บัญชามังกรเดือด บทที่ 250 ชุมชนแห่งความสุข
เวลาที่นัดหมายไว้กับโจรเรียกค่าไถ่นั่นคือสามชั่วโมง ตอนนี้ก็เหลือประมาณสิบกว่านาทีแล้ว
หลังจากผ่านไปสิบนาที โจรเรียกค่าไถ่น่าจะโทรหาซูซู
เพราะฉะนั้น ฉินเทียนต้องกลับไปรวมตัวกับซูซูที่ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดวอเลชภายในเวลาสิบนาที
อิงจากการชี้แนะของคุณลุงหน้าป้อมยาม เขาตามหาตึกหมายเลขห้าจนเจอ ซึ่งบนตึกมีลิฟท์ทั้งหมดสองตัว ตัวแรกเสีย ส่วนอีกตัวหนึ่งกำลังจะย้ายข้าวของย้ายบ้านอยู่
เขาเดินขึ้นบันไดโดยตรง บริเวณรอบ ๆ ไม่มีผู้คน เขาจึงแทบจะพุ่งขึ้นไปข้างบนเหมือนเศษเงาร่างหนึ่ง
ไม่นานนัก มาถึงชั้นแปดเป็นที่เรียบร้อย
อาคารแบบเก่า ระเบียงทางเดินมืดสลัวมาก แถมยังมีกลิ่นเชื้อราลอยอบอวลด้วย
มองเห็นหน้าประตูที่อยู่ทิศตะวันออกห้องหนึ่ง มีดอกทานตะวันที่เหี่ยวเฉาไปแล้วตั้งอยู่หนึ่งกระถาง เขาจึงรีบมุ่งหน้าเดินตรงเข้าไป
ในขณะที่กำลังจะเคาะประตูอยู่นั้น จู่ ๆ ได้ยินเสียงอันน่ารังเกียจดังมาจากข้างใน
น่าจะกำลังเปิดคลิปวิดีโออยู่
เมื่อตอบสนองกลับมาได้ ใบหน้าของเขาก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความหม่นหมอง แม่งดูหนังแบบนี้ตอนกลางวันแสก ๆ ในบ้านงั้นเหรอ
น่าจะเดินผิดห้อง เขาจึงรู้สึกผิดหวังขึ้นมาในทันทีอย่างอดไม่ได้
ดูท่าโจรเรียกค่าไถ่น่าจะไม่อยู่ที่นี่ เนื่องจากเวลาเร่งรีบ เขาจึงทำได้แค่รีบไปรวมตัวกับซูซูก่อน
จากนั้นรอให้โจรเรียกค่าไถ่โทรมาค่อยว่ากันอีกทีเถอะ
เมื่อคิดเช่นนี้ได้ เขาก็หันหลังและเตรียมพร้อมที่จะเดินจากไป
และในเวลานี้เอง เหมือนกับว่าหูเขาจะได้ยินเสียงที่ผิดปกติเล็กน้อย
ภายใต้เสียงอันน่ารังเกียจนั่น ราวกับว่ามีเสียงร้องไห้เบา ๆ ของผู้หญิงคนหนึ่ง
ฉินเทียนตกตะลึงอย่างมาก รีบโคจรลมปราณ แสดงความสามารถในการส่งออกมาให้เต็มที่
เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว เสียงนั้นก็จะชัดเจนมากยิ่งขึ้น
“กงลี่? นั่นใช่เธอหรือเปล่ากงลี่?”
“เธออยู่ด้านในไหม?”เขารีบใช้หูแนบกับประตูแล้วตะโกนเสียงดัง
“ใคร?”
“คุณคือใคร?”มีเสียงเสียงหนึ่งดังมาจากในห้อง
เสียงฟังดูแหบแห้งเล็กน้อย แต่ทว่าฉินเทียนสามารถยืนยันได้ในทันทีเลยว่าเธอคือกงลี่!
เธอต้องได้รับบาดเจ็บแน่นอน!
เมื่อคิดเช่นนี้ได้ ฉินเทียนจึงไม่มีเวลาไปสนใจอะไรมากมายขนาดนั้นแล้ว กำลังภายในหนึ่งรวมกันที่ฝ่ามือ แล้วตบใส่กลอนประตูอย่างรุนแรง
เสียงแต็กดังขึ้น กระบอกสูบแตกหักไปในทันที
เขาเปิดประตูแล้วเดินเข้าไป ภายในห้องมืดสลัวและเปียกชื้น มีกลิ่นเชื้อราตีขึ้นหน้า
ภายในห้องรับแขกไม่มีคน บนโต๊ะอาหารยุ่งเหยิงมาก มีทั้งก้นบุหรี่ ขวดเบียร์ แถมยังมีข้าวกล่องที่ไม่รู้ว่ากินไม่หมดมานานกี่วันแล้ว
“ใช่คุณฉินหรือเปล่าคะ?”มีเสียงของกงลี่ดังออกมาจากห้องนอนอีกครั้ง
“ฉันเอง!”ฉินเทียนยืนยันแล้วว่าภายในนี้ไม่มีคน เขาจึงรีบไปผลักประตูห้องนอนออก
“อย่าเข้ามา!”กงลี่ที่นอนอยู่บนเตียงตะโกนเสียงดังอย่างกะทันหัน
เธอหลับตาลงอย่างเขินอาย
ฉินเทียนเห็นว่าเธอนอนอยู่บนเตียงใหญ่ มีผ้าห่มผืนใหญ่คลุมอยู่บนตัว
ด้านล่างผ้าห่มมีสี่มุม โดยแบ่งเป็นเชือกสี่เส้น ปลายข้างหนึ่งมัดอยู่บนขาเตียงทั้งสี่ข้าง
ปลายอีกข้างหนึ่งน่าจะมัดอยู่บนแขนและขาทั้งสองข้างของกงลี่
ซึ่งนั่นก็หมายความว่าเธอถูกคนอื่นใช้กำลังมัดอยู่ในท่ากางแขนกางขา และมัดติดอยู่บนเตียง
สิ่งที่กำลังเปิดอยู่บนหน้าจอโทรทัศน์ที่อยู่บนหัวเตียง คือภาพฉากที่ไม่น่าดูเลย
เขารีบเดินเข้าไปปิดโทรทัศน์
เสียงสับสนวุ่นวายหายไปแล้ว ในที่สุดภายในห้องก็เงียบสงบลงสักที
“ไม่ต้องกลัว ฉันมาช่วยเธอแล้ว”
“ขอบคุณมากนะคะคุณฉิน คุณช่วยฉันแกะมัดบนมือก่อน ที่เหลือเดี๋ยวฉันจัดการเองค่ะ”กงลี่หลับตาปี๋ เขินอายจนใบหน้าแดงก่ำ
ฉินเทียนรู้สึกว่าเธอน่าจะถูกภาพฉากในเมื่อกี้นี้ทำให้ลำบากใจ บวกกับตัวเองบุกเข้ามาพอดี เพราะงั้นจึงรู้สึกเขินอาย
เขาเดินเข้าไปอย่างเร่งรีบ แกะเชือกที่มัดติดอยู่บนขาเตียง
เมื่อเห็นว่าเชือกรัดข้อมือของกงลี่จนเกิดเป็นรอยลึก ฉินเทียนก็รู้สึกโกรธเกรี้ยวอย่างมาก
ไอ้โจรเรียกค่าไถ่นั่นมันไร้ความเป็นมนุษย์มากเกินไปแล้ว
“เธอไม่ได้รับบาดเจ็บใช่ไหม?”
“ลุกขึ้นมาได้หรือเปล่า?”เขาถามอยากเป็นห่วง อยากเปิดผ้าห่มออกเพื่อประคองตัวกงลี่ขึ้นมา
“อย่าขยับ!”กงลี่ตะโกนคำหนึ่ง แล้วพูดด้วยใบหน้าที่แดงเถือก : “คุณฉิน คุณออกไปก่อนค่ะ…….”
“เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
ดูจากสีหน้าของกงลี่ ฉินเทียนจึงตระหนักบางอย่างขึ้นมาได้
เขารีบหันหลัง เตรียมพร้อมที่จะเดินออกไปจากห้อง
และในเวลาเอง จู่ ๆ ก็มีเสียง“เงี๊ยว”ของแมวดังมาจากนอกหน้าต่าง
จากนั้นเสียงจ๊วดก็ดังขึ้น ภายใต้ความตกตะลึง ทำให้หนูตัวใหญ่กระโดดจากขอบหน้าต่างลงมาบนเตียงโดยตรง
“อ๊ายย!”
“หนู!”
กงลี่ตกใจจนเกือบเป็นลม เธอรีบโยนผ้าห่มออกแล้วกระโดดขึ้นมา
แต่ทว่าขาของเธอถูกมัดมานานขนาดนั้น จึงเหน็บชาไปตั้งนานแล้ว
บวกกับที่นอนนุ่มมากเกินไป ตรงเท้าเธอจึงยวบลง ยืนไม่มั่นคง ทำให้ร่างกายเธอเซไปทางฉินเทียน
ฉินเทียนเห็นว่ากงลี่ล้มลงมาตรงหน้าตน เขาจึงตะลึงงันไปอย่างควบคุมไม่ได้
มิน่าล่ะเมื่อกี้เธอถึงไม่ให้ตัวเองเปิดผ้าห่มออก ที่แท้บนตัวเธอก็ไม่มีเสื้อผ้าแม้แต่ชิ้นเดียวนี่เอง
เมื่อเห็นสีหน้าที่ดูหวาดกลัวของกงลี่ เขาจึงกางแขนทั้งสองข้างออกโดยสัญชาตญาณ โอบกอดจนเต็มอ้อมอก
“หนูล่ะ?”
“หนูหนีไปหรือยัง?”
กงลี่กอดคอของฉินเทียนเอาไว้แน่น ๆ ตกใจจนร่างกายสั่นเทา
ฉินเทียนใกล้จะหายใจไม่ออกแล้ว ยิ้มอย่างขมขื่นพลางพูด: “บ้านหลังนี้ทรุดโทรมมากเกินไปแล้ว”
“ด้านนอกยังมีอาหารและขยะทิ้งเรี่ยราดอยู่เยอะขนาดนั้น มิน่าล่ะถึงล่อหนูมาได้”
“เธอไม่ต้องเป็นห่วง หนูหนีไปแล้ว”
“จริงเหรอ?”สีหน้าของกงลี่ขาวซีด หันหน้ากลับมา พบว่าไม่เจอร่องรอยของหนูแล้วจริง ๆ เธอถึงจะวางใจลง
แต่ทว่าวินาทีต่อไปเธอก็กรีดร้องเสียงดังอีกครั้ง
รีบผลักตัวฉินเทียนออกไป ใช้ผ้าห่มหลุมร่างตัวเองเอาไว้อีกครั้ง
“คุณรีบออกไปแล้ว!”เธอพูดด้วยใบหน้าที่แดงเถือก
“เอ่อคือ ฉันรอเธออยู่ข้างนอกนะ!”ฉินเทียนรีบออกไปจากห้องนอน และรวดปิดประตูห้องด้วย
ภายในห้องรับแขกที่มืดสลัว สายตาของเขากวาดมองรอบ ๆ โดยไม่ตั้งใจ เห็นว่าบนกำแพงที่เป็นรอยมีภาพงานแต่งงานแขวนอยู่หนึ่งรูป
เขาพบว่าผู้หญิงคนนั้นดูคุ้นหน้าอยู่เล็กน้อย เมื่อลองสังเกตดูดี ๆ ก็พบว่านั่นมันกงลี่ไม่ใช่หรือ
แต่ทว่าตอนนั้นเธอยังค่อนข้างสาว บนใบหน้านอกจากมีความใฝ่หาในเรื่องความรักแล้ว ยังมีความอ่อนวัยปนอยู่เล็กน้อย
เมื่อลองมองไปทางชายหนุ่มที่อยู่ข้าง ๆ เหมือนเขาจะทราบอะไรบางอย่าง
“มันชื่อเจิ้งจี๋ คือสามีของฉันเอง”
ไม่รู้ว่ากงลี่มาถึงด้านหลังเขาตั้งแต่เมื่อไหร่
เมื่อเห็นว่าฉินเทียนมองมา ใบหน้าของเธอจึงแดงขึ้น ก่อนจะพูดเสริมขึ้นมาอีกว่า: “สามีในอดีตน่ะ”
“ฉันหย่ากับมันตั้งนานแล้ว”
เมื่อฉินเทียนเห็นสภาพที่ดูเสียใจของเธอ จึงไม่รู้ว่าควรจะปลอบใจยังไงดี
อีกอย่างเมื่อนึกถึงภาพเหตุการณ์ในเมื่อกี้นี้ เขาจึงรู้สึกทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย
“โจรเรียกค่าไถ่ที่ว่านั้น อันที่จริงมันก็คือสามีเธอ ไม่ใช่ สามีเก่าเธอใช่ไหม?”
กงลี่พยักหน้า ดวงตาแดงก่ำขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้
ฉินเทียนยังมีข้อสงสัยอีก แต่รู้สึกว่าถามตอนนี้มันไม่ค่อยเหมาะสม
“เอ่อคือ งั้นเราไปกันเถอะ!”
“ใช่สิ ลูกชายเธออยู่ในร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด ซูซูกำลังอยู่เป็นเพื่อนเขาอยู่เลย”
“ซูซูมาแล้วเหรอ?”
“รีบไป!”
“ไอ้สัตว์เดรัจฉานเจิ้งจี๋นั่นมัดตัวฉันอยู่ที่นี่มานานขนาดนี้ เสี่ยวเฉียงต้องร้อนใจเป็นบ้าแน่!”
กงลี่พูดคำหนึ่ง แล้วดึงมือของฉินเทียน กะจะวิ่งออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว
“ช้าก่อน!”ฉินเทียนพูดออกมากะทันหัน สีหน้าดูหม่นหมองลง
“มีอะไรน่ะ?”กงลี่ถามคำหนึ่ง ขณะที่เธอกำลังจะพูดอะไรบางอย่างอยู่นั้น ในเวลานี้เองเธอก็ได้ยินเสียงผิวปากดังมาจากระเบียงทางเดินข้างนอก
สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปอย่างมาก
“แย่แล้ว! เจิ้งจี๋กลับมาแล้ว!”
“เร็ว ฉินเทียนคุณไปหาที่ซ่อนตัวก่อน!”
ดูออกอยู่ว่ากงลี่เกรงกลัวเจิ้งจี๋คนนี้มาก ๆ หรือสามีเก่าของเธอนั่นเอง
แค่ได้ยินเสียงเธอก็ตกใจมากถึงมากที่สุดแล้ว
เธอดึงมือของฉินเทียน อยากเอาตัวเขาไปซ่อนด้วยความหวาดกลัว
แต่ทว่าภายในห้องที่ทรุดโทรมห้องนี้ ไม่มีที่ที่เขาสามารถซ่อนตัวได้เลยด้วยซ้ำ