บทที่ 153 เธอจะเรียกค่าไถ่ฉัน
“ขอบคุณมากนะพี่ชาย!”
หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงที่มีความสุข จากนั้นเปิดประตูรถเอง และรีบลงไป
จากนั้นกลิ่นตัวหอมจากหญิงสาวก็โชยมา อะฝูรู้สึกว่าเลือดพุ่งขึ้นสมอง
ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้สวยงามอะไรมาก แต่ว่าสไตล์ที่เติบโตเต็มอิ่มเช่นนี้ ช่างมีสเน่ห์เย้ายวนมากที่สุด
เขาเกือบจะอดกลั้นไม่ได้
ได้แต่กลืนน้ำลาย อะฝูยิ้มกว้างแล้วพูดว่า:“น้องสาว จะให้เรียกเธอว่ายังไง?”
“มาวิ่งข้างนอกกลางดึก ผู้ชายของเธอป่วยเป็นอะไร?”
หญิงสาวพูดด้วยเสียงต่ำว่า:“ฉันชื่อเหมยหงเซว่”
“แฟนของฉัน……เขาป่วยเป็นโรคไม่ดี ไม่พูดจะดีกว่า”
พูดไป ก็พรางถอนหายใจไป
อะฝูถามด้วยความร้อนใจว่า:“น้องสาว เป็นอะไร?”
“ผู้ชายของเธอ คงไม่ได้ป่วยเป็นโรคที่รักษาไม่ได้หรอกนะ?”
เหมยหงเซว่กัดฟันพูด:“หากว่าเป็นโรคที่รักษาไม่ได้ก็ดีอยู่หรอก เขาชอบไปเละเทะข้างนอกสรุปว่าติดโรคไม่ดีมา”
“ไปโรงพยาบาลอะไรนั่น ตอนนี้กำลังนอนรอผ่าตัด โทรศัพท์มาบอกว่าถ้าหากว่าฉันเอาเงินค่าผ่าตัดไปไม่ทัน เขาก็จะทำการผ่าตัดไม่ได้”
“ฉันก็เป็นผู้หญิงไม่เข้าใจอะไร พี่ชาย พี่ว่าโรงพยาบาลอะไรอะ หรือว่ายังมีเตียงผ่านตัดชั่วคราวที่เพิ่มราคาด้วยเหรอ ไม่ให้เงินก็จะไม่ให้ลงจากเตียงผ่าตัด?”
“นี่มันโรงพยาบาลที่ไหนกัน เห็นได้ชัดว่านั่นมันโรงฆ่าสัตว์!”
อะฝูเมื่อได้ฟังก็หัวเราะเสียงดัง。
“น้องสาว ผู้ชายของเธอน่าจะไปที่โรงพยาบาลสาขาหู่เถียนมั้ง”
“ห้องผ่าตัดทั้งหมดจะเพิ่มราคา มันเป็นวิธีการหาเงินอย่างหนึ่งของพวกเขาก็เท่านั้น”
“ฉันมีเพื่อนคนหนึ่งทำการผ่าตัดเล็ก โรงพยาบาลมาตรฐานไม่เกินหนึ่งพันหยวน ไปผ่านตัดที่พวกเขา สรุปจ่ายเงินไปอย่างน้อยสามหมื่นหยวน”
เหมยหงเซว่ถอนหายใจแล้วพูดว่า:“สังคมแย่ลงทุกวัน จิตใจของมนุษย์เป็นคนเจ้าเล่ห์จริงๆ!”
“เฮ้อ!”
อะฝูเปลี่ยนเรื่องพูด:“น้องสาว เธอสวยขนาดนี้ ผู้ชายเธอยังไปทำตัวเละเทะข้างนอก ช่างตาบอดเสียจริง”
“นี่เรียกว่าอะไรนะ มีรังนกที่บ้านไม่กิน ทว่ากลับไปกินหญ้าที่ด้านนอก”
เหมยหงเซว่หัวเราะพูดว่า:“ผู้ชายอะนะ ก็เหมือนแมวตะกละ ไม่มีกลิ่นคาว ดอกไม้ในบ้านหอมสู้ดอกไม้ในป่าไม่ได้”
“จริงด้วย ภรรยาคนอื่นดีเสมอ”
“น้องสาว ผู้ชายแบบนี้ไม่เอาก็ไม่เห็นเป็นอะไร เธอมีคุณสมบัติที่เพียบพร้อมเช่นนี้ หาใหม่ได้สบาย”
“เพียงแค่เธอยอม ผู้ชายต้องมาต่อแถวจีบเธอแน่”
เหมยหงเซว่หน้าแดง แล้วหันหน้าออกไปโดยไม่พูดอะไร
จู่ๆ เธอก็พูดว่า:“พี่ชาย ไม่ใช่สิ”
“นี่ไม่ใช่ทางไปอำเภอหลินนี่?พี่จะพาฉันไปไหน?”
อะฝูหักไปอีกทางอย่างรุนแรง จากนั้นขับรถไปบนพื้นหญ้า
เขาพูดอย่างร้อนใจ:“น้องสาว เธอว่าฉันเป็นยังไงบ้าง?”
“พี่ฟังฉันก่อน เพียงแค่พี่รับปากฉัน จะให้ฉันทำอะไรก็ได้!”
เขาเหมือนผีที่โหยกระหาย จากนั้นก็จับมือของเหมยหงเซว่อย่างรอไม่ไหว
“พี่ชาย อย่าทำแบบนี้”
“เดี๋ยวตายนะ”เหมยหงเซว่พูดเสียงต่ำ
อะฝูตาแดงกล่ำ:“ดอกโบตั๋นแม้เป็นผีก็ยังสวยงาม!”
“น้องสาว เธอช่างมีสเน่ห์เหลือเกิน!”
“แค่ฉันเห็นเธอครั้งแรกก็ใจเต้นแรงแล้ว!”
“จริงเหรอ?”
“ไม่กลัวตายจริงๆ เหรอ?”
เหมยหงเซว่หัวเราะอย่างยั่วยวน
อะฝูในใจมีความสุขมาก ขณะที่กำลังจะกระโจนใส่ เหมยหงเซว่ก็ถีบขาคู่ จากนั้นก็นำเขาโยนลงที่พื้น
เสียงที่ตกใจของอะฝู ที่ยังไม่รู้ตัว ทันใดนั้นก็มีแสงเย็นในแววตาด้านหน้า ลำคอเย็นเฉียบ
กรรไกรคมคู่หนึ่งเปิดออก จากนั้นก็วางไว้ที่ลำคอของเขา
ทันใดนั้น อะฝูก็เหมือนวิญญาณออกจากร่าง
“น้องสาว อย่าใจร้อน!”
“อย่าใจร้อนนะ!”
“ฉันผิดไปแล้ว!”
“เธอเอากรรไกรเก็บก่อน เดี๋ยวฉันจะรีบพาเธอไปโรงพยาบาลอำเภอข้างๆ!”
จนกระทั่งตอนนี้ เขาก็ยังไม่สงสัยในตัวของเหมยหงเซว่ คิดแค่เพียงว่าตัวเองเจอสตรีหัวรุนแรง
เหมยหงเซว่หัวเราะแล้วพูดว่า:“คิดว่าจะทำเรื่องอุบาทกับฉันอย่างนั้นเหรอ?จะว่าไม่ใช่ก็ไม่ได้”
“เอาโทรศัพท์มา”
อะฝูอึ้งชั่วขณะแล้วพูดว่า:“เธอจะเรียกค่าไถ่ฉันเหรอ?”
“โทรศัพท์มีประโยชน์อะไร?ฉันเอาเงินให้เธอก็ได้!”ใบหน้าเขาเผยความร่าเริงขึ้น
คิดว่าจะเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีได้ ใช้เงินก็สามารถทำให้ผู้หญิงคนนี้ตอบสนองความต้องการเขาได้
“ใครสนเงินเหม็นๆ ของนายกัน!”เหมยหงเซว่ตบที่บ่องหูของอะฝู ยื่นมือไป จากนั้นหยิบโทรศัพท์ของเขาออกมาจากเสื้อ
เปิด ดูข้อความด้านบน จากนั้นหัวเราะด้วยความเย็นชาแล้วพูดว่า:“พวกเขาเป็นใคร?นายกำลังรอคนอื่นอยู่เหรอ?”
สีหน้าของอะฝูเปลี่ยนไป!
“รีบเอาโทรศัพท์คืนให้ฉัน!”
“เธอรู้ไหมว่า นี่กำลังหาเรื่องตาย!”
“พวกเขาไม่ใช่คน หากแต่เป็นปีศาจที่กินคนโดยไม่กระพริบตา!”
ขณะนั้นเอง ด้านนอกก็มีคนเคาะประตูรถ
เหมยหงเซว่เปิดประตู จากนั้นก็ถีบอะฝูลงไป
เสียงตกใจของอะฝู ตามแสงจันทร์ที่ส่องมาก็ทำให้เห็นบริเวณล้อมรอบมีคนสูงต่ำอ้วนผอมยืนอยู่ สายตาของแต่ละคนเต็มไปด้วยการสังหาร
ผู้ชายที่อยู่ด้านหน้าน่ากลัวที่สุด หัวล้าน บนไหล่ มีโซ่หนักถึงห้าสิบกิโลกรัม
ราวกับเป็นคนป่าที่เพิ่งออกมาจากป่าอย่างนั้น
เขาตกใจจนวิญญาณหลุดรอยไป ขอร้องแล้วพูดว่า:“ทุกท่าน ฉันก็แค่คนขับรถที่ผ่านทางมา ไว้ชีวิตด้วยเถิด。”
“พวกนายอยากได้เงินเหรอ?เอาโทรศัพท์ให้ฉัน ฉันจะโทรศัพท์ไปเดี๋ยวนี้ ให้คนโอนเงินมาให้”
“อยากจะได้โทรศัพท์ไปบอกให้คนอื่นรู้สินะ?ไอแก่ลามก อย่าหวังเลย!”เหมยหงเซว่กระโดดลงมา จากนั้นเอาโทรศัพท์ให้ฉินเทียน
“หัวหน้าดูนี่สิ”
ฉินเทียนเปิดดู เห็นบันทึกจากการโทร หัวเราะเย็นๆ :“คุณหนูของนาย คงจะเป็นพานเหม่ยเออร์สินะ”
อะฝูอึ้งไปชั่วขณะ กัดฟันพูด:“ในเมื่อนายรู้อยู่แล้ว ถ้าเช่นนั้นก็ควรจะรู้ดีว่า พลังของตระกูลพานทั้งมณฑลนะ!”
“หากไม่อยากตาย ก็รีบปล่อยฉันไปเร็วๆ!”
ฉินเทียนเห็นข้อความล่าสุดที่เพิ่งส่งไปได้ไม่ได้นาน จากนั้นหัวเราะอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า:“รายละเอียดเวลาและก็สถานที่ที่พวกนายนัดกับงูเห่าคืออะไร ว่ามา”
อะฝูกัดฟันพูด:“แม้แต่องค์กรงูเห่านายก็รู้?นายเป็นใครกันแน่?”
ฉินเทียนหัวเราะด้วยความเย็นชาแล้วพูด:“ฉันก็คือคนที่พวกนายหาวิธีที่อยากจะฆ่าให้ตายคนนั้นยังไงเล่า”
“นายก็คือฉินเทียน?”อะฝูเบิกตากว้างอ้าปากค้าง คิดจนปวดหัวก็คิดไม่ออกว่า ทำไมฉินเทียนถึงมาอยู่ที่นี่ได้
ทันใจนั้น โทรศัพท์ก็ดังขึ้น คุณหนูโทรเข้ามา
ฉินเทียนขยับ จากนั้นหัวเราะแล้วพูดกับอะฝูว่า:“นายคงรู้นะว่าหลังจากที่รับโทรศัพท์แล้ว ควรจะพูดยังไงดี?”
อะฝูยังอยากที่จะต่อต้าน ด้านข้าง ผีหวูฉางคำรามด้วยเสียงต่ำ พร้อมกับโซ่เหล็กที่ขยับเสียงตบดังตุ้บ ก็ทำให้ก้อนหินใหญ่หนึ่งก้อนตกลงมาจนละเอียด
โดยเฉพาะคนพวกนี้ ที่หัวเราะอย่างร้ายกาจทั้งหมด จากนั้นก็หยิบอาวุธแหลมคมออกมา
เขาสั่นไปครู่หนึ่งแล้วพูด:“เพียงแค่พวกนายไม่ฆ่าฉัน จะให้ฉันทำอะไรก็ได้”
ฉินเทียนเอาโทรศัพท์ส่งให้เขา
“ฮัลโหล คุณหนู……”
“อะฝู นายเป็นอะไร?ทำไมเสียงสั่นเทาขนาดนั้น?”
“ไม่เป็น……ไร ที่นี่หนาวมาก”
“คุณหนู พวกเขาจะมาเมื่อไหร่?”
พานเหม่ยเออร์พูดเสียงต่ำว่า:“ตามสถานที่นั้น เมื่อก่อนมีสัญญาณเบอร์หนึ่ง ตอนนี้เปลี่ยนเป็นสัญญาณเบอร์สาม ”
“เวลา หลังจากหนึ่งชั่วโมง”
“ภาษาลับ อีกฝ่ายจะร้องเสียงนกดุเหว่าสามครั้ง ส่วนนาย กระพริบไฟรถสามครั้ง จำได้ไหม?”
“อะฝู ทำไมไม่พูดล่ะ?รีบพูดเร็ว!”