ์ไม่ชอบมาพากล ไม่ใช่อริยะทั้งสองต้องการเข่นฆ่ากันเอง แต่เป็นเพราะต้องการต่อกรคู่ต่อสู้อื่น!
เพียงแต่คู่ต่อสู้คนนั้นเป็นใคร
พวกเขาเก็บกลั้นความตื่นตระหนกในใจแล้วมองไปที่นั่น
ในขณะเดียวกันหนิวเจิ้นอวี่กับพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬต่างหน้าเปลี่ยนสี การโจมตีที่พวกเขาร่วมมือกันอย่างแข็งขันกลับคว้าน้ำเหลว!
นี่ทำให้พวกเขาต่างทำใจเชื่อได้ยาก
“เดรัจฉานเฒ่า ในเมื่อข้ากล้าเข้ามาใกล้ คิดจริงๆ หรือว่าข้าจะมาหาที่ตาย”
ไกลออกไปเสียงหัวเราะเย้ยหยันเสียงหนึ่งดังขึ้น ก็เห็นว่าเงาร่างสูงโปร่งของหลินสวินปรากฏกลางฝุ่นธุลี เสื้อผ้าทั้งตัวโบกพลิ้วไปตามลม ไม่แปดเปื้อนแม้ฝุ่นควัน
เบื้องหลังเขา ประกายราวมายาไหววูบจากปีกผลาญเทพสีดำขมุกขมัวคู่หนึ่ง
ก่อนหน้านี้ก็เพราะอาศัยพลังของปีกผลาญเทพ ทำให้เขาหลบออกมาจากการโจมตีที่ลอบวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ได้อย่างปลอดภัย
“หลินสวิน!”
พวกหนิวทุนเทียน อั้นหลิงเจินและกวงฝู่ชิงต่างร้องตะลึงเสียงหลง ทำใจเชื่อได้ยาก ล้วนคิดไม่ถึงว่าเป้าหมายที่อริยะทั้งสองต้องการสังหารจะเป็นเขาเสียได้!
ผู้อยู่ต่ำกว่าระดับอริยะล้วนเหมือนมดตัวจ้อย แต่ตอนนี้กลับมีอริยะสองคนร่วมกันลงมือ วางแผนและสังหารมดตัวหนึ่ง นี่ย่อมน่าประหลาดใจยิ่งนัก
สีหน้าของหนิวเจิ้นอวี่กับพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬต่างเคร่งเครียด
ก่อนหน้านี้พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬก็บอกหนิวเจิ้นอวี่อย่างลับๆ ว่าแม้หลินสวินจะเป็นมด แต่จะดูเบาไม่ได้แม้แต่นิดเดียว ในมือครอบครองสมบัติที่สามารถคุกคามอริยะได้อยู่
ดังนั้นหนิวเจิ้นอวี่จึงเลือกร่วมมือกับพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬ เข้าต่อกรกับชายหนุ่มที่เหมือนมดปลวกในสายตาเขาอย่างหลินสวิน
เดิมทีหนิวเจิ้นอวี่ยังคิดว่าทำเกินกว่าเหตุ แต่ตอนนี้หนิวเจิ้นอวี่กลับพบว่าเขาคิดผิดแล้ว ผิดมหันต์เสียด้วย
การโจมตีสังหารเด็ดขาดที่อริยะสองคนวางแผนเอาไว้ถูกหลบได้ นี่เป็นเรื่องที่มดปลวกธรรมดาตัวหนึ่งทำได้หรือ
“เจ้าเดาได้ก่อนว่าพวกเราจะลงมือหรือ”
พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬยังคงทำใจเชื่อได้ยาก หน้าตาไม่น่าดูยิ่งนัก
“ไม่ได้เดาได้ แต่ข้าแน่ใจว่าด้วยพลังปราณของข้า ย่อมไม่อาจปิดบังการสัมผัสของอริยะแท้สองคนได้แน่ ทว่าเดรัจฉานเฒ่าอย่างพวกเจ้าสองคนดันตลกเป็นบ้า ยังตั้งใจเล่นละครทำเป็นไม่รู้อีก พวกเจ้าเป็นถึงอริยะแท้ ไม่รู้สึกว่าลงมือด้วยวิธีนี้น่าอายหรือ”
หลินสวินเอ่ยเหยียดหยาม
ใช่แล้ว เขาแน่ใจแต่แรกว่าเมื่อตนเข้าประชิด ต่อให้ใช้ไอซวนหนีบดบังกลิ่นอายทั้งตัวไว้ ก็ปิดหูปิดตาของอริยะไม่ได้สักนิด
ดังนั้นตอนที่ดูละครตบตาของหนิวเจิ้นอวี่กับพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬจึงรู้สึกน่าขันนัก ขณะเดียวกันในใจก็ระแวดระวังอยู่นานแล้ว
เพราะฉะนั้นจึงอาศัยพลังของปีกผลาญเทพหลบการร่วมมือจู่โจมของอริยะทั้งสองได้อย่างปลอดภัยทันที
เมื่อได้ยินวาจาเหยียดหยามไม่มีปิดบังสักนิดของหลินสวิน สีหน้าของหนิวเจิ้นอวี่กับพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬก็ยิ่งย่ำแย่ยิ่งขึ้น บูดเขียวด้วยความโกรธหาใดเทียบ
ถูกมดปลวกตัวหนึ่งหลบพ้นก็น่าอับอาย ทำให้พวกเขาเสียหน้ามากพอแล้ว ตอนนี้ยังถูกเหน็บแนมและเยาะเย้ยเช่นนี้อีก จะทำให้พวกเขาไม่โกรธได้อย่างไร
“เฮอะ ฝีปากคมนัก สวะตัวจ้อยอย่างเจ้ายังคิดว่าคราวนี้จะหนีพ้นหรือ”
พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬเสียงน่าสะพรึงกลัว ไอสังหารแผ่พุ่ง พลังขับเคลื่อนทั้งตัวประหนึ่งดาบแหลมคมเล่มหนึ่ง เพ่งเป้าไปยังหลินสวินซึ่งอยู่ไกลออกไปแน่วนิ่ง
หลินสวินไม่ได้หนี ถึงกับเหมือนมองทะลุความคิดของพ่อมดอริยะโลหิตทมิฬได้ เอ่ยเสียงเรียบเฉยว่า “ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลง เดรัจฉานเฒ่าอย่างเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องกังวล คราวนี้ข้าจะไม่ใช้ขวดที่ทำให้เจ้าว้าวุ่นใบนั้น และจะไม่อาศัยความช่วยเหลือจากใครด้วย”
พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬอึ้งไป คล้ายทำใจเชื่อได้ยาก
หนิวเจิ้นอวี่ออกจะฉงนใจอยู่บ้าง โดยปกติแล้วมดปลวกอย่างหลินสวิน ต่อให้เผชิญหน้ากับอริยะแท้เพียงคนเดียวล้วนต้องตกใจจนขวัญกระเจิง ความกล้าหดหาย
แต่หลินสวินในตอนนี้กลับเยือกเย็นหาใดเทียบ อีกทั้งความเยือกเย็นนั้นไม่ได้เสแสร้งขึ้นโดยเด็ดขาด!
ชั่วขณะหนึ่งหนิวเจิ้นอวี่ถึงกับรู้สึกลังเลไม่กล้าวางหมาก สีหน้าปนเปไปด้วยความรู้สึกต่างๆ พิจารณาคนหนุ่มที่อยู่ไกลออกไป คล้ายลองเสาะหาช่องโหว่ของการเสแสร้งจากสีหน้าท่าทางของเขา
แต่ที่ทำให้เขาผิดหวังก็คือ ท่าทางสุขุมเยือกเย็นของหลินสวินนั้นไม่มีร่อยรอยของการเสแสร้งแกล้งทำแม้สักนิด
พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬก็ชะงักไปเช่นกัน ชำเลืองมองหนิวเจิ้นอวี่ที่เฉยเมยอยู่ข้างๆ ครั้งหนึ่ง ในใจเขาก็พลอยฉงนไปด้วย
นี่ดูน่าเหลือเชื่อนัก!
อย่างน้อยสำหรับพวกหนิวทุนเทียนกับอั้นหลิงเจินและกวงฝู่ชิงแล้ว ต่างแทบไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง
อริยะแท้สองคนเลยนะ!
แม้จะบาดเจ็บสาหัสกันทั้งนั้น แต่ตอนนี้กลับรู้สึกกังขาเพราะได้พบกับมดปลวกตัวหนึ่งหรือ
หากไม่ได้เห็นกับตา พวกหนิวทุนเทียนย่อมไม่กล้าเชื่อเด็ดขาดว่าบนโลกนี้จะยังมีเรื่องบ้าบอไม่อาจเข้าใจได้เช่นนี้อีก!
“เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่”
เสียงตูมดังขึ้น พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬพลันกัดฟัน พลานุภาพที่แผ่ออกมาจากร่างยิ่งน่ากลัวขึ้นไปอีก ทำให้ฟ้าดินต่างเปลี่ยนสี
“แน่นอนว่าย่อมตีกับพวกเจ้าสักตา”
หลินสวินยิ้มน้อยๆ เผยให้เห็นฟันสีขาวราวหิมะทั้งปาก “และแน่นอนว่าดีที่สุดก็คือ… ตีให้ตาย”
หนิวเจิ้นอวี่เดือดดาลจนยิ้มแล้ว เศษสวะนี่จะบ้าระห่ำเกินไปแล้ว!
“ลงมือเถอะ”
พ่อมดอริยะโลหิตทมิฬเอ่ยชัดถ้อยชัดคำ ไอสังหารหลั่งไหล
“ดี!”
หนิวเจิ้นอวี่พยักหน้ารับโดยไม่ลังเล สถานการณ์ตรงหน้าจะลังเลต่อไปไม่ได้แล้ว รังแต่จะทำให้พวกเขายิ่งดูน่าอับอายขายขี้หน้า
กลับเห็นว่าตอนนี้หลินสวินหัวเราะร่าออกมา ผมสีดำปลิวไสว ประกายน่าตกตะลึงพุ่งวาบในดวงตาเย็นชาทั้งสองข้าง “น่าจะทำแบบนี้ตั้งนานแล้ว!”
ตูม!
เสียงพูดยังไม่ทันเงียบไป หลินสวินก็ออกตัวโจมตีในตอนนี้ ท่ามกลางสายตาตื่นตระหนกของพวกหนิวทุนเทียน
อีกทั้งยังพุ่งเข้าไปสู้กับอริยะทั้งสองด้วย!
ในอดีตไม่เคยเกิดภาพเช่นนี้มาก่อน แต่ตอนนี้กลับเกิดขึ้นสดๆ ตรงหน้า ทำเอาพวกหนิวทุนเทียนต่างอ้าปากกว้าง ในหัวว่างเปล่าอึ้งงัน
นี่จะบ้าคลั่งเกินไปแล้วกระมัง
แต่ไม่ว่าพวกเขาจะคิดเช่นไร การต่อสู้ก็ได้ปะทุขึ้นแล้ว!
ครืน…
ฟ้าดินสั่นสะท้าน สะเทือนครั้งใหญ่ราวสายฟ้าฟาด
ตัวหลินสวินในตอนนี้ส่องแสงเจิดจรัส มีแสงมรรคเก้าพิสุทธิ์อันเปล่งประกายผุดผ่องผุดขึ้นมา แปรสภาพเป็นปรากฏการณ์ประหลาดเหมือนวังวนเหวลึก
ส่วนพลังจิตวิญญาณและพลังหลอมปราณของเขาก็ไปถึงสภาวะสูงสุด ทั้งตัวลุกโหมเหมือนเตาเพลิงใหญ่เตาหนึ่ง
โทสะหยาจื้อ วิชาอริยะยุทธ์ ยอดนิรันดร์ไร้รั่ว… นานาวิชาลับที่โคจรวิชายุทธ์ก็ถูกสำแดงออกมาเต็มกำลัง
พูดได้ว่าพลังปราณทั้งสามสาย หลอมปราณ หลอมกายและหลอมจิตที่บรรลุระดับอมตะเคราะห์ด่านเก้า หลังจากผ่านเคราะมรรคตัดขาดที่อันตรายและไร้ปราณีที่สุดมาแล้ว หลินสวินในตอนนี้ก็ออกโจมตีโดยไม่ออมแรงสักนิด!
ท่วงท่าของเขาตอนนี้ปรากฏสู่สายตาของอริยะทั้งสอง ราวกับเป็นการท้าทายขนานใหญ่ในโลก ทำเอาพวกเขาแค้นจนกัดฟันเข่นเขี้ยว
พวกเขาออกโจมตีอย่างอุกอาจโดยไม่ลังเล
ตูม โครม!
ชั่วขณะเดียวฟ้าดินผืนนี้พลิกคว่ำ บริเวณพันลี้แปรสภาพเป็นสนามรบอันตรายราววันสิ้นโลกทำลายล้าง
กลิ่นอายน่าสยดสยองเช่นนั้นทำให้หนิวทุนเทียน อั้นหลิงเจิน กวงฝู่ชิงถอยหลบออกมาไกลๆ ตามจิตใต้สำนึก สีหน้าล้วนตกตะลึงไม่ว่างเว้น
ปัง! ปัง! ปัง!
ในสนามรบอานุภาพหลินสวินราวสายรุ้ง แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ ภายใต้การลงมืออย่างกราดเกรี้ยวของอริยะแท้สองคนก็ยังถูกซัดให้ถอย โจมตีจนกระเด็นออกไปหลายครั้งดังเดิม
ตัวเขาเหมือนกระสอบทราย ดูไม่มีพลังตั้งกระบวนท่าเลยสักนิด
นี่ทำให้พวกหนิวทุนเทียนลอบถอนหายใจโล่งอก สีหน้าปรากฏแววผ่อนคลาย นี่สิถึงปกติ เขาหลินสวินยังไม่บรรลุเป็นอริยะ จะมาสู้ข้ามระดับกับอริยะแท้ได้อย่างไร
หนำซ้ำยังมีสองคนด้วย!
การต่อสู้ตรงหน้าแสดงให้เห็นแล้วว่า การท้าทายของเจ้าหลินสวินนี่เป็นการไม่ประมาณตน แมงเม่าบินเข้ากองไฟโดยสิ้นเชิง น่าขันถึงที่สุด!
“จองหองลืมตัว คิดว่าตัวเองเป็นใคร ถึงได้มาท้าทายพลานุภาพของระดับอริยะ”
หนิวทุนเทียนยิ้มเย็นชา
“ข้าจะดูว่าเจ้าจะตายอย่างไร”
อั้นหลิงเจินกัดฟัน สีหน้าโหดเหี้ยม
มีเพียงกวงฝู่ชิงที่สีหน้ายินดีปรีดาและผ่อนคลายค่อยๆ ถูกความรู้สึกหวาดผวา ตกตะลึง เคร่งเครียดเข้าแทนที่
หลินสวินพ่ายแพ้อย่างต่อเนื่องก็จริง
ทว่า…
เขาไม่ได้ถูกฆ่าตาย!
มีอริยะแท้ถึงสองคน แต่กลับบี้มดปลวกตัวหนึ่งให้ตายทันทีไม่ได้ เรื่องนี้ดูผิดปกติมาก น่าตกตะลึงเมื่อได้ยิน!
กวงฝู่ชิงคิดจนหัวแทบแตกยังคิดไม่ออก เหลือบแลไปดูตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน มองหาในใต้หล้า จะมีผู้แข็งแกร่งคนไหนต้านทานอริยะด้วยพลังปราณระดับอมตะเคราะห์ได้เหมือนอย่างหลินสวิน!
และยังเป็นอริยะแท้สองคนด้วย!
ยามสังเกตเห็นว่าหนิวทุนเทียนกับอั้นหลิงเจินยังยินดีปรีดา รอคอยให้ช่วงเวลาที่หลินสวินถูกสังหารมาถึง ความเศร้าสร้อยลึกซึ้งผุดขึ้นในใจของกวงฝู่ชิงอย่างห้ามไม่อยู่ เป็นผู้แข็งแกร่งระดับอมตะเคราะห์เหมือนกัน แต่พอเทียบกับหลินสวินแล้ว ไม่ว่าใครในหมู่พวกเขาล้วนน่าอับอายจนหาที่ซ่อนไม่ได้!
——
Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท