บัญชามังกรเดือด บทที่ 255 แค่นี้ก็จบแล้ว
เมื่อได้ยินคำพูดของหวงอิงอิง เจิ้งจี๋ก็ตกใจจนหน้าเขียวไปเลย
เขารีบคุกเข่าลงพื้นแล้วพูด: “คุณชายฉี ผมพูดจริงนะครับ ผมไม่มีใจที่ไม่จงรักภักดีเลย!”
“ผมสาบานเลยว่า ผมจะไม่คิดอะไรต่อผู้หญิงของคุณแน่นอนครับ”
ฉีชุนหัวเราะทีหนึ่งแล้วพูด: “อย่าตื่นเต้นสิ”
“ผู้ชายมองผู้หญิง เป็นสัจธรรมความถูกต้องที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้”
“บอกความจริงมา นายชอบเธอใช่ไหม? งั้นฉันจะให้เธอเป็นแฟนนาย เป็นไง?”
“คุณพูดเหลวไหลอะไรเนี่ย!”
“ฉีชุน คุณมองว่าฉันเป็นคนแบบไหน!”หวงอิงอิงเตรียมพร้อมที่จะจากไปด้วยความเดือดดาล
ฉีชุนหัวเราะเสียงดังลั่น แล้วดึงเธอเข้ามาในอ้อมอก
“เจิ้งจี๋ ฉันเข้าใจสถานการณ์ที่นายบอกมาแล้ว อื้ม เป็นการช่วยเหลือฉันได้เยอะมาก ๆ ”
“นายไม่ต้องเป็นห่วง ฉันจะจัดแจงทุกอย่างก่อนล่วงหน้า ต่อไปถ้าเกิดมีจุดที่สามารถใช้งานนายได้ ยังต้องรบกวนนายอีก”
เจิ้งจี๋รีบกล่าวขอบคุณแล้วพูด: “แล้วรางวัลตอบแทนล่ะครับ?”
ฉีชุนโบกมือไปมา: “เหล่าหม่า ไปเปิดห้องพักให้เขาหนึ่งห้อง และเรียกการบริการอีกหนึ่ง”
“รอฉันจัดการเรื่องทุกอย่างเสร็จ ค่อยให้เขาหนึ่งแสนหยวน”
จากนั้นเขาก็พูดกับเจิ้งจี๋ว่า: “เพื่อน หนึ่งแสนนี้ แค่เป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจเท่านั้น”
“หลังจากจบเรื่องนี้ ฉันยังมีรางวัลใหญ่ที่ลึกลับบอกให้นายด้วย!”
แววตาของเจิ้งจี๋เป็นประกายขึ้นมา
“ขอบคุณคุณชายฉีมากครับ!”
“ต่อไปนี้ชีวิตของเจิ้งจี๋ผม ก็คือชีวิตของคุณชายฉีครับ!”
เขาจากไปพร้อมกับเหล่าหม่าด้วยความตื่นเต้นดีใจ
ก่อนหน้านี้ เขาคิดยังไงก็คิดไม่ถึงว่าตัวเองจะประจบประแจงคุณชายอย่างฉีชุนได้ด้วยเหรอเนี่ย
เมื่อมีฉีชุนเป็นที่พึ่งพิง เขาก็ไม่ต้องกลัวแม้กระทั่งเหล่ากุ่ย
“ฉันว่าคุณไม่มีที่ให้ใช้เงินแล้วใช่ไหม? เห็นได้ชัดเจนเลยว่าไอ้หมอนี่มันแอบอ้างเพื่อขอเงินจากคุณ”
“ข่าวกรองบ้าบออะไร ไม่คุ้มกับเงินหนึ่งแสนเลยด้วยซ้ำ”
“มีเงินก้อนนั้น เอามันไปซื้อกระเป๋าให้ฉันยังดีกว่าเลย”หลังจากเจิ้งจี๋จากไปแล้ว หวงอิงอิงจึงพูดกับฉีชุนอย่างไม่สบอารมณ์
“เธอจะไปเข้าใจอะไร”ฉีชุนกอดหวงอิงอิง และใช้มืออีกข้างหนึ่งเปิดโทรศัพท์ออก
นั่นคือคลิปวิดีโอตอนซูซูและหลิวหรูยู่อยู่ในงานแถลงข่าวในเมืองหลวง
มีรังสีแห่งความละโมบโลภมากและความกระหายปรากฏในแววตาเขา ยิ้มอย่างดุร้ายพลางพูด: “ครีมซูยู่เป็นของดีจริง ๆ ”
“นี่ก็เหมือนกับไข่ทองคำหนึ่งใบ ตอนนี้เราแค่เลียนแบบไข่ทองคำใบนั้น ทำกำไรแบบเร็ว ๆ สุดท้ายแล้วมันก็ไม่ใช่แผนการที่ยั่งยืนอยู่ดี”
“ถ้าเกิดสามารถเอาสูตรในการผลิตไข่ทองคำมาได้ละก็ ถึงตอนนั้นพวกเราก็สามารถผลิตไข่ทองคำได้เองแล้ว!”
“ความหมายของคุณคือ?”หวงอิงอิงยังไม่ค่อยเข้าใจ
ฉีชุนสั่งการเสียงดัง: “เหล่าหม่า รีบจัดแจงคนไปกบดานที่โรงงาน”
“พรุ่งนี้ขอแค่เมียของเจิ้งจี๋กล้าไปที่นั่น ก็จับกุมตัวมันเอาไว้ทันที”
“ถ้าเกิดเจิ้งจี๋ไม่ได้โกหก เมียมันรับผิดชอบผลิตภัณฑ์ในซูยู่กรุ๊ป งั้นมันก็ต้องรู้สูตรการผลิตครีมซูยู่ที่แท้จริงแน่นอน”
“ฉันต้องเอาสูตรมาครอบครองให้ได้!”
“ครับ! คุณชายสาม!”รีบลงมือจัดการทันที
“ที่แท้คุณก็อยากได้สูตรในการผลิตงั้นเหรอ!”
“พระเจ้า สูตรของครีมซูยู่ ต้องมีค่ามาก ๆ เลยสินะ!”
“ฉีชุน ฉันเข้าใจคุณผิดไปแล้ว คุณนี่มันอัจฉริยะจริง ๆ !”หวงอิงอิงเป็นฝ่ายอุทิศรอยจูบให้อย่างตื่นเต้นดีใจ
ฉีชุนหัวเราะฮ่า ๆ เสียงดังแล้วพูดว่า: “หลังจากทำเรื่องนี้สำเร็จ ครีมซูหวังก็จะกลายเป็นของแท้แล้ว”
“จากความสามารถในการดึงดูดเงินทองของผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้ ชีวิตต่อจากนี้ของกู ก็จะสามารถนอนนับเงินได้แล้ว!”
วันต่อมา แสงแดดที่งดงามส่องสว่างอยู่กลางนภา
ฉินเทียนมีความฮึดสู้เป็นอย่างมาก กอดซูซูไว้ นัวเนียไปมาจนไม่อยากลุกขึ้นมาจากเตียง
ซูซูดิ้นรนอยู่นานมากถึงจะผลักตัวเขาออก
“ฉันว่าคุณได้คืบจะเอาศอกแล้วสินะ!”
“ไอ้คนเสเพล!”
“ไม่รู้หรือไงว่าวันนี้ต้องทำอะไร? คิดดูดี ๆ ก่อนว่าสักพักถ้าเกิดไปถึงโรงงานปลอมแปลงแล้วควรทำยังไง!”
“ถ้าเกิดไม่มีอะไรผิดพลาด นี่ต้องเป็นการต่อสู้ที่เลวร้ายครั้งหนึ่งเลย!”
ซูซูถลึงตาใส่เขาอย่างดุดันทีหนึ่ง ก่อนจะไปล้างหน้าแปรงฟันในห้องน้ำ
ฉินเทียนยิ้มพลางพูด: “ที่รัก อย่าตื่นเต้นขนาดนั้นสิครับ!”
“เชื่อผมเถอะครับ มีสามีคุณอยู่ด้วย วันนี้คุณก็ถือซะว่ามาท่องเที่ยวปล่อยใจก็แล้วกัน”
สำหรับเรื่องที่จะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้นั้น เขาไม่ได้เก็บมาใส่ใจเลยด้วยซ้ำ
ในทางตรงกันข้าม กลับรู้สึกว่าการใช้โอกาสนี้พัฒนาความสัมพันธ์กับภรรยาให้มากขึ้น ถึงจะเป็นเรื่องจริงจังต่างหาก
การต่อสู้ที่เลวร้าย?
แค่เมืองเจิ้งเล็ก ๆ ถึงแม้จะรวมกำลังของพวกเขาทั้งหมดเข้าด้วยกันแล้วยังไง?
เทียบเคียงกับความปั่นป่วนวุ่นวายในเมืองหลวงได้ไหม?
เทียบเคียงกับถนนสิบไมล์ในเป่ยเจียงได้ไหม?
เพราะฉะนั้น เขาจึงมองว่าเป็นการมาเที่ยวพักผ่อนโดยสิ้นเชิง
จนกระทั่งซูซูแต่งหน้าแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยหน้าตาที่สดใสแล้ว เขาถึงจะลุกขึ้นมาจากเตียงอย่างลีลา หวีผมล้างหน้าอย่างง่าย ๆ รอบหนึ่ง
ด้านนอก มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
ซูซูรีบเปิดประตู และเห็นว่ากงลี่ก็พลิกโฉมหน้าใหม่หมดเหมือนกัน
“กงลี่ เสี่ยวเฉียงล่ะ?”เธอถามอย่างเร่งรีบ
กงลี่ยิ้มแล้วตอบกลับว่า: “ก็ไม่ดูก่อนนะว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว พวกเธอนี่มันนอนหลับเก่งจริง ๆ ฉันส่งเสี่ยวเฉียงไปที่บ้านเพื่อนคนหนึ่งของฉันแล้ว”
หลังจากพูดจบ เธอก็มองเห็นฉินเทียนที่จิตใจเอิบอิ่มแจ่มใสอยู่ด้านหลัง ใบหน้าเธอจึงแดงก่ำอย่างควบคุมไม่ได้แล้วรีบหันหน้ากลับไป
สีหน้าของซูซูแดงระเรื่อเล็กน้อย ถลึงตาใส่ฉินเทียนรอบหนึ่งแล้วพูด: “งั้นเราก็รีบไปกันเถอะ”
“เดี๋ยวก่อน!”
“ที่รัก คุณยังไม่ได้ทานอาหารเช้าเลยนะครับ!”ฉินเทียนตะโกนพูดอย่างเร่งรีบ
ซูซูตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์: “ถ้าจะกินคุณก็กินคนเดียวไปเลย!”
กงลี่หัวเราะทีหนึ่งแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ต่ำทุ้ม: “เวลาอาหารเช้าล่วงเลยไปแล้ว ร้านอาหารปิดหมดแล้วจ้า”
“แต่ว่าคุณฉินคะ ฉันเตรียมขนมปังและนมให้ประธานกรรมการและคุณแล้วค่ะ เราขึ้นรถก่อนค่อยว่ากันอีกทีเถอะ”
ฉินเทียนพยักหน้า มาถึงบนรถ
กงลี่นึกคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดอย่างตื่นเต้นเล็กน้อย: “เราแจ้งให้ภาคธุรกิจในพื้นที่ทราบก่อนเลยไหม ให้พวกเขาส่งคนไปที่เกิดเหตุพร้อมกับเรา?”
“เท่าที่ฉันรู้มาคนที่เปิดโรงงานขนาดเล็กแบบนี้ ล้วนเป็นคนที่ไร้เหตุผลมาก ๆ ”
“เรามีกันแค่สามคน ถ้าเกิดทะเลาะกันจริง ๆ จะทำยังไง?”
ซูซูเห็นด้วยกับข้อเสนอนี้ จึงมองไปทางฉินเทียนด้วยสายตาที่ขอความเห็น
ฉินเทียนยิ้มพลางตอบกลับ: “ถ้าเกิดแจ้งให้ภาคธุรกิจทราบตอนนี้ ผมรับประกันเลยว่ารอเราไปถึงเมื่อไหร่ คนคงหายวับไปทั้งตึกแล้ว”
“ไปกันเถอะ ผมมีวิธีของผมหน่า”
เขาสตาร์ทรถ อิงจากคำชี้แนะของกงลี่ มาถึงโรงงานที่ตั้งอยู่ในเขตชานเมือง
ประตูใหญ่ปิดแน่น ข้างนอกมีแม่กุญแจที่ขึ้นสนิมล็อคอยู่ ลานหน้าโรงงานเงียบสงัด
ดูเหมือนกับว่าเป็นโรงงานที่ถูกทิ้งร้างมานานมาก ๆ แล้วจริง ๆ
ซูซูได้กลิ่นยาจีนที่เข้มข้นในอากาศ แล้วพูดกดเสียงต่ำ: “ที่นี่แหละ ไม่มีผิดแน่นอน!”
“พวกมันน่าจะผลิตตอนกลางคืน พักผ่อนตอนกลางวัน ถ้าเราเข้าไปตอนนี้ ต้องตรวจพบผลิตภัณฑ์ปลอมแปลงได้เป็นจำนวนมากแน่นอน”
“เมื่อมีหลักฐานที่หนักแน่นแล้ว ค่อยแจ้งภาคธุรกิจอีกที ถึงตอนนั้นพวกมันจะแก้ตัวยังไงก็ไม่ได้”
กงลี่พยักหน้า: “ฉันก็คิดแบบนี้เหมือนกัน เราคิดหาวิธีเข้าไปให้ได้ก่อน”
หญิงสาวทั้งสองคนเดินลงจากรถ แล้วเดินวนรอบกำแพงสูง
ฉินเทียนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะแล้วถามว่า: “พวกคุณจะทำอะไรครับเนี่ย?”
ซูซูตอบกลับด้วยสีหน้าที่จริงจัง: “เบาเสียงหน่อย!”
“เรากำลังดูอยู่ว่ามีช่องโหว่ให้แพงกำแพงเข้าไปได้หรือเปล่า?”
“พึ่บ!”
ฉินเทียนกลั้นหัวเราะไว้ไม่ได้ สาวสวยดีเลิศทั้งสองคนนี้จะปีนกำแพงงั้นเหรอ?
ภาพฉากนั้นมันงดงามเกินไปจริง ๆ
กงลี่พูดด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ: “คุณฉิน คุณหัวเราะอะไรคะ?”
“ถ้าไม่ปีนกำแพง หรือว่าคุณมีหนทางอื่นที่สามารถเข้าไปได้?”
ฉินเทียนยักคิ้วแล้วตอบกลับว่า: “แน่นอนอยู่แล้ว”
เขามุ่งหน้าเดินตรงไปทางประตูที่ถูกปิดแน่น ยิ้มพลางพูด: “ประตูหลักอยู่ตรงนี้ ทำไมพวกคุณถึงต้องไปปีนกำแพงด้วยเล่า?”
ซูซูถามอย่างเร่งรีบ: “คุณปลดล็อคเป็นเหรอ?”
ฉินเทียนส่ายหน้า: “ไม่เป็น”
ซูซูพูดอย่างโมโห: “งั้นจะพูดทำไมเล่า!”
“ปลดล็อคไม่เป็นแล้วจะเข้าไปยังไง!”
ฉินเทียนยกเท้าถีบจนเสียงดังกระหึ่ม จากนั้นประตูเหล็กทั้งสองบานก็พังทลายลงไปจนเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่น
มองหน้าซูซูพลางยิ้มพลางพูด: “แค่นี้ก็จบแล้วไม่ใช่เหรอ?”
ซูซูและกงลี่ต่างตกตะลึงจนอ้าปากกว้าง