บทที่ 122 ถึงเวลาพวกเราออกโรงแล้ว
มาถึงหนานเจียง เมืองเล็กไกลโพ้นที่ติดกับเขตภูเขา ฉินเทียนไม่ได้ไปที่เรือนจำแห่งที่ 2 ในทันที
เขาสอบถามคร่าวๆ ก็รู้ข้อมูลของอะเปิน
ที่น่าเสียดายคือ แม่ที่ตาบอดของเขาคนนั้น หลังจากที่อะเปินถูกตัดสินจำคุก เพราะเสียใจเกินเหตุ จึงเสียชีวิตตั้งนานแล้ว
ฉินเทียนหาหลุมฝังศพของเธอพบที่ในป่าสนบนเนินเขา กองดินขนาดเล็กมาก โดยรอบรกเต็มไปด้วยวัชพืช
เขาลงมือกำจัดวัชพืชเองกับมือ จากนั้นสั่งให้คนซ่อมแซมหลุมฝังศพ ตั้งป้าย สลักตัวอักษร “มารดาของอะเปิน”
เถียหนิงซวงงุนงงเล็กน้อย จึงพูดขึ้น: “อะเปินคนนั้น ยังไม่รู้ว่าเป็นคนที่พวกเราต้องการตามหาหรือเปล่า”
“ตอนนี้คุณทำเรื่องพวกนี้ มีความจำเป็นไหม?”
ฉินเทียนตอบอย่างจริงจัง “ไม่ว่าเขาเป็นคนที่พวกเราตามหาหรือไม่ ด้วยความกตัญญูของเขา และจิตใจที่เข้มแข็งตรงไปตรงมาที่หลายคนในประเทศขาดหายไปตั้งนาน ล้วนควรค่ามากพอให้ฉันฉินเทียนนับถือ”
เถียหนิงซวงแลบลิ้น รีบไปเก็บดอกไม้ช่อหนึ่งใกล้ๆ แล้ววางตรงหน้าหลุมศพ
แล้วประนมมือ พูดอธิษฐาน: “คุณผู้หญิงที่อยู่ข้างใน ฉันชื่อเถียหนิงซวง ถึงแม้พวกเราจะไม่เคยเจอหน้ากัน แต่คุณสามารถให้กำเนิดเด็กดีอย่างอะเปินแบบนี้ได้ ก็ควรค่าแก่การเคารพจากฉันเถียงหนิงซวง”
“อะเปินพวกเราจะดูแลอย่างดี ขอให้คุณไปสู่สุคติ”
หลังจากพูดจบ ถึงได้หันไปมองทางฉินเทียน “คุณที่เป็นเจ้าสำนักของ ‘คำสาปสวรรค์’ เข้าไปเรือนจำแห่งที่สองได้ไหม?”
“อาชญากรร้ายแรงปกติจะอยู่ภายใต้การดูแลที่เข้มงวดมาก”
ฉินเทียนยิ้มแล้วพูด: “ฉันเข้าไม่ได้ แต่เธอทำได้นี่”
“ฉัน?” เถียหนิงซวงงุนงง
ฉินเทียนเดินลงเขาไปด้วย พูดไปด้วย: “ตอนนั้นคุณปู่ของเธอสามารถพูดแทนอะเปินได้ แสดงว่าเขาอยู่ที่นี่ ก็ยังมีเส้นสายอยู่บ้าง”
“ถึงแม้ท่านแม่ทัพจะเกษียณออกมา แต่ว่าน่าจะมีลูกน้องอยู่เยอะแยะมาก”
“อย่าบอกฉันนะ ว่าเธอที่เป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลเถียคนนี้ ใช้ลูกน้องตระกูลของเธอไม่ได้”
เถียหนิงซวงอดกลอกตามองบนไม่ได้
ฉินเทียนสั่งให้เธอติดตามมาด้วย เดิมดีเธอยังแอบดีใจอยู่บ้าง ที่แท้ก็ใช้เธอเป็นบัตรผ่านทางสินะ
เพียงแต่เธอไม่กล้ารีรอ รีบโทรศัพท์หลายสาย เมื่อได้บัตรผ่านทางมา ก็ไปพบอะเปินอย่างราบรื่น
เหมืองหินหลังเรือนจำ ชายหนุ่มถอดเสื้อ ตีหินอยู่ที่มุมเหมืองอยู่คนเดียว
รูปร่างสูงใหญ่ บนผิวหนังดำคล้ำ เหงื่อไหลออกมา
ถึงแม้เขาจะตัวคนเดียว แต่เศษหินที่ถูกตีอยู่ข้างๆ กลับมากกว่าสองสามคนข้างๆ รวมกัน
เขาเหมือนกับไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
ดวงตาคู่หนึ่งตายด้านและใจจดใจจ่อ
นักโทษแก่หลายคนกะล่อน แอบย้ายก้อนหินที่อยู่ด้านหลังอะเปินไป เอาไปเป็นผลจากการลงแรงของตัวเองอะเปินก็ไม่ได้สังเกต
“นี่รังแกกันเกินไปแล้ว!” เถียหนิงซวงที่ยืนอยู่ด้านหลังตาข่าย เห็นภาพนี้ อดเป็นเดือดเป็นร้อนไม่ได้”
ผู้คุมที่อยู่ด้านข้างหัวเราะแล้วพูด “อะเปินเคยชินตั้งนานแล้ว”
“คนแก่เจ้าเล่ห์พวกนั้นถึงแม้จะกะล่อน แต่ว่าพวกเขาก็ดีกับอะเปิน ปกติอาหารที่กินไม่ได้ ก็จะให้อะเปินทั้งหมด”
“ชายหนุ่มร่างกายเจริญเติบโต เหมือนกับกินไม่เคยอิ่ม”
ฉินเทียนยิ้มแล้วพูด: “แสดงว่าอะเปินอยู่ที่นี่มนุษยสัมพันธ์ก็ดีมากสินะ?”
ผู้คุมยิ้ม : “มนุษยสัมพันธ์ดีมีประโยชน์อะไร คนที่มีโทษจำคุกตลอดชีวิต ชีวิตนี้ออกจากที่นี่ไม่ได้ หลายๆ เรื่อง เคยชินไปตั้งนานแล้ว”
“พวกคุณอย่าใช้เวลานานเกินไป ผมไปดูบริเวณอื่นๆ”
หลังจากผู้คุมออกไป ภายในตาข่าย ประตูเล็กเปิดออก คนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา
คนแรก บนใบหน้ามีตาวปาที่น่ากลัวรอยหนึ่ง
เมื่อเห็นเขา นักโทษแก่พวกนั้นรีบเลี่ยงออกไป เห็นได้ชัดว่าหวาดกลัวตาวปาและคนอื่นเป็นอย่างมาก
เถียหนิงซวงอดขมวดคิ้วไม่ได้ “พวกเขาเหมือนกับมาจัดการอะเปิน”
“ฉันไปเรียกผู้คุม”
ฉินเทียนยิ้มแล้วพูด: “อย่ารีบร้อน รอดูก่อน”
เห็นเพียงตาวปาและคนอื่นๆ ล้อมรอบอะเปิน
“เจ้าหนุ่ม ได้ยินว่านายคือหัวหน้าของเขตสาม ตอนนี้หัวหน้าเขตสี่ของพวกเรา พี่ตาว มาเจรจากับนาย”
“พี่ตาวบอกว่า ให้เขตสามของพวกนายต่อไปฟังคำสั่งของเขตสี่”
“นับรายหัว แต่ละคนในแต่ละเดือน มอบบุหรี่หนึ่งหมอนให้พวกเรา”
“นายมีความคิดเห็นไหม?”
อะเปินเหวี่ยงอีเตอร์ต่อไป ไม่ได้สนใจ
“ไม่พูด ถือว่านายตกลง”
“พวกแก เก็บบุหรี่” ตาวปาออกคำสั่ง ลูกน้องพวกนั้นของเขา โผเข้าหานักโทษแก่พวกนั้นของเขตสาม
ไม่เชื่อฟังเล็กน้อย ก็เตะต่อย
นักโทษแก่จนปัญญา หยิบบุหรี่ทั้งหมดที่เก็บสะสมไว้บนตัวออกมา
ในตอนที่พวกเขากำลังเหมือนกิ้งก่าได้ทอง เตรียมจะออกไปอะเปินวางอีเตอร์ลง
“พวกนายรังแกฉันได้ รังแกพวกเขาไม่ได้”
“แกว่าอะไรนะ?” ตาวปาหัวเราะเสียงดัง “ไอเด็กเวร แกหมายความว่า แกจะออกหน้าแทนพวกมันเหรอ?”
กลุ่มคนที่เตรียมจะออกไป ล้อมรอบอะเปินอีกครั้ง
อะเปินหน้าตาไร้อารมณ์ “เอาบุหรี่คืนให้พวกเขา มีเรื่องอะไร ก็พุ่งมาที่ฉัน”
ตาวปาหัวเราะเยาะแล้วพูด “นายอยากจะให้บุหรี่แทนพวกมัน?”
“เจ้าหนุ่ม หนึ่งคนหนึ่งหมอน นายมีเยอะขนาดนั้นเหรอ?”
อะเปินส่ายหน้า: “ฉันไม่สูบบุหรี่ ไม่มีบุหรี่”
“งั้นแกจะมาพูดอะไรกับฉันวะ!” ตาวปาโมโห บีบคอของอะเปินไว้
“คุกเข่า ขอโทษฉัน!”
เห็นอะเปิน ไม่คุกเข่า ตาวปาแสยะยิ้ม “เจ้าหนุ่ม ได้ยินมานานแล้วว่าแกเป็นคนดื้อรั้น”
“อยากจะเอาบุหรี่กลับมาแทนพวกมันใช่ไหม? ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้”
“ให้พวกแกของฉันคนหนึ่งต่อยยกหนึ่ง หลังต่อยเสร็จ แกยังสามารถยืนขึ้นได้ เขตสามของพวกนาย ต่อไปก็เป็นอิสระแล้ว”
“อะเปิน อย่านะ!”
“อย่ารับปาก!
“ก็แค่บุหรี่เองไม่ใช่เหรอ? ให้พวกเขาเอาไปเถอะ” นักโทษแก่พวกนั้นเริ่มพูดเกลี้ยกล่อม
อะเปินสีหน้าเย็นชา มองดูตาวปา สุดท้ายก็พยักหน้า: “ได้”
ตาวปาและคนอื่น คิดไม่ถึงว่าอะเปินจะมีศักดิ์ศรีขนาดนี้ พวกเขามีแรงขึ้นมา
“พวกแก จัดการมันๆ!
ตาวปาออกคำสั่ง
คนเหล่านี้ เป็นบุคคลที่ทำเลวอย่างไม่ยำเกรงต่อสิ่งใจ วางท่า เริ่มโจมตีอะเปิน
“ผลัวะ!” ชายอ้วนตัวใหญ่คนหนึ่งพุ่งเข้ามา ชกท้องของอะเปินหมัดหนึ่งโดยตรง
ถือโอกาสตอนที่อะเปิน โค้งตัวจากความเจ็บปวด แล้วก็แทงเข่า กระแทกหน้าอกของอะเปิน อย่างแรง
คนอื่น ผลัดกันเข้าสนามรบ
เตะต่อยอย่างดุเดือดมาก
อะเปินกุมหัวห่อตัวอยู่บนพื้น ฝืนรับมันไว้ ไม่สู้กลับ และก็ไม่ขอความเมตตา
ในไม่ช้า กลุ่มคนต่อยจนเหนื่อย เห็นว่าตั้งแต่ต้นจนจบไม่สามารถเอาชนะอะเปินได้ ตาวปาเกิดความโมโหอย่างถึงที่สุด
เขาเห็นอีเตอร์ที่อยู่ด้านข้าง แล้วพุ่งเข้าไปหยิบมันขึ้นมา
“พี่ตาว จะตายได้นะ!”
“อย่านะ พี่ตาว พี่ฆ่าคนตาย ชาตินี้ก็อย่าคิดที่จะลดโทษเลย” นักโทษแก่ตะโกนเสียงดัง
ตาวปากัดฟัน ใช้ด้ามไม้ของอีเตอร์ ตีลงอย่างแรงตรงแผ่นหลังของอะเปิน
เสียงดังกร๊อบ ด้ามไม้หักเป็นสองท่อน
อะเปินกระอักเลือด ร่างกายสั่นเทา
“ลุกขึ้นมาสิ!”
“แกถือศักดิ์ศรีไม่ใช่เหรอ?”
“ลุกขึ้นมา ต่อไปฉันจะยกโทษให้เขตสามของพวกแก!”
ภายใต้เสียงโห่ร้องอย่างบ้าคลั่งอะเปินค่อยๆ ลุกขึ้นยืน
“แม่มึง!” ตาวปาแค้นใจ อดไม่ได้ที่อยากจะใช้อีเตอร์ที่แข็งแกร่ง โจมตีอะเปินโดยตรง
ในตอนนี้เอง ในที่สุดอะเปินก็เงยหน้าขึ้น แล้วมองไปทางเขา
เดิมทีดวงตาคู่หนึ่งที่ตายด้าน จู่ๆ ก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายสังหารเหมือนหมาป่า
ถูกหน้าตาท่าทางดุร้ายแบบนี้ทำให้ตกใจ ตาวปาและคนอื่นๆ กลัวจนตัวสั่น
“ถือว่าแกมีบุญ พวกเรากลับ!” ตาวปาโยนอีเตอร์ในมือทิ้ง จากนั้นเดินไปทางประตูเล็กแล้วด่าทอ
“ไปเถอะ”
“ถึงเวลาพวกเราออกโรงแล้ว”
ฉินเทียนผลักเบาๆ ประตูตาข่ายตรงหน้าถูกผลักออก พาเถียหนิงซวงเดินเข้าไป