บัญชามังกรเดือด บทที่ 232 ล้างไม่ออก
สีหน้าของฉินเทียนก็เปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมา เขานึกไม่ถึงว่า สถานการณ์จะมาถึงขั้นนี้
จะฆ่าล้างครั้งใหญ่จริงเหรอ?
ฉินเทียนไม่แยแส เรื่องฆ่าคน
นักฆ่าตรงหน้าเหล่านี้ ต่อให้มากกว่าสิบเท่าก็ทำอะไรเขาไม่ได้
เพียงแต่ ไม่ถึงตาจนเขาก็ไม่อยากทำอย่างนั้น
เพราะเขารู้ว่า หลาย ๆ คนในนี้ความผิดไม่ถึงขั้นต้องตาย หลายคนถูกคนชั่วบงการ
อยู่ ๆ เขาก็เห็นจุยเฟิงที่อยู่ข้างโลงศพ
น่าแปลก สถานการณ์รอบ ๆ เกิดการเปลี่ยนแปลงขนาดนี้ สีหน้าจุยฟงยังเฉยเมยราวกับไม่เห็นอย่างนั้น
ไม่ถูกสิ!
ฉินเทียนรู้สึกว่าตัวเองมองข้ามอะไรไป
เห็นเขาไม่พูดจา หูปินก็ร้อนใจเอ่ยว่า: “นายได้ยินมั๊ย?”
“เดี๋ยวฉันจะขวางพวกเขาไว้ นายต้องหาทางช่วยนายท่านฟื้นให้ได้”
“บอกตามตรง ในมือของนายท่าน ยังมีกำลังแฝงอยู่อีกส่วนโดยการนำของราชาลับ”
“มีเพียงนายท่านที่ปลุกชีพราชาลับได้ เมื่อถึงตอนนั้น พวกทรยศเหล่านี้ก็ไม่น่ากลัวเลย!”
ราชาลับ?
อยู่ ๆ ฉินเทียนก็สะกิดใจหัวเราะฮ่า ๆ เอ่ยว่า: “เสี่ยวเฟิงเฟิง นายมันยังนิ่งอยู่ได้จริง ๆ!”
“ถ้านายยังไม่พูดออกมา เดี๋ยวพลาดช่วงที่จะปลุกชีพนายท่าน ข้าจะไม่รับผิดชอบนะ!”
พอจุยเฟิงได้ยิน ในที่สุดก็เหลียวมาจ้องฉินเทียนอย่างดุเดือด
พูดอย่างอารมณ์เสียว่า: “คิดได้ขนาดนี้นายยังเป็นคนอยู่เหรอเปล่า?”
ฉินเทียนด่าว่า: “ฉันอาจจะไม่ใช่คน แต่นายสิหมาแน่นอน!”
พอนึกถึงเรื่องที่ถูกหมอนี่หลอกอยู่นานเขาก็มีน้ำโหขึ้นมาจริง ๆ
หลี่ชุนรอไม่ไหวแล้ว พูดด้วยเสียงดังว่า: “พี่น้องทั้งหลาย จงฟังคำสั่งฉัน ฆ่ามันซะ!”
เพราะเขารู้ว่า หยางเจี้ยนไม่กล้าฆ่าเขา ไว้เขาจัดการหูปินกับพวกเสร็จ หยางเจี้ยนต้องร้องขอชีวิตแน่
พอสิ้นน้ำเสียงของเขา จุยเฟิงก็ค่อย ๆ ชูมือขึ้น ในมือถือป้ายอยู่ชิ้นหนึ่ง
เขาพูดด้วยเสียงเยือกเย็นว่า: “องค์กรลับจงฟังคำสั่ง”
องค์กรลับ?
เป็นคำที่ไม่คุ้นเลย ทุกคนทั้งหมดในสถานที่เกิดเหตุต่างตะลึงกันชั่วครู่
จากนั้น พอเห็นป้ายในมือของจุยเฟิง
คนสนิทเหล่านั้นของหลี่ชุนในสถานที่เกิดเหตุ คนเหล่านั้นที่อยากฆ่าหูปินเพื่อล้างแค้นให้นายท่าน อีกทั้งลูกสมุนของตระกูลหลี่กับตระกูลเจี่ย
อย่างน้อยครึ่งหนึ่งในบรรดาพวกเขาเก็บอาวุธแล้วทำความเคารพต่อจุยเฟิง
พูดเสียงดังว่า: “คารวะราชาลับ!”
ราชาลับ!
ไม่คิดว่าจุยเฟิงจะเป็นราชาสวรรค์ลับที่ลึกลับผู้นั้น!
สิ่งที่ทำให้เหลือเชื่อที่สุดก็คือ ไม่คิดว่าสมาชิกองค์กรลับจะอยู่ทุก ๆ ที่!
ไม่ใช่แค่ลูกสมุนในตระกูลอัน แม้แต่ในตระกูลหลี่กับตระกูลเจี่ย ก็ซ่อนตัวอยู่มากมาย!
สถานการณ์พลิกผัน
ฉากที่เห็นในตอนนี้ ทำหลี่ชุนสับสน
“เป็นไปไม่ได้ มันเป็นไปได้ยังไง?”
“พวกนายจงฟังคำสั่งฉัน รีบฆ่ามันซะ!”
หลี่ชุนจงกับเจี่ยเซี่ยวเหลียนก็รีบสั่งการลูกสมุนตระกูลของพวกเขา
ทว่า นักฆ่าเหล่านี้ ท่าทางเหมือนไม่ได้ยิน สีหน้าของพวกเขาเยือกเย็น เห็นชัด ๆ ว่า ฟังคำสั่งแค่คนเพียงคนเดียว
นั่นก็คือ ราชาลับ จุยเฟิง
จุยเฟิงพูดอย่างเยือกเย็นว่า: “เคลียร์พื้นที่ หลีกทางให้คุณฉิน”
“ครับ!”
องค์กรลับลงมือ เข้าควบคุมกำลังฝ่ายทรยศได้อย่างง่ายดาย ควบคุมตัวพวกเขาไปอีกด้าน แหวกทางออกเป็นหนึ่งทาง
หลิ่วหรูยู่ที่อยู่ในอ้อมอกของฉินเทียน พูดด้วยสีหน้าที่เหลือเชื่อว่า: “นายท่านไม่ได้ตายจริง ๆ เหรอ?”
“นายทำให้เขาฟื้นได้จริง ๆ เหรอ?”
ฉินเทียนมองหญิงสาวในอ้อมอก อดพูดอย่างยิ้มแหย ๆ ไม่ได้ว่า: “คุณตัวติดผมอย่างนี้ แล้วผมจะช่วยเขาได้ยังไง?”
หลิ่วหรูยู่ถึงได้รู้ตัวว่า เธอเหมือนจี้ห้อยคอ ไม่คิดว่าตัวจะแนบอยู่กับอกของฉินเทียน
ใบหน้าเธอแดงระเรื่อในฉับพลัน รีบถอยไปอีกทาง
ฉินเทียนจึงถอนใจแล้วสาวเท้าเดินไปที่โลงศพที่ทำด้วยไม้หนานมู่
“ฉินเทียน นายท่านไม่ได้ตายจริง ๆ เหรอ?” สีหน้าหนิงทงดูตื่นเต้น
ราชาหยกยู่หลิงหลง ตั้งแต่ฉินเทียนปรากฏตัว นัยน์ตาดวงสวยของเธอก็สั่นระเรื่อมองดูฉินเทียนตลอด
ริมฝีปากบาง ๆ เผยอเล็กน้อยพูดด้วยรอยยิ้มว่า: “เหล่าหนิง วางใจเถอะ”
“ท่าทางคุณฉินมั่นใจอย่างนี้ ก็น่าจะไม่มีปัญหา”
“คุณฉิน รบกวนแล้ว”
มีกลิ่นหอมกลิ่นหนึ่งโชยมา ฉินเทียนอดมองไปทางยู่หลิงหลงไม่ได้
ไม่คิดว่าจะเห็นเธอกะพริบตาปริบ ๆ ให้ ทำให้เหมือนถูกไฟช็อตรีบหันกลับมา
หญิงสาวเสน่ห์เย้ายวนผู้นี้ กำลังให้ท่าเขาอยู่ใช่มั๊ย?
ในสายตานั้น ราวกับแฝงด้วยความหมายลึกซึ้ง
ฉินเทียนรู้สึกแปลก ๆ
ว่าแต่ เวลาคับขันไม่มีเวลาไปสนใจอะไรมากมายอย่างนั้นแล้ว
พอเขามาถึงหน้าโลงศพที่ทำจากไม้หนานมู่ มองดูสีหน้าเหมือนมีชีวิตของอันกั๋วที่นอนอยู่ในนั้น พูดด้วยเสียงขรึมว่า: “นายท่าน หลับพอแล้วมั๊ง?”
“ได้เวลาแล้ว ตื่นขึ้นมา!”
พูดเสร็จ อยู่ ๆ ก็สูดลมหายใจเข้า รวมพลังไว้ที่ฝ่ามือ ตบลงไปที่หัวใจของอันกั๋ว
“ไม่นะ!” หลิ่วหรูยู่ตกใจที่เห็นฉินเทียนระเบิดกำลังเช่นนี้
คนอื่น ๆ รวมถึงจี้เจินกับหลี่ชุนที่ถูกจับเป็นเชลยต่างก็เบิกตาโพล่ง
ยามนี้ พวกเขาจึงเข้าใจว่าหลงกลเข้าแล้ว แต่ว่า ทั้งที่อันกั๋วได้ตายแล้ว
คืนชีพได้จริงเหรอ?
ที่เกิดเหตุเงียบสนิทขนาดเข็มตกพื้นยังได้ยิน
ทุกคนกลั้นลมหายใจ
“แค่ก!”
เสียงไอที่ดูแก่เสียงหนึ่งดังออกมาจากโลงศพ อันกั๋วลุกขึ้นนั่ง ขากเสมหะออกมา
ร่างกายของเขาถูกผนึก สองสามวันมานี้ อยู่ในท่าเด็กทารกที่อยู่ในอ้อมอกของมารดาตลอด
ฝ่ามือฝ่านั้นของฉินเทียน ส่งพลังถูกจุดกระตุ้นหัวใจของเขา
เมื่อหัวใจเริ่มเต้นอีกครั้ง เลือดและพลังชีวิตใหม่ในร่างกายของเขาก็สูบฉีด
สีหน้าดูเหมือนซีดเซียว แต่เห็นได้ชัดว่าจิตวิญญาณไม่เลวเลย
เหมือนกับคนป่วยมานานที่เพิ่งตื่นนอน
เขาบิดขี้เกียจพูดขึ้นว่า: “ดูคึกคักดี”
“อยู่กันทุกคนเลยเหรอ”
หลังจากเงียบกันไปชั่วครู่
“คุณปู่!” หลิ่วหรูยู่ก็ตอบสนองส่งเสียงเรียกเหมือนนกน้อยตัวหนึ่งกระโจนเข้าใส่
กอดแขนของอันกั๋วไว้ หัวเราะไปร้องไห้ไป ดูแล้วน่าตลก
แต่ว่า ในเวลานี้ไม่มีใครสักคนที่หัวเราะเยาะเธอ
“ดีจัง!”
“นายท่านฟื้นแล้ว!”
“ยินดีกับนายท่านด้วย!”
ที่เกิดเหตุคึกคักขึ้นมา!
จนตอนนี้ ความจริงได้ปรากฏ ต่อให้คนโง่ก็เข้าใจได้
แสดงให้เห็นว่านายท่านร่วมมือกับฉินเทียน จุยเฟิงและหูปิน ใช้อาการป่วยเล่นละครฉากใหญ่
“ฝีมือคุณฉินดีจริง ๆ”
“ขอบคุณที่รักษานายท่านให้หายได้ ตอนนี้ ช่วยรับการคารวะจากยู่หลิงหลงด้วย”
ยู่หลิงหลงพูดเสร็จก็ถอนตัวตัวคารวะ
“คุณชาย โปรดรับการคารวะของฉันด้วย!”
หูปิน หนิงทง รวมถึงจุยเฟิง คนตระกูลอันทั้งหมดต่างทำการโค้งคำนับ
ยามนี้ ในสายตาของพวกเขา ฉินเทียนก็คือเทพเซียนในโลก
“คุณปู่ รู้สึกยังไงบ้าง?”
“มีตรงไหนไม่สบายมั๊ย?” หลิ่วหรูยู่ประคองอันกั๋วออกจากโลงศพอย่างระมัดระวัง
อันกั๋วได้เกิดใหม่อีกครั้งก็รู้สึกใจหาย
เขาจูงมือหลิ่วหรูยู่เอ่ยว่า: “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว หรูยู่ เธอไปคารวะขอบคุณคุณฉินแทนปู่ที”
“เป็นเขา ที่ทำให้ปู่เกิดเป็นคนอีกครั้ง!”
หลิ่วหรูยู่มองไปทางฉินเทียน
นาทีนี้ ร่างกายที่ผ่ายผอมของเขาก็ผงาดขึ้นผ่าเผยอย่างภูมิใจ เหล่าวีรชนรอบ ๆ ต่างโค้งศีรษะ คำนับพร้อมกัน
ขับให้เขายิ่งดูโดดเด่น
ใบหน้าหลิ่วหรูยู่แดงระเรื่อ ดวงตาที่สวยงามของเธอสั่นระริกเดินไปหาฉินเทียน
ฉินเทียนไม่ได้รู้สึกวิเศษอะไรจึงรีบเอ่ยว่า: “คือว่า พอได้แล้ว เป็นสิ่งที่ผมควรทำ……เอิ่ม!”
ยังไม่ทันพูดจบ ก็พูดไม่ออกแล้ว เพราะว่าหลิ่วหรูยู่เดินอีกไม่กี่ก้าวก็มาถึงตรงหน้าเขา
ยื่นมือประคองใบหน้าของเขา เขย่งปลายขาขึ้น ประทับริมฝีปากสีแดงลงบนปากของเขาอย่างดูดดื่ม
ฉินเทียนเบิกตากว้าง
เห็นโฉมหน้าหลิ่วหรูยู่ที่สวยงามในระยะประชิด เสียงความสิ้นหวังในใจของเขาก็ดังขึ้น
ตาย ๆ……
ตอนนี้ โดดลงแม่น้ำเหลืองก็ล้างไม่ออกแล้ว!