บัญชามังกรเดือด บทที่ 193 เรียนเชิญคุณฉิน
“เรียนเชิญคุณฉิน”
หูปินและคนอื่นๆ ของตระกูลอาน ร้องตะโกนพร้อมกัน
พวกเขาแยกออกเป็นสองแถวโดยอัตโนมัติ นอกจากจะแสดงสีหน้าตื่นเต้นดีใจแล้ว ยังแฝงไปด้วยความเคารพอย่างหาที่เปรียบมิได้
แม้แต่ท่านนายท่านอาน ยังต้องก้มศีรษะลง
ฉากนี้ราวกับมีระเบิดลงอย่างหนัก ลงกลางหัวของสามทหารเสือของเมืองหลวงทั้งพานโหย่วจื้อ หลี่ชุนจงและเจี่ยเซี่ยวเหลียน!
ใครกันแน่นะ ที่ทำให้นายท่านอานเรียกว่า ผู้มีเกียรติ!
และต้องเป็นคนประเภทไหนกัน ถึงทำให้คนตระกูลอานนอบน้อมถึงเพียงนี้!
ไม่ต้องสนใจอะไรมาก พานโหย่วจื้อ หลี่ชุนจงและเจี่ยเซี่ยวเหลียนต่างก็รู้ได้ทันทีว่า สมควรแล้วที่พวกเขาจะต้องทำความเคารพ
“เรียนเชิญคุณฉิน!”
พวกเขาตะโกนพูดตาม จากนั้น ก็ดึงตัวลูกของตนเองยืนอยู่ด้านข้าง
มีวัยรุ่นหนึ่งคนอายุราวยี่สิบกว่าๆ เดินออกมาจากด้านหลัง
สวมใส่ชุดจงซานจวงสีดำ รูปร่างผอมสูง พร้อมแต่งตัวอย่างหรูหรา
ใบหน้าเกลี้ยงเกลา ยิ้มเบาๆ แววตาลึกคู่นั้นดูสดใส
ราวกับพระอาทิตย์ ส่องสว่างสู่ผืนดิน และคล้ายราวหลุมดำ ที่สามารถกลืนกินได้ทุกอย่าง
ออร่าเปล่งประกายเช่นนี้ สามารถสะกดทุกสายตาได้ในทันที
“นายท่าน เกรงใจเกินไปแล้ว” ฉินเทียนตอบอย่างยิ้มๆ
อานกั๋วจับมือของฉินเทียน หัวเพราะและพูดว่า “วันนี้เป็นวันครบรอบเจ็ดสิบปีของตาเฒ่า ฉันมีเรื่องอยู่สองเรื่องที่รู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง”
“เรื่องแรกคือในที่สุดฉันก็ได้แนะนำหลานสาวอันล้ำค่าให้ทุกท่านได้รู้จัก”
“เรื่องที่สองคือการมาถึงของคุณฉิน!”
“ฉินเทียน ยู่เอ๋อร์ พวกเจ้าเป็นดาวนำโชคของฉันจริงๆ!”
พูดไปพลาง เขาเองก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเลอะเลือน หรือเจตนาจะให้เป็นเช่นนั้น จู่ๆ ก็เอามือของหลิวหรูยู่กับมือของเทียนฉินมาวางซ้อนกัน
หลิวหรูยู่ราวกับมีไฟฟ้าช็อต หน้าแดงขึ้นมาทันที
ในใจของเธอมีหลายพันเสียงเรียกร้อง ให้รีบดึงมือออก คนตั้งเยอะแยะขนาดนี้ อายเขาจะแย่อยู่แล้ว!
แต่ราวกับมือนั้นจะไม่ยอมเชื่อฟัง วางนิ่งอยู่ไม่ขยับแม้แต่น้อย ปล่อยให้มือใหญ่ๆ อันอบอุ่นของฉินเทียนกุมอยู่เช่นนั้นต่อไป
ท่าทีที่ดูเขินอายแต่แฝงไปด้วยความยินดี ดูไปดูมาก็คล้ายกับต้นเหมยต้นหนึ่ง สร้างความประทับใจอย่างไร้ขีดจำกัด
“ฉิน….เทียน?”
“คุณคือฉินเทียนอย่างนั้นหรือ?”
“คุณคือฉินเทียน!” พานโหย่วจื้อสีหน้าเปลี่ยนไป
ฉินเทียนดึงมือออกอย่างไม่ตั้งใจ มองไปที่พานโหย่วจื้อและกล่าวว่า “ท่านคือ?”
อานกั๋วรีบแนะนำว่า “ท่านผู้นี้คือ หัวหน้าตระกูลพาน”
“หัวหน้าตระกูลพานมีสติปัญญาเฉียบแหลม สร้างตัวด้วยมือเปล่า มีกิจการใหญ่โต ฉินเทียน แกทำความสนิทชิดเชื้อกันเอาไว้นะ”
พูดพลางก็กล่าวกับพานโหย่วจื้อว่า “หัวหน้าตระกูลพาน คุณฉินเป็นแขกผู้มีเกียรติของฉัน และจะเป็นคนที่ฉันเคารพมากที่สุดนับจากนี้”
“ต่อจากนี้ที่เมืองหนานเจียงไม่ไว้หน้าฉันไม่เป็นไร แต่ถ้าใครกล้าไม่ไว้หน้าคุณฉินละก็ นั้นหมายความว่าไม่ให้เกียรติฉันตาเฒ่าคนนี้ด้วย!”
“พวกแกทำความสนิทสนมกันไว้ให้มากนะ”
ราวกับมีสายฟ้าฟาดในหัวสมองของพานโหย่วจื้อ!
เขาอ้าปากค้าง พูดไม่ออกไปครึ่งค่อนวัน
หลี่ชุนจงและเจี่ยเซี่ยวเหลียนที่อยู่ข้างๆ ก็อึ้งตามไปด้วย
ท่านนี้คือเทียนฉิน?
คือคนที่พานโหย่วจื้อต้องการให้พวกเขาไปฆ่า?
ในที่สุดพวกเขาทั้งสองก็มีปฏิกิริยาตอบสนอง เขารู้สึกว่ามันเป็นข้อได้เปรียบที่ดี
ฆ่าเทียนฉินคนเดียวก็จะได้ส่วนแบ่งในเมืองหลวงแห่งนี้ไปครอง
ตอนนี้พวกเขารู้ล่ะว่ากำลังโดนพานโหย่วจื้อหลอกซะแล้ว!
ฉินเทียนเป็นแขกผู้มีเกียรติของนายท่านอาน แต่พานโหย่วจื้อกลับให้พวกเขาไปฆ่าฉินเทียนซะอย่างนั้น นี้มันเป็นการส่งพวกเขาไปตายคาดาบของอานกั๋วเลยนะ!
พานโหย่วจื้อเอ๊ย ช่างใจร้ายอะไรเช่นนี้!
ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ให้พวกเราไปฆ่าฉินเทียน จากนั้นให้คนของอานกั๋วฆ่าพวกเราต่อ ส่วนเขาคอยนั่งตักตวงผลประโยชน์ใส่ตน!
เมื่อเป็นเช่นนั้น ทั้งสองจึงรีบดึงมือของฉินเทียน และประจบสอพลอเขาเป็นการใหญ่
หลี่เม่าหลี่เหอ เจี่ยซานเจี่ยจิ่ง ไม่สบอารมณ์สักเท่าไร เพราะเมื่อเห็นฉากนี้แล้ว ประกอบกับคำพูดของนายท่านอาน ก็ทำให้พวกเขารู้ได้ทันที
แสงจันทร์สีขาวหลิวหรูยู่ พวกเขาถูกลิขิตเอาไว้แล้ว
แม้ว่าท่านอาวุโสจะไม่ได้พูดออกมาตรงๆแต่ก็ชี้ชัดได้ว่า ฉินเทียนคือคนที่เขาเลือกไว้ให้เป็นหลานเขย
ไม่เช่นนั้น ฉินเทียนคนที่ไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้า จะได้รับการชื่นชมจากผู้อาวุโสมากมายขนาดนี้ได้เช่นไร?
ท่านอาวุโสนี้รักเขาก็ต้องรักอย่างอื่นที่เป็นของเขาด้วยสิ
แขกผู้มีเกียรติอะไรหล่ะ หลานเขยดีดีนี้เองแหละ!
ไม่มีทางเลือก พวกเขาทำได้แค่ตามน้ำไป พูดว่า “พี่เทียน ขอแสดงความยินดีด้วยนะ!”
“พี่เทียน ฝากเนื้อฝากตัวน้องชายคนนี้ด้วยนะ!”
“พี่เทียนกับคุณหลิวดูเหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก เป็นคู่ที่สมบูรณ์แบบที่สุด!”
ฉินเทียนมีท่าทีนิ่งเฉยกับเรื่องเรื่องนี้ ราวกับไม่ได้สนใจมาก่อน
เขามองไปที่พานโหย่วจื้อและพูดว่า “ที่แท้ก็คือหัวหน้าตระกูลพาน”
“หัวหน้าตระกูลพาน แม้ว่าเราสองคนจะได้พบหน้ากันครั้งแรก แต่ชื่อเสียงของท่านช่างโด่งดัง ผมเลื่อมใสมานานแล้ว”
แววตาของพานโหย่วจื้อโกรธจนลุกเป็นไฟ ในที่สุดตอนนี้เขาก็เข้าใจแล้วว่า ทำไมฉินเทียนถึงได้ใจกล้าและมีพลังมากขนาดนี้!
ที่แท้ก็เป็นคนโปรดของอานกั๋วนี้เอง
การฆ่าและการล้างแค้น!
ความเกลียดชังและแรงอาฆาต!
ผู้เก่งกล้าหลายคนของตระกูลพานต้องตายลงอย่างอนาถ ทั้งหมดนี้ก็เพราะเขา!
ตอนนี้ศัตรูมาอยู่ตรงหน้า แถมยังพูดคุยกับตนด้วยท่าทีนิ่งเฉย
พานโหย่วจื้อกระอักเลือดเต็มปาก อีกนิดก็จะอาเจียนออกมาแล้ว
สมแล้วที่เป็นวีรบุรุษ เขารีบกลืนเลือดกลับคืนลงไปทันที กัดฟันแล้วพูดว่า “คุณฉิน ที่แท้ก็คือผู้ประสบความสำเร็จตั้งแต่วัยรุ่นนี้เอง”
“หวังว่าจากนี้ คงจะมีโอกาสได้รับคำชี้แนะจากคุณฉินนะครับ”
“พูดได้ดี” ฉินเทียนหัวเพราะและพูดกับหลิวหรูยู่ว่า “หอแห้งจัง พวกเราไปดื่มชากันเถอะ”
“อืม” หลิวหรูยู่พยักหน้าด้วยสีหน้าแดงก่ำ เดินไปนั่งข้างๆ พร้อมกับฉินเทียน รินชาให้กับฉินเทียนด้วยมืออันขาวบริสุทธิ์
ฉินเทียนลิ้มรสอย่างสบายอารมณ์
พานโหย่วจื้ออดทนกัดฟันแน่น ตอนนี้เขาอยากจะเปิดไพ่คิงใบสุดท้ายของเขาออกมาก
“ท่านอาวุโส อะเจี๋ยบอกว่า ปีนี้เขาอยากจะเลื่อนอีกสักหนึ่งขั้น จะได้ย้ายมาอยู่ในเมืองซะเลย”
“เจ้าเด็กคนนี้ซาบซึ้งในบุญคุณของท่าน เลยอยากจะกลับมาอยู่ข้างๆ หวังจะได้แสดงความกตัญญูต่อท่านได้บ้าง”
“ท่านเห็นว่าอย่างไรบ้าง?”
ขอแค่ให้เรื่องของพานเจี๋ยประสบความสำเร็จ เร่งวันเร่งคืน ไม่ต้องพูดถึงฉินเทียนหรอก อานกั๋วเองก็เถอะ ตระกูลพานคงไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตา
อานกั๋วพยักหน้าตอบ “นับว่าเป็นเรื่องดี”
“ขอแค่ให้ถูกกฎเกณฑ์และขั้นตอน ฉันก็เห็นดีเห็นงามด้วยทั้งนั้น”
พานโหย่วจื้อ รีบตอบไปว่า “พอจะปรึกษาหารือกับลูกศิษย์ลูกหาของท่านที่เกี่ยวข้องบ้างได้ไหม? ”
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็ยิ่งทำให้มั่นใจมากขึ้น”
พานโหย่วจื้อขมวดคิ้ว พอจะพูดต่อ ทันใดนั้นก็เห็นว่า มีเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบหลายคนเดินเข้ามาจากด้านนอก
“นายท่าน พวกผมมาจากทีมสืบสวน ผมชื่อเหลียนคัง”
“วันนี้มาร่วมอวยพรยินดีให้กับนายท่าน”
ทีมสืบสวน?
อานกั๋วเป็นคนฉลาดหลักแหลม เขาไม่เคยรู้จัก เหลียนคังคนนี้มาก่อน ทำไมจู่ๆ จะมาร่วมอวยพรยินดีถึงที่แบบนี้หล่ะ
ต้องมีสาเหตุแน่ๆ
เขาพยักหน้า และกล่าวว่า “ผู้กองเหลียน คุณมีธุระส่วนตัวอะไรหรือ?”
เหลียนคังยิ้มและตอบว่า “ถ้าผมจะนำตัวคนออกจากงานเลี้ยงวันเกิดของท่าน ท่านจะไม่โกรธใช่ไหม?”
อานกั๋วตอบเสียงดังว่า “ผู้กองเหลียนคุณหมายความว่ายังไง!”
“บ้านเมืองมีกฎหมาย ครอบครัวมีกฎเกณฑ์ ไม่ว่าใครก็ตาม หากทำผิด ย่อมควรจัดการไปตามกฎ”
“เชิญท่านตามสบาย หากมีสิ่งใดให้ผมช่วย ผมยินดีให้ความร่วมมือ!”
เหลียนคังพยักหน้า หันไปยิ้มกับพานเจี๋ยที่ยืนอยู่ข้างๆ และพูดว่า “คนมองเยอะขนาดนี้ พวกเราไม่ต้องใส่กุญแจมือได้ไหม?”
“แน่นอน ผมจะให้ความร่วมมือกับคุณ”
ทันทีที่พูดจบ คนชุดดำหลายคนที่อยู่ด้านหลังเขาก็รีบเข้ามาจับกุมพานเจี๋ยทันที