บทที่ 13 คุณฉินอยู่ที่ไหน
ฉินเทียนไม่สนใจซูเหวินเฉิงอีก หมุนตัวมองซูเป่ยซานอยู่“คุณชอบภาพแผ่นนี้มากใช่ไหม?มาหยิบแล้วกัน”
“ตกลง!”ซูเป่ยซานเดินมาอย่างตื่นเต้น
เอาภาพต้นฉบับของแท้ที่รักมาไว้ในมือได้ก่อน อย่างอื่นล้วนพูดง่าย นี่คือความคิดในใจของซูเป่ยซาน
มาถึงด้านหน้าของฉินเทียน เขายื่นสองมือออกไปอย่างตื่นเต้น ตามองภาพต้นฉบับของแท้ที่ใกล้จะถึงมืออยู่ ใครจะรู้
สองมือของฉินเทียนฉีกเบา ๆ
มองเห็นม้วนภาพที่สมบูรณ์แบบฉีกขาดต่อหน้า ความดีใจในตาของซูเป่ยซานก็เปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนกตกใจมาก
ฉินเทียน คิดไม่ถึงจะฉีกทำลายภาพแผ่นนี้!
“สารเลว แกทำอะไร? รีบหยุดมือ!”
ซูเป่ยซานโกรธเหมือนเบ้าตากำลังจะแตกร้าวออกมา ภายใต้การโกรธเขายื่นมือมาแย่ง
“ภาพเป็นภาพจริง เพียงแต่คุณคิดว่าคุณคู่ควรไหม?”
ฉินเทียนยิ้มอย่างเย็นชา สองมือพอถูก็ลอยไปในกลางอากาศ
ม้วนภาพที่สมบูรณ์แบบภาพหนึ่งกลายเป็นเศษแผ่นผีเสื้อหลากสีเหมือนเม็ดฝนที่ตกกระจายลงบนตัวของซูเป่ยซานแล้ว
ฉากสวยมาก
แต่มองในสายตาของทุกคนก็เหมือนเป็นหนังสยองขวัญที่แปลกประหลาดที่สุดในโลก
พวกเขาทั้งหมดเบิกตากว้างแล้ว อ้าปากกว้างพูดไม่ออก
และเขายืนกลางระหว่างเม็ดฝน ดูไปแล้วก็เหมือนไก่ตัวหนึ่งที่ถูกฟ้าผ่าตกลงในน้ำซุปอย่างนั้น!
มองท่าทางที่ย่ำแย่ของเขา ในดวงตาของฉินเทียนเต็มไปด้วยเย้ยหยัน
เขาเตรียมภาพแผ่นนี้เดิมทีคืออยากที่จะดูท่าทีของซูเป่ยซาน
ถ้าหากไอ้แก่นี่มีการสำนึกผิดและแก้ตัวใหม่ อย่างนั้นเห็นแก่ในฐานะที่เขาอายุมากอย่างนั้นแล้วและเป็นคุณปู่แท้ ๆ ของซูซู ฉินเทียนอาจจะเอาภาพส่งให้เขาจริง ๆ
ตัวอักษรภาพเล็ก ๆ แผ่นหนึ่งอย่าพูดว่าเป็นภาพต้นฉบับของแท้ของถังโป๋หู่เลย ถึงแม้เป็นภาพชิงหมิงซ่างเหอถู ฉินเทียนก็เอามาได้ง่าย ๆ
ถึงเขตแดนของเขาอันนี้แล้ว การเงินทั่วโลกก็คือเป็นของนอกกายไม่ได้ให้ความสำคัญจริง ๆ
คิดไม่ถึงว่าซูเป่ยซานจะเจ้าเล่ห์มากอย่างนี้ ไม่รู้จักสำนึกผิดและแก้ตัวใหม่
คุณชอบไม่ใช่เหรอ? ผมก็เอาภาพฉีกต่อหน้าคุณแล้ว
เพราะคุณไม่คู่ควร
“ไอ้เด็กน้อย แกเล่นตลกกับฉัน!”ซูเป่ยซานกัดฟันพูด
ใบหน้าได้กลายเป็นสีตับหมูแล้ว
“เล่นตลกกับคุณแล้วยังไงอีก?”ในดวงตาของฉินเทียนมีความหมายของการเย้ยหยันที่เข้มข้นมากขึ้น
ก็เหมือนกับนกอินทรีบนท้องฟ้าที่มองนกพิราบดินตัวหนึ่งบนพื้น
“ตาแก่ วันนี้ที่ผมมามีสองเรื่องต้องการคำตอบจากคุณให้ชัดเจน!”
“เรื่องที่หนึ่งก็คือปีนั้นที่คุณให้ซูซูไปดูแลสรุปแล้วเป็นใคร”
“ซูซูเป็นหลานสาวแท้ ๆ ของคุณ คิดไม่ถึงว่าคุณจะเอาเธอมอบให้กับลูกหมาป่า”
“หลังเกิดเรื่องแล้วไม่เพียงไม่ออกหน้ามารับผิดชอบและตัดสินใจเรื่องให้ซูซูแล้ว คิดไม่ถึงว่ายังจะปกป้องฆาตกร”
“คุณกลัวพลังอำนาจของคนอื่น ผมฉินเทียนไม่กลัว”
“บอกผมฆาตกรเป็นใคร ผมจะฆ่าล้างมันทั้งหมด!”
แม้กระทั่งหยางยู่หลันก็คิดไม่ถึง ฉินเทียนจะพูดปัญหาที่เก็บซ่อนไว้ลึกมากอันนี้ออกมาต่อหน้า!
สายตาของคนในตระกูลทั้งหมดสั่นไหว มีคนไม่กล้ามองใบหน้าที่เคร่งขรึมและมีพลังของฉินเทียนตรง ๆ ก้มหน้าอย่างละอายใจ
ฉินเทียนมีใบหน้าที่เคร่งขรึมและมีพลังเหมือนเทพที่ลงมาจากฟ้า
พูดต่อ“เรื่องที่สอง!”
“ซูเหวินเฉิง อีกทั้งคนตระกูลซูทั้งหมดต่างก็ฟังผมไว้!”
“ตอนแรกพวกคุณแย่งบริษัทของแม่ยายผมไปยังไง ภายในสิบวันคืนกลับมาให้เหมือนเดิม!”
“ไม่งั้น”
“วันนี้ผมฉินเทียนก็พูดประโยคหนึ่งไว้ตรงนี้ หลังสิบวันจะให้ครอบครัวของพวกคุณเจอกับความวิบัติ!”
เสียงสั่นไหวเหมือนฟ้าร้อง!
ทุกคนหวาดกลัวมาก
พวกเขาเหมือนมองเห็นปีศาจร้ายที่ดุร้ายตัวหนึ่ง!
โดยเฉพาะซูเป่ยซาน
เขาอยู่ตรงหน้าฉินเทียน รับกับคำถามที่ติเตียนของฉินเทียนโดยตรงเหมือนเตือนให้ได้สติ!
เพิ่งสูญเสียภาพที่มีชื่อเสียงที่เป็นที่รักไป
บวกกับอายุมากแล้ว
ภายใต้การโจมตีที่รุนแรง เขาร้องเสียงดังเสียงหนึ่งเลือดสดกะอักออกมาจากปาก หกคะเมนไปด้านหลัง
โชคดีที่ด้านหลังเป็นเก้าอี้วงกลมถึงไม่ได้ล้มลงไปกับพื้นโดยตรง
กุมหน้าอกอยู่เขาพูดอย่างตื่นเต้น“เร็ว รีบเอาไอ้เดรัจฉานคนนี้ไล่ออกไปให้ฉัน!”
“กบฏแล้ว ไอ้เดรัจฉานคนนี้! กบฏแล้วจริง ๆ !”
“พวกพี่น้อง ขึ้นไปด้วยกัน!” ซูเหวินปินร้องเสียงหลงเสียงหนึ่งบุกนำหน้ามาแล้ว
หนุ่มวัยฉกรรจ์ของตระกูลซูสิบกว่าคนบุกมาพร้อมกันด้วยพลังแห่งการฆ่า
“ฉินเทียน รีบหนีไปสิ!” หยางยู่หลันร้องเสียงดังอย่างร้อนรน
แม้กระทั่งในดวงตาของซูซูต่างก็เปิดเผยความตื่นตระหนกออกมาเท่าไหร่
สติปัญญาของเธอได้รับความเสียหาย ถึงแม้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นและก็ไม่รู้ว่าฉินเทียนคือใคร
แต่เธอรู้ผู้ชายคนนี้ส่งดอกไม้กระถางหนึ่งที่เธอชอบมากให้กับเธอ
ในจิตใต้สำนึกเธอรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้เป็นเพื่อนของตัวเอง
ซูเหวินเฉิงได้ตาแดงแล้ว
เขากัดฟันพูด“ตีมันให้ตาย! ฉันมีรางวัลให้อย่างงาม!”
ฉินเทียนมองพวกนี้ที่เหมือนกับเสือหมาป่าอย่างนั้น ในดวงตาของเขาก็ไม่แตกต่างอะไรกับฟางข้าว
กำลังอยากที่จะลงมือสั่งสอนพวกเขาสักหน่อย หยางยู่หลันมาขวางด้านหน้าไว้อย่างตื่นเต้นพูดว่า“มีอะไรก็พูดกันดี ๆ อย่าวู่วาม!”
“คุณป้า คุณปกป้องเขาอย่างนี้ คงจะไม่คิดที่จะเก็บผู้ชายแทนซูซูใช่ไหม”
มีคนในตระกูลรุ่นหลังยิ้มพูดอย่างหน้าไม่อาย
“ลูกสาวเป็นอัมพาตแล้ว แม่ยายและลูกเขยผสมโรงด้วยกันงั้นหรื อ”
มีเสียงแอบหัวเราะรอบ ๆ
ซูเหวินเฉิงยิ่งยิ้มอย่างเย็นชาพูดว่า“คนแซ่ฉิน การแสดงที่นายเล่นฉันได้รู้แล้ว”
“สวมรอยใช้ชื่อของหวางโป๋เหนียนบีบบังคับหม่ายงไล่หลี่เฉียงและเฉ่าเต๋อออก แกคิดจริง ๆ ว่าจะสามารถปิดบังความจริงได้เหรอ?”
“แม่งยังพูดเพ้อเจ้อต่อหน้าคนในตระกูลซูของพวกเรา!”
“หลังสิบวันเจ้าสมาคมหวางมาแล้ว ดูว่ากูจะเล่นให้แกตายยังไง!”
“ถ้าไม่อยากตาย ตอนนี้ฉันคุณชายก็สามารถให้ทางรอดแก่นายได้”
“คุกเข่าลงก้มหัวขอโทษคุณปู่ของฉัน จากนั้นให้ฉันใช้โซ่สุนัขมัดแกขึ้นมาเป็นหมาให้ฉันสิบวัน เป็นยังไง?”
พวกคนของตระกูลหัวเราะเยาะเย้ยเสียงดัง
ในสายตาของพวกเขา ฉินเทียนเวลานี้กระทั่งยังสู้หมาไม่ได้
หยางยู่หลันหน้าแดงทั้งหน้า เธอกัดฟันในที่สุดก็ทำการตัดสินใจที่ยิ่งใหญ่มากอันหนึ่ง
“ซูเป่ยซาน ซูยู่คุน ซูเหวินเฉิง!”
“พวกคุณสองพ่อลูก ปู่พ่อและลูกสามรุ่นบีบบังคับอย่างนี้ก็ไม่ใช่เพื่อสิทธิบัตรเวชสำอางอันนั้นที่อยู่ในมือของฉันเหรอ?”
ได้ยิน“สิทธิบัตรเวชสำอาง”ในงานก็เงียบลงมาในพริบตา
ซูยู่คุนพูดอย่างตื่นเต้นว่า“พี่สะใภ้ คุณเห็นด้วยที่จะยอมหลีกทางออกมาแล้ว?”
“คุณเปิดราคามาแล้วกัน!”
สองตาของซูเหวินเฉิงยิ่งเปล่งแสงพูด“คุณป้า ขอแค่คุณยอมมอบสิทธิบัตรอันนั้นออกมา ผมรับรองวันหลังจะไม่รบกวนพวกคุณสองแม่ลูกอีก”
“บ้านหลังเล็กหลังนั้นที่พวกคุณอยู่ตอนนี้ ผมมอบให้พวกคุณฟรี!”
หยางยู่หลันเสียใจแทบจะร้องไห้ออกมาเตรียมที่จะรับปาก
เธอหมดหนทางแล้วจริง ๆ ไม่ว่ายังไงฉินเทียนเป็นเธอที่พามา เธอไม่สามารถมองเห็นฉินเทียนเกิดเรื่องได้
“คุณฉินอยู่ที่ไหน!”
ในเวลานี้ด้านนอกจู่ ๆ แผดเสียงดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง
คนที่พูดมีพลังเต็มเปี่ยมมากเกินไป เสียงเหมือนฟ้าร้องในฤดูใบไม้ผลิคนที่อยู่ในสถานที่นั้นทั้งหมดต่างก็ตกใจ
รีบเงยหน้ามองไปเห็นเพียงด้านนอกประตูใหญ่มีชายที่ใส่ชุดนักรบสีดำ ใส่รองเท้าหนังทำสงครามสีดำขบวนหนึ่งแววตาเหมือนงูหลามที่เย็นชา รูปร่างแข็งแกร่งเหมือนเสือชีต้า
พวกเขาเคลื่อนไหวรวดเร็ว บุกเข้ามาล้อมรอบเป็นวงกลมใหญ่มากเอาคนในงานล็อกไว้
เกิดอะไรขึ้น?
ปฏิกิริยาแรกของซูเป่ยซานและคนอื่น ๆ หรือล่วงเกินพี่ใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังอะไรแล้วหรือเปล่า?
มองพลังของฝ่ายตรงข้ามอันนี้ พวกเขารู้สึกว่าตัวเองก็เหมือนมดอย่างนั้น
ฝ่ายตรงข้ามอยากที่จะบีบให้พวกเขาตายก็ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ
มองเห็นผู้ชายวัยกลางคนที่แข็งแรงเหมือนภูเขาเล็กเดินก้าวใหญ่เข้ามาแล้ว
ซูเป่ยซานยืนขึ้นมาอย่างสั่น ๆ แล้ว
เห็นได้ชัดมากผู้ชายวัยกลางคนนี้ก็คือผู้นำของคนเหล่านี้