Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1504 เลือดนองตลอดทาง

ตอนที่ 1504 เลือดนองตลอดทาง
เผ่าผึ้งมารลายดำ!
แวบเดียวหลินสวินก็ตัดสินที่มาของผึ้งสีดำที่ดูไม่สะดุดตาอย่างมากตัวนั้นได้แล้ว
ฉัวะ!
แทบจะในเวลาเดียวกัน ดาบหักพลันโฉบออกมาและเฉือนสังหารออกไป
“เจ้าหนีไม่พ้นหรอก”
ไม่ได้เหนือความคาดหมาย ผึ้งมารลายดำตัวนั้นถูกฆ่า ร่างกายถูกบดขยี้แหลกละเอียด ก่อนตายสัตว์ร้ายตัวนี้ยังทิ้งคำพูดเย็นเยียบไว้ประโยคหนึ่ง
หลินสวินไม่ได้หยุด จากไปด้วยความเร็วเต็มที่
ก่อนจะมาสมรภูมิเก้าดินแดน เขาก็ได้รู้สถานการณ์โดยคร่าวๆ ของอีกแปดดินแดนแล้ว และรู้ดีถึงความรับมือยากของเผ่าผึ้งมารลายดำ
เผ่านี้มีตาประกอบแปลกประหลาดสามสิบหกคู่ สามารถมองทะลุการอำพรางและมายาลวง มีพรสวรรค์ไล่ล่าแต่กำเนิด
หากถูกพวกเขาจับจ้องเข้า แม้แต่อริยะก็ดิ้นไม่หลุด
หลินสวินไม่อยากถูกจับจ้องเอาตอนนี้ เช่นนั้นจะต้องเป็นฝ่ายถูกกระทำเกินไป
“แม้เป้าหมายหนีไปได้ แต่ข้าได้จับกลิ่นอายของเขาได้แล้ว”
ไม่นานเด็กหนุ่มที่คลุมชุดนกกระเรียนสีทองที่ผมราวกับหิมะปรากฏตัว กลิ่นอายที่แผ่ออกมาน่าสะพรึงกลัวอย่างที่สุด
บนไหล่เขาเผ่าผึ้งมารลายดำขนาดราวนิ้วหัวแม่มือตัวหนึ่งเกาะอยู่ ผู้พูดก็คือเผ่าผึ้งมารลายดำตัวหนึ่ง
เด็กหนุ่มเสื้อคลุมนกกระเรียนสีทองพยักหน้า เงาร่างพริบไหว พลันเคลื่อนย้ายไป
ไม่นานก็มีเงาร่างกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้น มีทั้งชายและหญิง แต่ละคนสีหน้าเหี้ยมโหด ผู้นำก็คือผู้แข็งแกร่งขอบเขตมกุฎระดับอมตะเคราะห์ด่านเก้า
“อยู่ทางนั้น!”
คนที่ชี้ทางให้พวกเขาก็เป็นผึ้งมารลายดำตัวหนึ่ง
“ไป!”
คนทั้งกลุ่มเคลื่อนไหวทันที
ภาพเช่นเดียวกันนี้เกิดขึ้นในพื้นที่แตกต่างกัน
มีลูกหลานเผ่าผึ้งมารลายดำนำทาง ทำให้เหล่าผู้แข็งแกร่งที่มาช่วยเหลือไม่ต้องค้นหาไปทั่วเหมือนแมลงวันอีกต่อไป มีความสามารถที่จะตามล่าเป้าหมายแล้ว
……
ตูม!
เวลาหนึ่งก้านธูปหลังจากนั้น หลินสวินถูกผู้แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่งขวางทาง และเกิดการเข่นฆ่าขึ้นทันที
หลินสวินเด็ดขาดชัดเจน เรียกดาบหักออกมา ในเวลาเดียวกันก็สำแดงปราณกระบี่ไท่เสวียน ปราณกระบี่และประกายแหลมคมที่สว่างไสวม้วนตัวออกไป
ครู่หนึ่งหลังจากนั้น
หลินสวินทะลวงอากาศจากไป
ส่วนบริเวณนั้นหลงเหลือศพและคาวเลือดเต็มพื้น
การปะทะอย่างกะทันหันครั้งนี้ มกุฎราชันระดับอมตะเคราะห์ด่านแปดเจ็ดคน และผู้แข็งแกร่งทั่วไประดับอมตะเคราะห์ด่านเก้าสิบสี่คนถูกฆ่า
และเป็นการต่อสู้ครั้งนี้ที่ทำให้หลินสวินตระหนักได้ว่า ในดินแดนอื่นๆ ไม่ใช่ทุกคนจะสามารถก้าวสู่มกุฎมรรคาได้
คิดๆ แล้วก็ถูก
ผู้แข็งแกร่งที่อยู่ในแดนมกุฎในปีนั้นมีนับล้าน แต่คนที่สามารถเข้าสู่แดนเก้าบนกลับไม่ถึงหนึ่งในสิบ
เช่นเดียวกัน ในแดนเก้าบนคนที่สามารถเหยียบย่างขอบเขตมกุฎก็แค่กลุ่มหนึ่งเท่านั้น คนอื่นๆ แม้มีโอกาสทะลวงระดับมกุฎราชัน แต่ถ้าข้ามด่านเคราะห์ล้มเหลวก็ไม่สามารถคว้าโอกาสไว้ได้!
ในอีกแปดดินแดน มกุฎมรรคาอาจจะดำรงอยู่มาโดยตลอดไม่เคยขาด แต่มรรคาระดับนี้ใช่ว่าใครจะก้าวเข้าไปง่ายๆ ได้
ลองคิดถึงหลินสวิน คิดถึงพวกองค์ชายเซ่าเฮ่า เทพธิดารั่วอู่ ผู้แข็งแกร่งที่เหยียบขอบเขตมกุฎคนใดบ้างที่ไม่ได้ผ่านการเคี่ยวกรำและการแสวงหามามากมาย
……
หนึ่งชั่วยามหลังจากนั้น
หลินสวินถูกขวางอีกครั้ง ครั้งนี้คู่ต่อสู้คือเด็กหนุ่มชุดเสื้อคลุมนกกระเรียนสีทองคนหนึ่ง บุคคลขอบเขตมกุฎระดับอมตะเคราะห์ด่านเก้า!
ตอนที่ตัดสินเรื่องนี้ออกมา หลินสวินมีเพียงความคิดเดียว โจมตีสังหารอีกฝ่ายเต็มกำลัง จะเสียเวลาไม่ได้เด็ดขาด เพราะหากถูกรั้งไว้ความวุ่นวายจะไม่จบสิ้นแน่
ในเวลาเดียวกันเด็กหนุ่มชุดคลุมนกกระเรียนสีทองคนนั้นราวกับเผชิญศัตรูใหญ่ เขาสังเกตเห็นว่าคู่ต่อสู้ดินแดนรกร้างโบราณคนนี้ไม่ธรรมดา
แต่เขาไม่ได้กลัวมากนัก ตรงกันข้าม เขาคิดว่าด้วยพลังของตนบางทีอาจไม่สามารถสังหารอีกฝ่ายได้ในเวลาอันสั้น แต่หากอยากจะรั้งอีกฝ่ายเอาไว้กลับเป็นเรื่องที่ง่ายมาก
เพราะฉะนั้นต่อให้ยังไม่เคยลงมือ เขาก็ได้ตัดสินใจได้แล้วว่าแค่รักษาตัวรอดไว้ก็พอ
แต่พอลงมือจริงๆ เด็กหนุ่มชุดคลุมกระเรียนสีทองจึงรู้ว่าคู่ต่อสู้ในครั้งนี้น่ากลัวเพียงใด!
ตูม!
เงาร่างของหลินสวินพลันพุ่งออกมา เริ่มจากหนึ่งดรรชนีที่สั่งสมอานุภาพวสันต์สารทชั่วพริบตา ซัดเด็กหนุ่มชุดคลุมนกกระเรียนสีทองเซถอยไป ในปากกระอักเลือด จากนั้นร่างกายซัดปราณกระบี่ไท่เสวียนที่สว่างไสวออกมา ปกคลุมร่างของอีกฝ่ายไว้โดยตรง
ทว่าเด็กหนุ่มชุดคลุมกระเรียนสีทองเองก็ร้ายกาจอย่างที่สุด ฝืนสู้กับอันตรายของการถูกแหกอกเปิดท้อง เรียกดาบศึกสีดำสมบัติอริยะในมือออกมาเล่มหนึ่ง ฟันใส่หลินสวิน
หลินสวินไม่ถอยไม่หนี ฝ่ามือกำหมัด เสียงตูมดังขึ้นคราหนึ่ง กระแทกจนดาบศึกสีดำนั่นร้องครวญ ถลาถอยออกไป
และตอนนี้หลินสวินทะลวงมาถึงตรงหน้าแล้ว ฝ่ามือหนึ่งกดลงล ประทับปี้อั้นที่แทรกด้วยพลังมรรคดับดารากลืนกินควบรวมออกมา กระแทกใส่ร่างเด็กหนุ่มชุดคลุมกระเรียนสีทองอย่างแรง
เดิมทีเด็กหนุ่มคนนี้ก็ถูกปราณกระบี่ไท่เสวียนแทงบาดเจ็บแล้ว ยามไม่ทันตั้งตัวยังถูกซัดดาบศึกสีดำปลิวออกไปอีก จึงตระหนักได้ถึงอันตรายตั้งนานแล้ว กำลังคิดจะถอยหนี แต่ไม่คิดว่าการกระทำของหลินสวินจะรุนแรงและเผด็จการขนาดนี้ ไม่ให้โอกาสเขาพักหายใจเลยจริงๆ
นี่มันตัววิปริตอะไรกันเนี่ย
แม้แต่เด็กหนุ่มชุดคลุมกระเรียนสีทองยังเกือบปลิวออกไป หากเขารู้แต่แรกว่าคู่ต่อสู้ที่ตามล่าครั้งนี้จะดุร้ายและน่ากลัวขนาดนี้ เขาจะไม่มายุ่งเกี่ยวด้วยเด็ดขาด
เดิมทีในมือเขายังมีไพ่ไม้ตายอีกจำนวนหนึ่ง
แต่ประเด็นคือ การรุกโจมตีของหลินสวินรุนแรงเกินไป ไม่ให้โอกาสเขาโต้ตอบสักนิด
พลาดเพียงก้าวเดียวก็ถูกกำราบทุกย่างก้าวอย่างแท้จริง!
ตูม!
ประทับปี้อั้นทะลวงกดข่มลงมา กดร่างเด็กหนุ่มชุดคลุมกระเรียนสีทองจนระเบิดโดยตรง เปลี่ยนเป็นกองโคลนเต็มพื้น สลายทั้งกายเนื้อและจิตวิญญาณ
ทว่าตั้งแต่หลินสวินลงมือจนถึงตอนนี้ ก็เพียงแค่หนึ่งชั่วลมหายใจเท่านั้น ตั้งแต่ต้นจนจบเผด็จการแข็งกร้าวอย่างยิ่ง
บางทีในสายตาคนอื่น บุคคลขอบเขตมกุฎระดับอมตะเคราะห์ด่านเก้าอาจจะน่ากลัวพอแล้ว แต่ในสายตาหลินสวินตอนนี้ ก็เพียงเท่านี้!
สวบ!
หลังจากสะบัดแขนเสื้อม้วนเก็บทรัพย์หลังศึกบนพื้นขึ้นมา เงาร่างหลินสวินพริบไหวทะยานออกไปด้วยความเร็วเต็มที่อีกครั้ง
สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจคือ ในป้ายคำสั่งเซียนเหินกลับมีชะตามรรคผลงานรบอย่างหนึ่งเพิ่มเข้ามา!
เห็นได้ชัดว่าเด็กหนุ่มชุดคลุมกระเรียนสีทองคนนี้เป็นบุคคลที่พรสวรรค์โดดเด่น เป็นพวกร้ายกาจที่มีโชควาสนามหามรรค ไม่เช่นนั้นไม่มีทางมีโชควาสนามหามรรคติดตัวอย่างแน่นอน
ความจริงหลินสวินเดาไม่ผิด เด็กหนุ่มชุดคลุมกระเรียนสีทองคนนี้ เป็นลูกหลานของเผ่ากระเรียนมังกรปีกทอง หนึ่งในสิบเผ่าพันธุ์ใหญ่แห่งดินแดนโบราณมารโลหิต นามว่าเฮ่อฟางอวิ๋น ชื่อเสียงเลื่องลือโดดเด่น
มาสมรภูมิเก้าดินแดนครั้งนี้เพราะตัดสินใจจะใช้โอกาสนี้บรรลุมกุฎอริยะ
ไม่คิดว่ากลับเจอกับคนร้ายกาจพลิกฟ้าอย่างหลินสวิน จึงถูกทำลายโดยตรง…
ทว่าต่อให้รู้ฐานะและที่มาของเฮ่อฟางอวิ๋น หลินสวินก็ไม่ใส่ใจสักนิด อริยะที่ตายในมือเขามีไม่รู้กี่คนแล้ว จะใส่ใจคนรุ่นเดียวกันคนหนึ่งได้อย่างไร
……
สามชั่วยามหลังจากนั้น
หลินสวินเจอกับความปัญหาไม่น้อย
มีศัตรูสามกลุ่มต่อเนื่อง โจมตีมาจากทิศทางที่ต่างกัน ศัตรูทุกกลุ่มอย่างน้อยๆ ก็เจ็ดแปดคน อย่างมากสิบห้าสิบหกคน
และในนั้นยังมีบุคคลขอบเขตมกุฎระดับอมตะเคราะห์ด่านเก้าหลายคน!
จะถอยหลังนั้นเป็นไปไม่ได้แล้ว มีเพียงสังหารออกมาเป็นเส้นทางเลือด
สุดท้ายหลินสวินฆ่าไปสิบสามคน กำราบไปเก้าคน คว้าช่องว่างเสี้ยวหนึ่งหลุดรอดออกไป
แต่เพราะพัวพันการต่อสู้ครั้งนี้ ทำให้อริยะคนหนึ่งจับเงาร่างของเขาได้ พลันเริ่มไล่ฆ่า
……
ปีกผลาญเทพถูกกระตุ้นอีกครั้ง หลินสวินกัดฟัน พลันพุ่งไปในส่วนลึกของป่าหลอมจิตโดยไม่อ้อมอีกต่อไป
เขามั่นใจว่าในส่วนลึกของป่าหลอมจิตนั่น มีอันตรายน่ากลัวที่ไม่สามารถจินตนาการได้อยู่
แต่ตอนนี้ไม่มีเวลาสนใจเรื่องพวกนี้แล้ว
ต่อให้ใช้อภินิหารหยุดเวลาสังหารอริยะที่ไล่โจมตีตน แต่ถึงตอนนั้นตนที่เสียพลังไปจนหมด ยังจะสามารถขวางกั้นการเข่นฆ่าของศัตรูคนอื่นๆ ได้อย่างไร
มีเพียงการหนีเข้าส่วนลึกของป่าหลอมจิต จึงอาจจะสามารถคว้าโอกาสรอดได้เสี้ยวหนึ่ง
ฟึ่บ!
ปีกผลาญเทพที่ดำสนิทพริบไหวต่อเนื่อง เงาร่างหลินสวินพุ่งไปในส่วนลึกของผืนป่าด้วยความเร็วน่าเหลือเชื่อ
ด้านหลังเขาผู้แข็งแกร่งระดับอริยะคนหนึ่งกำลังไล่ตาม
คนผู้นี้หน้าตาหล่อเหลา สวมชุดคลุมสีทองแขนเสื้อกว้าง องอาจโดดเด่น กลิ่นอายของเขาก็น่าทึ่งอย่างที่สุด
เขานามว่าติงซานเหอ เพียงแต่อริยะแท้อย่างเขา แท้จริงแล้วเป็นเพียงคนระดับล่างคนหนึ่งในเผ่างูมารทองคำเท่านั้น
อย่างเสอเจินที่ตายในมือหลินสวิน ฐานะยังสูงกว่าติงซานเหอเสียอีก
เหตุผลง่ายมาก ติงซานเหอไม่ได้สกุลเสอ ไม่ใช่คนของเผ่างูมารทองคำ!
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงแค่ปัญหาด้านฐานะเท่านั้น
ในฐานะอริยะแท้ พลังต่อสู้ของติงซานเหอเพียงพอจะทำให้ผู้แข็งแกร่งระดับอมตะวาดหวังเลื่อมใส
“เจ้าหนุ่ม เจ้าหนีไม่พ้นหรอก”
ติงซานเหอเอ่ยเนิบช้า
เสียงไม่ได้ดังแต่กลับเข้าหูหลินสวินอย่างชัดเจน “เจ้าฆ่าเสอเจิน หากข้าไม่ฆ่าเจ้า เสอหลินพี่ชายของเสอเจินก็จะฆ่าข้า เพราะฉะนั้นครั้งนี้เจ้าต้องตาย แต่หากเจ้าหยุดตอนนี้ ข้ารับประกันว่าจะทำให้เจ้าตายสบาย”
“ไม่เช่นนั้นหากคนเผ่างูมารทองคำจับเจ้าได้ อยากตายยังไม่ใช่เรื่องง่าย”
หลินสวินเม้มปากไม่พูดจา
นี่ทำให้ติงซานเหออดขมวดคิ้วไม่ได้
ยิ่งเข้าไปในส่วนลึกของป่าหลอมจิตก็ยิ่งอันตราย ในข่าวลือถึงขั้นมีสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวกว่าต้นบรรพชนหลอมจิต
นี่เป็นความรู้ทั่วไปที่ทุกคนในดินแดนโบราณมารโลหิตรู้
หืม?
ตอนนี้เองในใจติงซานเหอสะท้านขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายน่ากลัวที่บอกไม่ถูกปกคลุมไปทั้งตัว
เขาเงยหน้าขึ้นโดยพลัน กวาดมองรอบๆ แล้วตัดสินออกมาทันทีว่าพื้นที่แถบนี้เป็นใจกลางของป่าหลอมจิตแล้ว ในอากาศปรากฏพลังแปลกประหลาดที่ชวนขนลุก
แทบจะในเวลาเดียวกัน หลินสวินหนาวเยือกไปทั้งตัว รับรู้ได้ถึงความผิดปกติ
ในส่วนลึกของป่าหลอมจิตนั่น เหมือนมีสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวอย่างไม่สามารถจินตนาการได้อาศัยอยู่ พลังแปลกประหลาดที่แพร่กระจายออกมายิ่งน่าสยดสยอง
แต่สุดท้ายหลินสวินกัดฟันพุ่งไปข้างหน้าต่อ
เขาไม่มีทางหนีแล้ว
คนที่ตามฆ่าจากด้านหลังไม่ใช่แค่อริยะคนหนึ่ง ยังมีผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ จำนวนคนมาก และยังไม่ขาดบุคคลขอบเขตมกุฎ!
“เจ้าหนุ่ม ขอเพียงแค่เจ้าหยุดเท้า ข้าก็จะให้โอกาส…”
ติงซานเหอพูดขึ้นอีกครั้ง หลินสวินไม่สนใจทุกสิ่งได้ แต่เขาไม่อยากไปเสี่ยงกับหลินสวินหรอกนะ!
เพียงแต่ไม่รอเขาพูดจบ ร่างของหลินสวินก็ได้พริบวาบ พุ่งไปยังตำแหน่งที่ลึกกว่าของผืนป่า
“ไอ้เด็กเมื่อวานซืน!”
ติงซานเหอสีหน้ามืดทะมึนทันที ในดวงตาสาดประกายศักดิ์สิทธิ์ น่ากลัวอย่างที่สุด
ตามหรือไม่ตาม
ติงซานเหอลังเล
สุดท้ายเขาสูดหายใจลึกคราหนึ่ง ฝืนกดความวู่วามที่จะตามไปโจมตี และเลือกหยุดเท้า
กลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากส่วนลึกของป่าน่ากลัวเกินไป ทำให้อริยะแท้อย่างเขายังขนลุกซู่ เขาจะเอาชีวิตของตนไปเสี่ยงได้อย่างไร
“ข้าจะรออยู่ที่นี่ หากเจ้าตายอยู่ข้างในย่อมดีกว่า แต่หากรอดกลับมา ข้าจะส่งเจ้าไปลงนรกด้วยตัวเอง!”
ติงซานเหอกัดฟันตัดสินใจ
เป็นถึงอริยะแท้ ไล่ตามโจมตีมานานขนาดนี้กลับไม่สามารถจับตัวเจ้าหนุ่มที่ยังไม่บรรลุอริยะได้ นี่ทำให้เขาเสียหน้า รู้สึกอับอายจนขึ้งโกรธ
——
Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท