บัญชามังกรเดือด บทที่ 244 นักรบคุณธรรมแห่งเป่ยเจียง
เมื่อเผชิญหน้ากับแววตาที่ดูแรงกล้าของถงจิ่ง สุดท้ายฉินเทียนจึงกัดฟันแน่นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น: “ตระกูลฉินแบบนี้น่ะ ไม่กลับก็ไม่เป็นไร”
หลังจากพูดจบ สีหน้าของเขาก็กลับมาเย็นชาเหมือนเดิมอีกครั้ง ก่อนจะหันหลังก้าวเท้าเดินออกไปโดยที่ไม่หันหน้ากลับอีกเลย!
หลิวเช่อพูดเสียงดัง: “ขอน้อมส่งคุณชายใหญ่ครับ!”
“หลิงหลง ผมเคลื่อนที่ไม่ค่อยสะดวก คุณช่วยไปส่งคุณชายใหญ่และนายท่านอันที่ริมแม่น้ำแทนผมหน่อย!”
“งั้นคุณรอฉันกลับมานะคะ”ยู่หลิงหลงพูดอย่างเป็นห่วงคำหนึ่ง ก่อนจะรีบเดินตามฝีเท้าของฉินเทียน
“ไม่ว่ายังไงก็เป็นญาติในสายเลือดที่สนิทที่สุดอยู่ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย ไม่เร็วก็ช้าก็จะจัดการเรื่องนี้ได้เองค่ะ……”
เธอพูดโน้มน้าวคำหนึ่ง เมื่อเห็นว่าฉินเทียนเย็นชาไม่พูดอะไร เธอจึงอดไม่ได้ที่จะพูด: “คุณอย่ารีบสิคะ!”
“คุณคิดว่าสภาพแบบนี้จะสามารถออกจากเป่ยเจียงได้หรือ?”
“อย่าลืมนะคะ ตอนนี้ภายนอกพวกเรายังเป็นศัตรูคู้แค้นกันอยู่นะคะ”
ได้ยินแบบนี้ฉินเทียนถึงจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา: “แล้วคุณว่าคุณจะทำยังไงดี?”
ยู่หลิงหลงถลึงตาใส่เขาทีหนึ่งแล้วพูด: “โชคดีนะที่คุณไม่ใช่ลูกเขยของฉัน ไม่งั้นฉันคงเหลากบาลคุณไปอย่างอดใจรอไม่ไหวแล้วค่ะ”
“ทำไมพอถึงเวลานี้สมองคุณก็เปล่งปลั่งแล้วคะ?”
“ยังไม่รีบจับมือของฉันไว้อีก!”
“หื้ม?”ฉินเทียนตอบสนองกลับมาไม่ค่อยได้
ยู่หลิงหลงพูดอย่างไม่สบอารมณ์: “จับมือของฉันเอาไว้ ฉันก็จะกลายเป็นเชลยศึกของคุณ ผู้คนในเป่ยเจียงจะได้ไม่กล้าแตะต้องตัวคุณไงล่ะคะ”
เธอพูดอย่างไม่สบอารมณ์คำหนึ่ง ก่อนจะเป็นฝ่ายยื่นมือไปจับมือของฉินเทียนเอาไว้
พื้นฐานของผู้หญิงคนนี้ดีเกินไปแล้ว ฉินเทียนปฏิเสธไม่ได้เลยว่าผิวพรรณที่เหมือนดั่งตุ๊กตาพอร์ซเลนนั่นของหลิวชิงเหยา ได้รับการถ่ายทอดมาจากเธอที่เป็นแม่
บวกกับการบำรุงดูแลช่วงหลัง คนอายุ 40 กว่าแล้ว แต่ฝ่ามือยังนุ่มลื่นเหมือนหญิงสาวคนหนึ่งอยู่
มองดูสีหน้าท่าทางของเธอในตอนนี้ ในใจฉินเทียนก็ถึงกับมีความรู้สึกแปลก ๆ เกิดขึ้น
“อย่าคิดอะไรมั่วซั่วนะ ฉันอายุปานนี้แล้ว ใกล้จะเป็นแม่คุณได้แล้วนะคะ”
“คุณเป็นรุ่นราวคราวเดียวกันกับลูกสาวฉัน”ยู่หลิงหลงยิ้มพลางพูด ลักษณะท่าทางของเธอในตอนนี้เหมือนเด็กวัยรุ่นคนหนึ่ง
สีหน้าของฉินเทียนแดงก่ำขึ้นมาชั่วขณะ ดึงมือของยู่หลิงหลงแล้วเดินออกไปข้างนอก ในสายตาของคนอื่น มันเป็นการนำตัวยู่หลิงหลงมาเป็นตัวประกัน
ระหว่างทาง ไม่มีคนเข้ามาสกัดกั้นจริง ๆ ด้วย
ณ ริมแม่น้ำ เมื่อเห็นว่าเขาและอานกั๋วมาถึงอย่างปลอดภัย จุยเฟิงจึงรีบควบคุมเรือไปเทียบฝั่งอย่างสุดชีวิต
ยู่หลิงหลงกำชับฉินเทียนด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาไปสองสามคำ ฉินเทียนกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ทันใดนั้นเองก็มีเสียงเอะอะโวยวายดังลั่นมาจากตำแหน่งที่ห่างออกไปไกล
“คุณหญิง อย่าปล่อยตัวไอ้แซ่ฉินนั่นไปนะ!”
“รีบสกัดมันเอาไว้!”
“สกัดกั้นไอ้แซ่ฉินนั่นเอาไว้!”
“มันฆ่าราชาเป่ยเจียง!”
“มันใช้พิษฆ่าราชาเป่ยเจียง!”
คนนับร้อยที่ดำมืดเป็นแถบพุ่งตรงเข้ามาด้วยดวงตาที่แดงเถือก
“เกิดอะไรขึ้น?”
“พิษของราชาเป่ยเจียงกำเริบหรือ? เขาบอกว่าหาหนทางรักษาได้แล้วไม่ใช่หรือ?”ฉินเทียนมองหน้ายู่หลิงหลงแล้วถามอย่างตื่นเต้น
ไม่รู้ว่าดวงตาของยู่หลิงหลงแดงก่ำขึ้นมาตั้งแต่ตอนไหน
เธอมองหน้าฉินเทียนพลางยิ้มอย่างเศร้าสลดพลางพูด:
“เขารู้อยู่ว่ามีเพียงเขาตายไปแล้ว อีกทั้งเสียชีวิตอยู่ในกำมือของคุณ ท่านถงถึงจะกลับไปรายงานเรื่องนี้ได้”
“และสิ่งที่สำคัญมากกว่านั้นคือ ตระกูลฉินก็จะไม่สงสัยว่าเป่ยเจียงสมคบกับคุณ”
“เมื่อเป็นแบบนั้นแล้ว เป่ยเจียงถึงจะกลายเป็นหมากลับของคุณอย่างแท้จริง”
“เขาตัดสินใจเด็ดขาดตั้งนานแล้วว่าจะตาย และที่ไม่อยากตายต่อหน้าฉันและคุณนั้น ก็เป็นเพราะกลัวว่าพวกเราจะเสียใจ”
“รีบไปเถอะ อย่าปล่อยให้เขาตายฟรี!”
เธอร้องไห้พลางดันตัวฉินเทียนขึ้นเรือ
“แล้วคุณล่ะครับจะเอายังไงต่อ?”ฉินเทียนถามอย่างเร่งรีบ
ยู่หลิงหลงตอบกลับด้วยน้ำตาที่คลอเบ้า: “เขาอาศัยมือคุณกำจัดกลุ่มคนที่ไม่ปลอดภัยทิ้งแล้ว คนสนิทที่เหลือจะเคารพฉันเป็นราชาเป่ยเจียงองค์ใหม่”
“ถึงเวลานั้นฉันจะติดต่อหาคุณเองค่ะ”
ฉินเทียนยังอยากพูดอะไรต่อ จุยเฟิงกลับออกคำสั่งเสียงดัง: “ให้เร็ว!”
“ออกเรือ!”
เรือลำใหญ่พุ่งลงแม่น้ำ มุ่งหน้าตรงไปยังกลางแม่น้ำ ฉินเทียนยืนอยู่บนหัวเรือ มองดูยู่หลิงหลงที่ยืนอยู่บนฝั่งค่อย ๆ เลือนรางไป
ลมแม่น้ำพัดโบกเส้นผมและปกเสื้อคลุมของเธอ มองแล้วดูเต็มเปี่ยมไปด้วยความงามที่เยือกเย็นและอ้างว้าง
เมื่อนึกได้ว่าเพื่อเป็นการช่วยตัวเอง หลิวเช่อถึงกับรนหาที่ตายเอง ดวงตาเขาก็แดงเถือกขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้
อานกั๋วถอนหายใจแล้วพูดกดเสียงต่ำ: “คุณผู้ชายครับ ก่อนที่คุณและผมจะมาที่นี่ หลิวเช่อก็ตั้งใจอย่างแน่วแน่แล้วว่าจะตาย”
“พิษที่อยู่ในร่างกายเขาก็ไม่อนุญาตเขามีชีวิตรอดต่อไปเช่นกัน”
“ผมเคยบอกกับเขาว่าบางทีคุณผู้ชายอาจจะมีหนทางรักษา ทว่าเขากลับตอบปฏิเสธ”
“เขาบอกว่าหนึ่งเป็นเพราะ ในเมื่อไม่เคยทำคุณประโยชน์อะไรให้ จึงจะไม่รับรางวัลค่าตอบแทน เขาไม่คู่ควรกับการให้คุณผู้ชายใช้เข็มเทพ”
“สองเป็นเพราะเขาจะทำคำฝากฝังของท่านถงให้สำเร็จ เขาบอกว่าท่านถงเป็นผู้มอบชีวิตให้แก่เขา การที่มีชีวิตอยู่ต่อได้ 20 ปีนั้น ถือเป็นบุญคุณจากสวรรค์แล้ว”
ฉินเทียนถอนหายใจแล้วพูด: “นักรบคุณธรรมแห่งเป่ยเจียง มีชื่อเสียงสมคำร่ำลือจริง ๆ ”
ฝั่งหนานเจียง พวกหูปินร้อนใจจนอดทนต่อไปไม่ไหวตั้งนานแล้ว
“มาแล้ว!”
“เรือมาแล้ว!”
มีเพื่อนที่ตาดี มองเห็นเรือลำใหญ่ที่กำลังขับตรงเข้ามาอย่างรวดเร็ว จึงตะโกนเสียงดังอย่างตื่นเต้นดีใจ
ไม่นานนัก จากการที่เรือยิ่งอยู่ยิ่งใกล้เข้ามา เมื่อมองเห็นฉินเทียน อานกั๋วและจุยเฟิงที่อยู่บนหัวเรือแล้ว พวกเขาก็ร้อนระอุขึ้นมา
“คุณฉินเกรียงไกร!”
“คุณฉินพานายท่านกลับมาแล้ว!”
“นายท่านปลอดภัย!”
“เฮ้!”
คนนับพัน ทั้งกระโดดโลดเต้นทั้งตะโกนอยู่ริมแม่น้ำ
ทันใดนั้นเอง พวกเขาก็สงบลง กลุ่มคนริมแม่น้ำแยกออกเป็นทาง ก่อนที่จะมีหญิงสาวที่รูปร่างอ่อนช้อยดั่งเทพธิดาคนหนึ่งเดินมาจากด้านหลัง
จากการที่เสียงดนตรีดังขึ้น ดวงตาที่งดงามของเธออิ่มเอิบไปด้วยอารมณ์รัก เต้นรำอยู่ริมฝั่งแม่น้ำอย่างอ่อนโยน
ท่าเต้นที่งดงาม ทำให้น้ำในแม่น้ำยังหยุดไหลเพื่อชมการเต้นรำ
จุยเฟิงกลืนน้ำลายอึกหนึ่งแล้วพูดกดเสียงต่ำ: “ผลงานสร้างชื่อของคุณหนู มีชื่อเสียงสมคำร่ำลือจริง ๆ เลยนะเนี่ย”
จากนั้นเขาก็จงใจมองไปทางฉินเทียนแล้วพูด: “พี่ฉิน สวยไหมครับ?”
ฉินเทียนรีบดึงสายตากลับมา ตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์: “ฉันไม่เข้าใจเรื่องการเต้นรำสักหน่อย ฉันจะไปรู้ได้ยังไง!”
ถึงแม้จะพูดแบบนี้ แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองอีกครั้ง
และแววตาเกี่ยววิญญาณนั่นของหลิวหรูยู่ก็มองมาทางเขาพอดี
เขาจึงรีบเบนสายตาไปทางอื่น
การเต้นรำหนึ่งเพลงได้จบลง เสียงเชียร์ก็ดังสนั่นหวั่นไหว
เรือลำใหญ่เทียบท่า หลิวหรูยู่วิ่งตรงเข้ามาอย่างตื่นเต้นดีใจ: “คุณปู่ คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ!”
“หนูเป็นห่วงเป็นบ้าเลย!”
อานกั๋วจูงมือหลิวหรูยู่ หัวเราะฮ่า ๆ เสียงดังพลางพูด: “พึ่งพาบารมีของคุณฉินน่ะ ยังสบายดี”
“หรูยู่ นึกไม่ถึงเลยว่าแกจะมาเต้นรำริมแม่น้ำด้วยตนเอง นี่เป็นเพราะต้อนรับคุณฉินใช่ไหมล่ะ”
หลิวหรูยู่ชายตามองฉินเทียนรอบหนึ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงงอน: “เปล่าซะหน่อย!”
“หรูยู่เต้นเพื่อคุณปู่ต่างหาก”
“อีกอย่าง เขาไม่เข้าใจเกี่ยวกับเรื่องการเต้นสักหน่อย”
ใบหน้าของฉินเทียนเต็มเปี่ยมไปด้วยความปลง ฉันแค่ถ่อมตัวนิดหน่อย นี่เธอจริงจังเหรอเนี่ย?
“นายท่าน คุณฉิน คุณหนู รีบขึ้นรถเถอะครับ!”
“คืนนี้พวกเราต้องร่วมเฉลิมฉลองพร้อมกัน!”
“ไม่เมาไม่กลับนะครับ!”
เดิมทีฉินเทียนอยากมุ่งหน้ากลับหลงเจียงโดยตรงเลย ออกมาหลายวันแล้ว ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทางบ้านเป็นยังไงบ้าง
แต่ทว่าด้านหนึ่งเป็นเพราะฟ้ามืดแล้ว อีกอย่างให้ตายยังไงพวกอานกั๋วก็ไม่ยอมปล่อยเขาไป
แสงไฟทั้งคฤหาสน์ตระกูลอานสว่างจ้า พวกเขาเปิดงานเลี้ยงใหญ่
ลักษณะท่าทางนั้น เหมือนอดไม่ได้ที่จะดื่มเหล้าทั้งเมืองให้หมด
ฉินเทียนถูกพวกหูปินรั้งไว้แล้วกรอกเหล้าใส่อย่างบ้าระห่ำ ตอนแรกเริ่มเขายังพอฝืนรับมือได้อยู่ จนกระทั่งได้ยินเสียงเอะอะโวยวายจากรอบ ๆ
มองเห็นพี่หรงและหลิวหรูยู่จากที่ไกล ๆ ทั้งสองคนยิ้มตาหยีพลางเดินตรงเข้ามาพร้อมกับกาเหล้าคนละใบในมือ
ใบหน้าเขาจึงเชียวขึ้นมาภายในพริบตา
ตื่นตระหนกหนักมาก
อีกอย่างสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกหมดอาลัยตายอยากมากกว่านั้นคือ เขาพบว่ากาเหล้าที่อยู่ในมือหลิวหรูยู่เหมือนจะเป็นกาเหล้าเมื่อคืน