บัญชามังกรเดือด บทที่ 195 จุยเฟิง
ฟังคำพูดของฉินเทียนแล้ว แววตาของหลิวหรูยู่ ปรากฏถึงความผิดหวังออกมา
แต่ สุดท้ายเธอก็ถอนใจด้วยความโล่งอก ที่แท้เธอก็แค่ตื่นเต้นมากจนเกินไป
เธอเองก็รู้สึกว่า ทฤษฎีของพี่หรงเอง ก็ไม่น่าเชื่อถือเอาซะเลย
หากขอให้เธอมอบรักแรกของเธอให้กับฉินเทียน เธอเองก็คงไม่มีทางปฏิเสธแน่นอน เพราะมันมีเรื่องของบุญคุณเข้ามาเกี่ยว
แต่เธอเข้าใจชัดเจนว่า อย่างน้อยตอนนี้เธอเองก็ไม่ยอมที่จะทำเช่นนั้น
“ไม่ต้องเถียงกันแล้ว”
“พี่หรง เปิดเหล้ามาขวด พวกเรามาดื่มให้กับคุณฉินสักแก้ว” เธอยิ้มและกล่าว
เมื่อหยางหรงรู้ว่าฉินเทียนที่จริงแล้วเป็นคนที่มีคุณสมบัติเช่นนี้ ในใจหล่อนเลยยิ่งนับถือในตัวเขามากขึ้น
เธอพยายามทำตัวเป็นแม่สื่อคุยโวขนาดนี้ ที่จริงแล้วก็เพื่อพิสูจน์ฉินเทียนนั่นเอง
ตั้งแต่หลิวหรูยู่ก้าวเข้าสู่แวดวงบันเทิง เธอเองก็กำลังอบรมอยู่
ในใจของหล่อน นี้คือสาวใหญ่ยังโสด เรื่องที่หล่อนทำไม่ได้ เช่น การรักนวลสงวนตัว หลิวหรูยู่ทำได้หมด
ดังนั้นความรู้สึกที่หยางหรง มีต่อหลิวหรูยู่นั้น เรียกได้ว่าเพิ่มความห่วงใยเป็นอีกเท่าตัว
จะปล่อยให้เธอมอบรักแรกให้กับผู้ชายมักมากในกามง่ายๆ ได้อย่างไร
ดังนั้น เขาเลยต้องพิสูจน์ฉินเทียนสักหน่อย
ถ้าฉินเทียนมีท่าทีกึ่งรับกึ่งสู้ ก็หมายความว่าได้ครอบครองรักแรกของหลิวหรูยู่ เช่นนั้นหล่อนก็จะคิดหาวิธีที่ทำให้หรูยู่ห่างๆ จากฉินเทียนอย่างแน่นอน
ต้องบอกว่าหญิงสาวที่หลงอยู่ในแวดวงบันเทิงก็มีไม่น้อยเลยทีเดียว
ตอนนี้ ไม่ต้องพิสูจน์ฉินเทียนแล้ว ท่าทีของหล่อนเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นมาทันที
“ดูเหมือนว่าจะเป็นรักข้างเดียว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ จากนี้ฉันจะไม่เอ่ยถึงหัวข้อสนทนานี้อีก”
“คุณฉิน ขอคารวะท่าน!”
“ต้องขอบคุณเป็นอย่างมากที่รักษานายท่านจนหายดี และก็ต้องขอบคุณอีกทีที่ให้เกียรติหรูยู่” หล่อนกล่าวด้วยความจริงใจ
ฉินเทียนดื่มเหล้าหนึ่งอึก พูดด้วยท่าทีเคร่งเครียดว่า “ที่จริงแล้ว โรคของนายท่าน ยังรักษาไม่หายหรอก”
“ฮ่ะ?” หลิวหรูยู่และพี่หรงต่างพากันตกใจ
ฉินเทียนอธิบายต่อว่า “นายท่านไม่สบายมานานมากแล้ว ไม่สามารถรักษาให้หายได้ในครั้งเดียว”
“เมื่อครู่นี้ผมเพียงแค่กระตุ้นเส้นเอ็นกล้ามเนื้อให้เขาเท่านั้น พูดง่ายๆ ก็คือ เป็นการอุ่นเครื่องเพื่อเข้ารับการรักษาอย่างจริงจังเท่านั้น”
“เหมือนก่อนการออกกำลังกาย ต้องกระตุ้นกล้ามเนื้อก่อน เพื่อเลี่ยงอาการบาดเจ็บยังไงหล่ะ”
หลิวหรูยู่ถามอย่างรีบร้อนว่า “แล้วเมื่อไรจะเริ่มการรักษาอย่างจริงจังหล่ะ?”
ฉินเทียนตอบ “ผมนัดกับนายท่านว่า หลังจากนี้อีกสามวัน”
“โรคของเขาอยู่ที่ตับและปอด และในสิบสองชั่วยาม เวลาโฉ่วกับเวลาอี๋นจะตรงกับการแบ่งแยกอวัยวะภายในทั้งสองนี้”
“เวลาโฉ่วกับเวลาอี๋นอีกสามวันหลังจากนี้ คือช่วงเวลาตีหนึ่งถึงตีห้า การฝังเข็มในช่วงเวลานี้ จะได้ประสิทธิภาพมากที่สุด”
“ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดละก็ จะสามารถรักษาให้หายขาดได้”
“จากนั้นก็บำรุงรักษาต่อให้ดี จะอยู่ต่อถึงร้อยปีก็ไม่มีปัญหา”
หลิวหรูยู่ถอนใจยาว กล่าวว่า “ฉินเทียน ขอบคุณมากจริงๆ นะ!”
“งั้นสองสามวันนี้คุณก็อยู่ซะที่นี่ ในเมืองหลวงมีที่เที่ยวอีกเยอะ มีของกินอร่อยอีกแยะ ฉันจะไปเป็นไปเพื่อนคุณเอง”
ฉินเทียนส่ายหน้า ตอบว่า “ผมว่าผมกลับหลงเจียงจะดีกว่า”
“ที่นั่นยังมีเรื่องอีกเยอะที่จะต้องทำ วางใจเถอะ เมื่อถึงเวลานั้นผมจะกลับมาให้ตรงเวลาแน่นอน”
“งั้นฉันไปกับคุณด้วย!” หลิวหรูยู่บอกและอธิบายต่อว่า “คุณลืมไปแล้วหรือว่าตอนนี้ฉันเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้กับบริษัทของภรรยาคุณอยู่นะ”
“ครั้งที่แล้วยุ่งมากเกินไปหน่อย พอดีตอนนี้มีเวลาแล้ว ฉันเลยอยากทำความเข้าใจในตัวผลิตภัณฑ์และก็ภรรยาของคุณ คุณซูซูสักหน่อย”
“ฉันรู้สึกว่าเขาเป็นผู้หญิงที่ยอดเยี่ยมมากเลย ฉันว่า พวกเราสามารถเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้นะ”
ฉินเทียนยิ้มและตอบว่า “ลืมเรื่องสำคัญนี้ไปเลย”
“แม้ว่าคุณจะเข้าร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัวเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์แล้ว แต่จากนี้ยังมีงานที่ต้องทำอีกมากนะ”
พี่หรงคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ตอบว่า “ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นพวกเราอย่าเสียเวลาเลย”
“ฉันจะติดต่อทีมฝ่ายผลิตเดี๋ยวนี้ ใช้เวลาแค่สามวันถ่ายทำโฆษณาและวิดีโอส่งเสริมการขายทั้งหมด”
ฉินเทียนตอบว่า “ขอบคุณมากเลยนะ!”
“มา ผมขอแสดงความขอบคุณพวกคุณแทนภรรยาของผม”
นี้คือการขอบคุณที่มาจากใจ
หยางหรงและหลิวหรูยู่ยิ้ม ดื่มทีเดียวหมดแก้ว
ต่อมา ทั้งสามพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน อาหารมื้อนี้ มันฟินสุดๆ ไปเลย
โดยเฉพาะเมื่อพูดถึงเรื่องการหลบเลี่ยงของคืนวานนี้ หลิวหรูยู่ก็หัวเราะจนตัวงอ
เมื่อตอนใกล้จะกินเสร็จ อานกั๋วก็จัดการเรื่องก่อนหน้านี้ และทนรอต่อไปไม่ไหว
พอเห็นหม้อไฟ ก็รู้สึกอยากกินขึ้นมา ลงนั่งกินอาหารที่เหลือบนโต๊ะต่อ
ทำเอาคนอื่นตกใจราวกับเห็นผี
แต่นี้คือราชาแห่งหนานเจียง!
กินหม้อไฟที่เหลือจากเด็กรุ่นหลังหรือ?พูดไปก็คงไม่มีใครเชื่อ
แต่เห็นนายท่านสบายใจแบบนี้ คนอื่นๆ ก็เลยรู้สึกปลง ไม่ได้เห็นรอยยิ้มแบบนี้บนใบหน้าเขามากี่สิบปีแล้วนะ
ซูซูไม่สบายใจ เลยโทรศัพท์มาจากหลงเจียง ถามฉินเทียนว่าจะกลับเมื่อไร
ฉินเทียนรีบลุกขึ้น และนัดเวลาการรักษาครั้งต่อไปกับอานกั๋ว แล้วก็ขอตัวแยกย้ายกลับ
อานกั๋วออกไปส่งที่ด้านนอกด้วยตัวเอง พอถึงประตูหน้าลาน ฉินเทียนรู้สึกใจแป้ว เงยหน้าขึ้นมอง
เห็นจุยเฟิง สีหน้าไร้ความรู้สึกยืนอยู่ห้าประตู แววตาคู่นั้น เหมือนสัตว์ร้ายที่ถูกขังไว้ จ้องมองมาที่ฉินเทียน
อานกั๋วยิ้มและพูดว่า “จุยเฟิง คุณฉินและสาวน้อยต้องไปหลงเจียง แกคอยคุ้มครองพวกเขาด้วยนะ”
จุยเฟิงมองจ้องฉินเทียน พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ประลองกันสามดาบ แล้วค่อยว่ากัน”
ก่อนหน้านี้เคยถูกฉินเทียนปราบปรามในระยะประชิดมาก่อน แม้แต่มีดยังไม่ทันจะได้ชักออกมาเลยด้วยซ้ำ ปมในใจนี้ จุยเฟิงยอมรับไม่ได้
ตอนนี้ เรื่องมันจบไปแล้ว เขามาหาฉินเทียน เพื่อต่อสู้กันอย่างเป็นทางการสักหน่อย
ครั้งที่พ่ายแพ้ไป เขารู้สึกว่า เขาเผชิญหน้ากับฉินเทียน ในระยะกระชั้นชิดเกินไป ทำให้ไม่มีโอกาสได้ชักมีดออกมา
แต่ถ้าเป็นศัตรูกันจริงๆล่ะก็เขาคงไม่ปล่อยโอกาสให้คู่ต่อสู้เข้าใกล้เขาได้มากแบบนี้
เช่นตอนนี้ ทั้งสองห่างกันสามเมตร เขาอยากจะชักมีดออกมา ฉินเทียนคงไม่มีโอกาสหยุดยั้งเขาได้แน่นอน
ตราบใดที่เขาได้ชักดาบออกจากฝัก จุยเฟิงเชื่อว่า บนโลกนี้จะมีคนที่หลบหนีเขาไปได้
“จุยเฟิง คุณฉินเป็นผู้มีบุญคุณของฉัน อย่าเสียมารยาท”
“ออกไปให้พ้น” อานกั๋วพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
จุยเฟิงไม่ขยับ จ้องมองแต่ฉินเทียน และพูดว่า “ถ้าคุณยอมรับว่ารับสามดาบของผมไม่ได้ ผมจะยอมเปิดทางให้”
“เจ้าเด็กคนนี้ แม้แต่คำพูดของฉันก็ยังไม่ฟังอีกหรือ”
“ฉินเทียน เธออย่าถือสาเขาเลยนะ” อานกั๋วยิ้มและมองไปที่ฉินเทียน
ฉินเทียนยิ้มแหยๆ และพูดว่า “นายท่าน ท่านเองก็ไม่อยากจะห้ามปรามเขาใช่ไหม?”
อานกั๋วหัวเราะและพูดว่า “ถึงแม้ฉันจะแก่แล้ว แต่ก็ไม่อยากดูวัยรุ่นอย่างพวกเธอสองคนต้องมาต่อสู้กันหรอกนะ”
“ฉินเทียน ฉันเองก็อยากรู้นะว่าเธอจะรับสามดาบของจุยเฟิงได้ไหม??”
หลิวหรูยู่รีบพูดว่า “คุณปู่ นี้มันเรื่องตลกใช่ไหม?”
“ท่านอย่าลืมนะว่าอีกสามวันหลังจากนี้ฉินเทียนจะต้องมารักษาอาการป่วยของท่านอีก ถ้าหากว่ามีอะไรเกิดขึ้น ถึงเวลาจะทำยังไงล่ะ?”
“ซนเป็นเฒ่าทารกจริงๆ!”
“ยังไม่รีบให้จุยเฟิงหลีกทางอีกหรือ”
อานกั๋วถูกหลานสาวตำหนิ จนทำหน้าไม่ถูก ได้แต่หัวเราะและพูดว่า “เป็นเพราะปู่แก่มากจนเลอะเลือน”
“จุยเฟิง ฉันรู้ว่าแกอยากจะหาคู่ต่อกรมาตลอด วางใจเถอะ เดี๋ยวฉันเองจะหาให้แกสักคน”
“รีบหลีกทางไปซะ”
จุยเฟิงลังเลอยู่ชั่วครู่ ก็เตรียมที่จะหลีกทางให้
เพราะหลิวหรูยู่พูดไว้แล้วว่าฉินเทียนต้องมารักษาอาการป่วยของนายท่าน ถ้าตอนนี้เขาทำให้ฉินเทียนได้รับบาดเจ็บ คงแย่แน่ๆ
ภายในใจของเขา แม้ว่าศัตรูจะสำคัญ แต่ก็ไม่สำคัญเท่ากับนายท่าน
“ในเมื่อน้องจุยเฟิงดื้อรั้นแบบนี้ งั้นผมจะรับสักสองสามดาบของคุณก็แล้วกัน” ฉินเทียนยิ้มและตอบ
เป็นเรื่องยากที่จะได้เจอคนที่บริสุทธิ์อย่างจุยเฟิง ฉินเทียนเลยไม่อยากทำให้จุยเฟิงต้องผิดหวัง
และเขาเองก็อยากรู้ว่า ดาบของจุยเฟิง มันจะเร็วขนาดไหนกันเชียว