บัญชามังกรเดือด บทที่ 293 เรื่องนั้น
“ใช่ ก็แค่อยากหยุดเที่ยวบ้าง”
เมื่อได้ยินคำพูดของฉินเทียน ทุกคนก็ทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ
ขณะนั้นเอง กวนอี่ถือกล่องหนังกล่องหนึ่งเข้ามา
“ราชาฉิน เรื่องที่คุณสั่งให้ผมไปทำ เรียบร้อยแล้ว”
“ทั้งหมดอยู่ในนี้” เขาวางกล่องหนังไว้ข้างหน้าของทุกคน
ทุกคนตกตะลึง เหลิ่งหยุนอดยิ้มพูดไม่ได้ว่า: “นี่นายตั้งใจจะเล่นใหญ่? ใช้ดินปืนเลยเหรอ?”
พวกเขาคิดว่า ข้างในกล่องคืออาวุธสังหารร้ายแรง
มองดูจากตรงนี้แล้ว เหมือนระเบิดจริงๆ
“ดินปืนอะไร? ไม่เข้าใจผู้หญิงแบบเลยจริงๆ”
“ป่าเถื่อนชะมัด”
ฉินเทียนพูดหน้างอหง่ำ แล้วสั่งกวนอี่ให้เปิดกล่องออก
เมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ด้านใน ทุกคนก็เบิกตาโตอีกครั้ง
เจ้าสิ่งสีเขียวสดด้านใน คือเงินยูโรทั้งนั้นเลย
เหลิ่งหยุนเอ่ยอย่างอดไม่ได้ว่า: “นายเอาเงินยูโรมากมายขนาดนี้มาทำไม?”
“หรือจะใช้เงินฟาดปรมาจารย์พิษให้ตาย?”
กวนอี่พูดอย่างขัดเขินว่า: “ความสามารถผมมีไม่พอ ในระยะเวลาสั้นๆ หาเงินมาเยอะได้เท่านี้”
“ทั้งหมดสองล้านยูโร เชิญราชาฉินจัดการเถอะ”
ฉินเทียนพยักหน้า เอ่ยว่า: “เงินจำนวนนี้ ฉันจะโอนให้นายทีหลัง”
“นายเพิ่งมารับช่วงต่อที่นี่ มีเรื่องให้ใช้เงินเยอะ”
จากนั้น พอเห็นทุกคนมองเขาด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ เขาก็ขำเล็กน้อย แล้วเอ่ยว่า: “ตอนนี้ฉันขอประกาศว่า วันนี้หยุดพัก”
“พวกนายหลายคนยังไม่เคยออกนอกประเทศไม่ใช่เหรอ?”
“วันนี้ เอาเงินไปช้อปปิ้งกันตามสบายให้แฮปปี้เลยได้นะ”
เหมยหงเซว่ยิ้มพูด: “พี่หมายความว่า พวกเรานำเงินในกล่องไปได้ จากนั้นก็ออกไปซื้อของ เที่ยวเล่นได้ตามใจชอบเหรอ?”
ฉินเทียนพยักหน้า แล้วเอ่ยว่า: “แต่ก่อนอื่น”
“ชุดที่พวกนายใส่มันตลกไปหน่อยไหม เข้าไปในร้าน ชาวบ้านต้องคิดว่าไปปล้นแน่ๆ”
“ให้แม่บ้านเตรียมชุดให้พวกนายแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“รีบไปเปลี่ยน!”
“เก็บอาวุธกลับไปให้หมด แล้วเปลี่ยนเป็นชุดเที่ยวซะ”
“ฉันบอกพวกนายเลยนะว่า เงินมากมายขนาดนี้ พวกนายคนไหนเปลี่ยนชุดเสร็จก่อน คนนั้นก็เอาเงินไปเลย”
“สุดท้ายพอแย่งไม่ได้ อย่ามาโทษฉันแล้วกัน”
ทุกคนมองหน้ากันงุนงง ใจหนึ่งก็ไม่อยากจะเชื่อ อีกใจหนึ่งก็กระอักกระอ่วนเล็กน้อย
งูเขียวหางไหม้กู่ร้องว่า: “ราชาฉินจงเจริญ!”
“เอ้าเห้ย พวกนายรออยู่นี่นะ อย่าขยับล่ะ ฉันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วนะน้องๆ!”
พูดจบ เขาก็วิ่งแจ่นกลับเข้าไปในห้อง
คนที่เหลือตั้งสติได้ ก็วิ่งออกไปอย่างกับผึ้งแตกรัง
เหลิ่งหยุนจ้องฉินเทียนตาเขม็ง: “ฉันจะดูสิ ว่านายจะเล่นลูกไม้อะไรกับฉัน”
พูดจบ ก็สะบัดก้น ออกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเลย
“ลุงฉาน ลุงไม่ไปเหรอ?” ฉินเทียนเห็นฉานเจี้ยนนั่งนิ่ง จึงอดถามไม่ได้
ฉานเจี้ยนยิ้มเอ่ย: “ผมเข้าใจดี เจ้าสำนักอยากใช้ช่วงเวลาผ่อนปรนนี้ ทำให้ทุกคนผ่อนคลาย เลยให้ความสุขแก่ทุกคน”
“ผมขอบคุณเจ้าสำนักแทนพวกเขาทุกคนด้วยนะ”
“แต่ก็นะ ผมอายุปูนนี้แล้ว คงไม่ไปร่วมสนุกด้วยหรอก”
“คฤหาสน์หลังนี้บรรยากาศสวยงาม ผมเดินเล่นอยู่นี่ดีกว่า”
ฉินเทียนยิ้ม แล้วพูดกับผีหวูฉางและชุยหมิงด้านหลังฉานเจี้ยนว่า: “พวกนายมัวยื่นอึ้งทำอะไรอยู่?”
“รีบไปสิ!”
“น้องหวูชาง โปรดวางโซ่ใหญ่ของนายลงก่อน ดีไหม?”
“ฉันรับรองกับนายได้ว่า อาวุธชิ้นนี้ของนาย ไม่มีใครมาแย่งไปแน่นอน”
ที่นี่คือหน่วยข่าวกรองลับ ปกติจะใช้การแต่งกายหลากหลายแบบเวลาทำงาน ที่นี่จึงมีเสื้อผ้าเกือบทุกรูปแบบ
ไม่นาน ชายหนุ่มกลุ่มหนึ่งก็วิ่งพรวดเข้ามา
ชะเง้อชะแง้มอง เจ้าปึกสีเขียวสด
เถียหนิงซวงกับเหมยหงเซว่ สวมชุดกระโปรงกันทั้งคู่ คนหนึ่งสีขาว สง่าบริสุทธิ์ อีกคนสีแดง งามล้ำดุจดอกเหมย
มองเพลินดีจริงๆ
แต่เจ้าหนุ่มถงชวนกับเถียปี้สองคนนี้ สวมกางเกงขาสั้นลายดอกตัวใหญ่
บนเท้า เอาอย่างฉินเทียน โดยการสวมรองเท้าแตะเช่นกัน
เห็นสายตาของฉินเทียน พวกเขาจึงเอ่ยอย่างเอียงอายว่า: “ได้ยินมาว่าริมชายหาดมีสาวสวยเยอะแยะเลย พวกเราอยากไปเล่นเซิร์ฟสักหน่อย”
“พี่เทียนแต่งตัวแบบนี้ออกไปชายหาดตลอดเลยเหรอ?”
ฉินเทียนพยักหน้า: “ใช่ เท่ออก”
จากนั้น ตอนเจ้าผีหวูชางเดินออกมา ทุกคนก็พากันขำพรืด
รูปร่างเขาใหญ่โตมาก แถมยังไปค่อนข้างช้า เสื้อผ้าดีๆ จึงถูกคนอื่นหยิบฉวยไปหมด
เขาจึงจำต้องใส่กางเกงขาสั้นตัวใหญ่กับเสื้อกล้ามลายดอก เหมือนกับถงชวนและเถียปี้
พอมองภาพนี้แล้ว ทำไมให้ความรู้สึกเหมือนเดอะฮัคท่ามกลางฝูงชนก็ไม่รู้
ถงชวนหัวเราะลั่น กระโดดกอดร่างหวูชาง แล้วพูดว่า: “น้องชาย นี่แหละใช่เลย!”
“พวกเราไปเล่นเซิร์ฟ ดูบิกินี่ด้วยกันเถอะ”
ฉินเทียนเลิกคิ้ว: “นายว่าดูอะไรนะ?”
ถงชวนรีบร้อนเอ่ยว่า : “คือ เอ่อ ผมพูดว่า ดูชายหาดน่ะ”
“พี่เทียน ได้ยินว่าชายหาดที่นี่สวยมาก ไปด้วยกันสิ”
ฉินเทียนยิ้มพลางส่วยหน้า พูดว่า: “ตอนนี้ เริ่มชิงเงินกันได้เลย”
“จำไว้นะทุกคน รีบกลับมาก่อนตะวันตกดิน อย่าก่อเรื่อง”
แต่ละคนร้องตะโดนเฮฮา หยิบฉวยเอาเงินสองล้านยูโรไปจนเกลี้ยง เหมือนนกกาออกจากกรง ตื่นเต้นตีปีกบินกระหืดกระหอบออกไป
“เหนื่อยจัง”
“ไม่ได้การ ฉันต้องกลับไปนอนต่อแล้ว” ฉินเทียนหาววอด ตั้งท่าจะกลับไปที่ห้อง
ความจริงเขาอยากจะคุยโทรศัพท์เรื่อยเปื่อยกับซูซูสักหน่อย
ฉับพลันนั้นดันเห็นเหลิ่งหยุนเดินมาตามทางเดินพอดี
เขาตกตะลึงอย่างห้ามไม่ได้
ผู้หญิงคนนี้ เกล้าผมขึ้น และสวมชุดกิโมโนอีกด้วย
เดินยิ้มตาหยีเข้ามา
ฉินเทียนเห็นรอยยิ้มของเธอ ก็รู้สึกไม่ชอบมาพากล จึงอยากรีบย่องหนีไป
“หยุด” เหลิ่งหยุนตะโกนเสียงเรียบ
ฉินเทียนยิ้มแห้งเอ่ยว่า: “เอ่อ ราชินีงู มีธุระอะไรเหรอ?”
เหลิ่งหยุน: “เรียกศิษย์น้องสิ”
ฉินเทียนกลืนน้ำลายอึกหนึ่ง: “ศิษย์น้อง”
เหลิ่งหยุน: “ศิษย์น้องสวยไหม?”
ฉินเทียน: “?”
เหลิ่งหยุนหน้าบึ้ง: “นายคิดว่าฉันไม่สวยเหรอ?”
ฉินเทียนรีบเอ่ย: “ที่ไหนเล่า!”
“ศิษย์น้องสวยใสไม่มีใครเทียบได้ในโลกหล้า”
เหลิ่งหยุนหัวเราะหึหนึ่งเสียง เอ่ยว่า: “ไปเดินเล่นเป็นเพื่อนฉันหน่อย”
ฉินเทียนยิ้มแฉ่ง: “เอ่อ ฉันยังมีธุระต้องไปทำ ถ้างั้น เธอหาคนอื่นไปด้วยดีกว่าไหม”
“จริงสิ เถียหนิงซวงกับเหมยหงเซว่เพิ่งออกไปได้ไม่นาน เธอรีบตามไปสิ”
“ผู้หญิงอย่างพวกเธอไปด้วยกัน มีเรื่องให้คุยเหมือนกัน”
“เงินไม่พอก็ค่อยมาเอากับฉัน”
พูดจบ ก็หันหลังเดินไป
เขาต้องรีบหนีจากผู้หญิงคนนี้ให้ไวที่สุด
ด้านหลัง เหลิ่งหยุนเอ่ยเสียงราบเรียบว่า: “เรื่องนั้น ไม่รู้ว่าบอกพ่อเลี้ยงไปแล้ว จะเป็นยังไงนะ”
ชั่วพริบตานั้นฉินเทียนเหมือนถูกร่ายมนต์กดทับร่างทันใด
เขาหันหน้ากลับไปมองเหลิ่งหยุน แล้วพูดอ้ำๆ อึ้งๆ ว่า: “เรื่องอะไรเหรอ?”
เหลิ่งหยุนมองหน้าเขา: “นายคิดว่ายังไงล่ะ?”
ฉินเทียนขบฟันกรอด พยายามปั้นยิ้มสุดฤทธิ์ แล้วพูดว่า: “ศิษย์น้อง พ่อเลี้ยงเธอ ก็คือท่านอาจารย์ของฉัน เขาแก่แล้ว ร่างกายไม่แข็งแรง”
“อย่าได้เอาเรื่องแบบนี้ไปกระทบจิตใจเขาเชียว”
“จู่ๆ ฉัันก็นึกขึ้นได้ว่า ที่นี่มีจุดชมวิวขึ้นชื่อเยอะแยะเลย งั้นเราไปดูด้วยกันเถอะนะ”
“จากนั้นล่ะ? ดูวิวเสร็จแล้วทำอะไรต่อ?”
“ดูวิวเสร็จ เราไปซื้อของด้วยกันก็ได้”
“พอเดินซื้อเหนื่อยแล้ว ค่อยไปชิมอาหารพื้นเมืองขึ้นชื่อ
ศิษย์น้อง เธอคิดว่ายังไง?”
เหลิ่งหยุนเค้นเสียงในลำคอ เอ่ยว่า: ในเมื่อศิษย์พี่พูดมาขนาดนี้ งั้นฉันจะพยายามไว้หน้าพี่ก็แล้วกัน”
“เอาไป!”
พูดจบ ก็โยนกระเป๋าถือใบเล็กของผู้หญิงให้ฉินเทียน แล้วหมุนตัวเดินออกไปข้างนอก
หลังจากเธอหันหลังไป ใบหน้าก็เปื้อนยิ้มน้อยๆ เยื้องย่างก้าวสั้นแผ่วเบา เปลี่ยนเป็นหญิงสาวกิโมโนผู้งดงามอ่อนหวานในพริบตา
วินาทีนี้ เธอคือเหลิ่งน่ายจื่อ