Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1502 หลอกสังหารอริยะ

ตอนที่ 1502 หลอกสังหารอริยะ
Click to Hide Advanced Floating Content

Kingdom66

Brazil999
ระดับอมตะเคราะห์ด่านเก้า ครอบครองสมบัติอริยะเคลื่อนย้ายในพริบตา มาจากดินแดนรกร้างโบราณ…
ชั่วขณะเดียวเสอเฟิงพลันคาดเดาข้อมูลออกมาได้มากมาย สีหน้าของเขาเย็นเยียบ ในดวงตาสีน้ำตาลเข้มปรากฏจิตสังหารโดยไม่มีปกปิด
นี่คือหนึ่งในบุคคลขอบเขตมกุฎของดินแดนรกร้างโบราณอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ในสายตาของเสอเฟิงกลับไม่มีความหมายเลยสักนิด
สิ่งที่เขาสนใจจริงๆ คือปีกผลาญเทพที่หลินสวินครอบครอง สมบัติที่มีความมหัศจรรย์ในการเคลื่อนย้ายผ่านอากาศ แม้แต่ในดินแดนโบราณมารโลหิตยังยากจะเห็น ล้ำค่าอย่างมาก
สวบ!
ตอนที่ไล่โจมตี เสอเฟิงใช้สมบัติที่เหมือนกับกระสวยบินเล่มนั้น บาดอากาศจนขาด พุ่งแทงใส่หลินสวิน
แม้ถูกหลินสวินหลบหนีได้ทุกครั้ง แต่กลับส่งผลกระทบต่อการบินของหลินสวินด้วย
ไม่นานระยะห่างระหว่างทั้งสองก็ใกล้ขึ้นเรื่อยๆ…
จะหนีไปข้างหน้าต่อไม่ได้แล้ว!
และตอนนี้เองในใจหลินสวินพลันเกิดความหวาดกลัวแรงกล้า ราวกับบนหนทางข้างหน้านั่นมีอันตรายที่น่ากลัวบางอย่างรออยู่
ฟึ่บ!
ปีกผลาญเทพที่อยู่ข้างหลังกะพริบวาบ เงาร่างของหลินสวินพลันอ้อมกลับ เคลื่อนไปในอีกทิศทางหนึ่ง
แต่ตอนนี้ทำให้ระยะห่างระหว่างเขากับเสอเฟิงยิ่งใกล้กว่าเดิม
“เจ้าหนุ่ม หากเจ้ายอมถูกจับตอนนี้ ข้าสามารถให้เจ้าตายสบายได้ เจ้าคงรู้ดีว่าหากไม่ใช่เพราะปีกคู่นั้น เจ้าตายไปตั้งนานแล้ว!”
ด้านหลังเสียงเย็นเยียบเหี้ยมโหดของเสอเฟิงดังขึ้นอย่างชัดเจน รวมถึงจิตสังหารอันน่ากลัว
หากเป็นผู้แข็งแกร่งที่อยู่ต่ำกว่าระดับอริยะคนอื่นๆ คงสิ้นหวังไปนานแล้ว ถึงอย่างไรการถูกอริยะแท้คนหนึ่งจับจ้อง นั่นไม่ต่างอะไรกับการถูกเทพแห่งความตายจ้องมอง
แต่เสียงของเสอเฟิงเพิ่งจะสิ้นลง พลันเห็นหลินที่อยู่ห่างออกไปเรียกดาบหักออกมา กรีดวาดรุ้งขาวที่งดงามราวกับภาพมายาสายหนึ่งกลางอากาศ
กระบวนเฉือนเกิดดับ!
ทว่าเป้าหมายไม่ใช่เสอเฟิง แต่เป็นต้นบรรพชนหลอมจิตที่อยู่ข้างๆ เสอเฟิง
หืม?
เสอเฟิงสีหน้าอึมครึม ยิ้มเยาะเอ่ย “ยืมแรงโจมตีหรือ ฝันไปเถอะ!”
ฟุ่บ!
ตอนที่พูดเขาก็สำแดงวิชาเคลื่อนย้าย พุ่งไปทางหลินสวิน “ตายซะ!”
ในสายตาเสอเฟิง หากหลินสวินไม่ทำเช่นนี้บางทีคงไม่ถูกไล่ทันในตอนนี้ แต่เขากลับโง่ มาเสียเวลาเพราะเหตุนี้
นี่ทำให้เสอเฟิงคว้าโอกาสได้ มั่นใจเต็มเปี่ยมว่าสามารถสังหารหลินสวินได้ในชั่วขณะนี้
แต่สิ่งที่ทำให้เสอเฟิงตั้งตัวไม่ทันคือ พริบตาที่เขาบพุ่งสังหารเข้าไป เวลาราวกับถูกพลังลึกลับน่ากลัวอันไร้ขอบเขตหยุดชะงัก
อภินิหารหยุดเวลา!
และในเวลาเดียวกันนี้ ดาบหักของหลินสวินก็ตัดใส่ต้นบรรพชนหลอมจิตแล้ว
ตูม!
สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า บนต้นไม้เก่าแก่ที่ราวกับหล่อขึ้นจากสำริดเหลวพลันระเบิดแสงเทาขุ่นแถบหนึ่ง กวาดซัดออกมาในแนวขวาง
“ไม่!”
ตอนที่เสอเฟิงมีปฏิกิริยาตอบสนอง แสงเทาขุ่นแถบนั้นก็ม้วนเข้ามาปกคลุมทั้งร่างของเขาเอาไว้
ฮูม…
ในรัศมีพันจั้ง ต้นไม้ใบหญ้า ก้อนหินทั้งหมดล้วนกัดกร่อน สลายไปอย่างไร้ร่องรอย
ตัวตนยิ่งใหญ่ระดับอริยะแท้อย่างเสอเฟิง เลือดเนื้อร่างกายก็ถูกกัดกร่อนจนหมดในทันที กระดูกเปลี่ยนเป็นของเหลวไหลลงพื้น
ส่วนจิตวิญญาณถูกแสงเทาขุ่นแถบนั้นกลืนกินจนหมดสิ้น!
เหตุการณ์ที่แปลกประหลาดและน่ากลัวนี้ ทำให้หลินสวินฉวยโอกาสชั่วขณะนั้นเคลื่อนย้ายไปในตำแหน่งนอกพันจั้งตั้งนานแล้ว มองดูอย่างหนาวเหน็ย เสื้อผ้าด้านหลังเปียกชุ่มด้วยเหงื่อ
น่ากลัวเกินไปแล้ว!
อริยะแท้คนหนึ่ง เพียงชั่วพริบตาเท่านั้นก็ถูกช่วงชิงเลือดเนื้อกายหยาบ จิตวิญญาณก็ถูกกลืนกิน
และสิ่งที่ทำทั้งหมดนี้ เป็นเพียงแค่ต้นไม้ต้นหนึ่งเท่านั้น!
หากไม่ใช่เพราะเห็นกับตา หลินสวินไม่กล้าเชื่อว่าบนโลกนี้ยังมีเรื่องที่แปลกประหลาดน่ากลัวขนาดนี้
มองไปตรงนั้นอีกครั้ง บริเวณพันจั้งไร้ต้นไม้พืชพรรณ มีเพียงต้นบรรพชนหลอมจิตต้นนั้นหยั่งรากอยู่ตรงนั้น ลำต้นที่โล้งเลี่ยนแผ่แสงประกายสีเทา
พอนึกถึงก่อนหน้านี้ที่ตนเข้าใกล้ต้นไม้โบราณแปลกประหลาดเหล่านั้นอย่างระมัดระมัดระวังตลอดทาง เก็บแหล่งสมบัติหลอมจิตในรากของพวกมัน หลินสวินก็นึกกลัวขึ้นมา
สวบ!
เขาหันหลังจากไปอย่างไม่ลังเล
อริยะแท้อย่างเสอเฟิงตายแล้ว อีกทั้งสมบัติบนร่างกายยังถูกกัดกร่อนจนสลายทั้งหมด ไม่มีทรัพย์หลังศึกให้พูดถึง
แต่ตอนที่อยู่ระหว่างทาง หลินสวินกลับค้นพบอย่างชัดเจนว่าในป้ายคำสั่งเซียนเหินแผ่นแรกของตน ปรากฏจุดสว่างที่ราวกับดวงดาวดวงหนึ่ง
ชะตามรรคผลงานรบ!
นี่ทำให้หลินสวินตื่นเต้นขึ้นมา
เห็นได้ชัดว่าแม้เสอเฟิงถูกต้นบรรพชนหลอมจิตนั่นฆ่าตาย แต่โชควาสนามหามรรคบนตัวเขากลับถูกป้ายคำสั่งเซียนเหินเก็บไป
แต่ตอนที่หลินสวินตรวจสอบป้ายคำสั่งรกร้างโบราณกลับพบว่าไม่มีบันทึกที่ฆ่าเสอเฟิงตาย นี่ทำให้เขาจนคำพูดอีกครั้ง
ทว่าคิดดูอย่างละเอียดแล้วหลินสวินก็เข้าใจ
สิ่งที่ป้ายคำสั่งเซียนเหินเก็บไปก็คือชะตามรรคผลงานรบที่ไร้รูปอย่างหนึ่ง ไม่ว่าจะคู่ต่อสู้ที่ถูกตนฆ่าตายโดยตรงหรือทางอ้อม เพียงแค่คู่ต่อสู้ครอบครองพลังโชควาสนามหามรรค ก็จะถูกป้ายคำสั่งเซียนเหินเก็บรับไว้
ป้ายคำสั่งรกร้างโบราณกลับเป็นสมบัติที่สะสมผลงานรบ มีเพียงศัตรูที่ถูกตนฆ่าตายโดยตรงเท่านั้นจึงจะถูกบันทึก สั่งสมเป็นผลงาน
ฟู่ๆ…
ขณะบินทะยาน หลินสวินสีหน้าซีดขาว หายใจหอบ
เขาเอาโอสถเทพต้นหนึ่งออกมาเสริมกำลังอย่างไม่ลังเล ก่อนหน้านี้ใช้อภินิหารหยุดเวลา แม้ล่อสังหารเสอเฟิงได้ แต่กลับทำให้พลังรอบตัวหลินสวินถูกใช้จนหมดในชั่วพริบตานั้น!
นี่คือข้อด้อยของอภินิหารหยุดเวลา หากไม่ถึงทางตัน หลินสวินไม่สามารถใช้ง่ายๆ
“ผู้อาวุโสเสอเฟิงไปครึ่งชั่วยามแล้ว เหตุใดยังไม่กลับมา”
เหล่าชายหญิงเผ่างูมารทองคำรออยู่ตลอด แต่ตอนนี้กลับตสงสัยไม่อาจสงบได้ เกิดความรู้สึกไม่สบายใจเสี้ยวหนึ่ง
ด้วยพลังปราณของอริยะแท้ ฆ่าคู่ต่อสู้ที่ยังไม่บรรลุอริยะคนหนึ่งย่อมง่ายปานดื่มน้ำกินข้าว ไม่จำเป็นต้องเสียเวลานานขนาดนี้
นี่ทำให้พวกเขาต่างอดกังวลไม่ได้ จะเกิดเรื่องไม่คาดคิดกับเสอเฟิงหรือไม่
“พวกเจ้าอยู่ที่นี่ ข้าไปดูสักหน่อย”
ชายชุดฟ้าที่ผอมตอบสีหน้าเย็นชาคนหนึ่งสูดหายใจเข้าลึกแล้วตัดสินใจ “จำกัดเวลาหนึ่งก้านธูป หากข้ากับผู้อาวุโสเสอเฟิงไม่กลับมา พวกเจ้าออกจากป่าหลอมจิตไปเชิญยอดฝีมือในเผ่ามาทันที”
คนอื่นๆ ต่างพยักหน้ารับ
“เสอเหมิง เจ้าต้องระวัง!”
มีคนเตือน
ชายหนุ่มชุดฟ้าที่ถูกเรียกว่าเสอเหมิงขานรับว่าอืม จากนั้นร่างก็พริบไหวหายไป
“ทุกคนเตรียมพร้อมรับมือเอาไว้ ป่าหลอมจิตแห่งนี้มีอันตรายที่แปลกประหลาดและอัปมงคลมากมาย ในการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนที่แล้วมา เคยมีอริยะไม่น้อยหลงทางอยู่ในนี้ ไม่หวนกลับมาอีก”
“พวกเราก็จะประมาทไม่ได้!”
เหล่าชายหญิงที่เหลือต่างเพิ่มความระวังมากขึ้น
ในข่าวลือ ส่วนลึกของป่าหลอมจิตมีสิ่งมีชีวิตวิญญาณที่แปลกประหลาดน่ากลัวเสียยิ่งกว่าต้นบรรพชนหลอมจิต แค่ไม่รู้ว่าข่าวลือเป็นจริงหรือเท็จ
ถึงอย่างไรตลอดเวลาที่ผ่านมา พวกเขาเองก็เพิ่งเข้าสู่สมรภูมิเก้าดินแดนเป็นครั้งแรก
“พวกเจ้าว่าแปลกหรือไม่ เสอเจินเป็นถึงบุคคลขอบเขตมกุฎที่ก้าวสู่ระดับอมตะเคราะห์ด่านแปด ส่วนผู้อาวุโสเสอเฟิงยิ่งเป็นอริยะแท้คนหนึ่ง แต่เสอเจินกลับถูกสังหารอย่างไร้สุ้มเสียง แม้แต่ผู้อาวุโสเสอเฟิงลงมือ จนตอนนี้ก็ยังไม่มีข่าวส่งกลับมา”
มีคนแปลกใจไม่อาจสงบได้ “คาดการณ์เช่นนี้ ฆาตกรที่ฆ่าเสอเจินตายจะเป็นคนธรรมดาได้อย่างไร”
“ไม่ธรรมดาแค่ไหน ตอนที่ยังไม่บรรลุอริยะก็ไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของผู้อาวุโสเสอเฟิงได้!”
มีคนพูดด้วยเสียงหนักแน่น “รอก่อนเถอะ ไม่แน่ว่าอีกเดี๋ยวผู้อาวุโสเสอเฟิงจะหิ้วหัวฆาตกรกลับมา”
พรวด!
เพิ่งจะสิ้นเสียง คนผู้นี้เพียงรู้สึกว่าภาพตรงหน้าพร่ามัว เงาร่างสายหนึ่งปรากฏตัวตรงหน้าเขากะทันหัน ตอนที่เขายังตอบสนองไม่ทันศีรษะก็ถูกเด็ดลง!
พิรุณโลหิตสีแดงสดสาดกระเซ็นออกจากบนศพหัวขาด ชายหญิงคนอื่นๆ ตกใจจนสีหน้าเปลี่ยนไปโดยพลัน ส่งเสียงกรีดร้องออกมา
ผู้มาเยือนก็คือหลินสวินนั่นเอง!
หลังจากฆ่าศัตรูคนหนึ่งตาย เงาร่างของเขาไม่หยุดสักนิด ปลดปล่อยปราณกระบี่นิลกาฬที่หล่อเลี้ยงอยู่ในร่างออกมาในชั่วพริบตา!
ตูม!
ค่ายกลกระบี่ลึกลับที่หนาแน่นและพร่างพราวปรากฏออกมา ปกคลุมเงาร่างของชายหญิงเหล่านั้นไว้ทั้งหมด ปราณกระบี่สลับทับซ้อน ดุร้ายอย่างที่สุด สว่างบาดตา ตัดร่างกายของพวกเขาเป็นชิ้นเลือดเนื้อมากมายหล่นร่วงลง
แม้แต่การต่อต้านทานยังดูไร้เรี่ยวแรงอย่างที่สุด
ค่ายกลกระบี่นั่นน่ากลัวและหนาแน่นเกินไป สังหารอย่างง่ายดาย ไม่มีอะไรที่ทำลายล้างไม่ได้
อีดทั้งผู้แข็งแกร่งเผ่างูมารทองคำเหล่านั้น ที่เก่งกาจที่สุดก็มีพลังเพียงขอบเขตมกุฎระดับอมตะเคราะห์ด่านแปดเท่านั้น จะเป็นคู่ต่อสู้ของหลินสวินได้อย่างไร
ชั่วพริบตาเท่านั้นบนพื้นเปลี่ยนเป็นแอ่งเลือด เลือดเนื้อเป็นชิ้นๆ ลอยอยู่ภายใน แผ่กลิ่นคาวเลือดที่ชวนคลื่นไส้
ฮูม…
ตอนที่การต่อสู้จบลง ปราณกระบี่นิลกาฬมากมายราวกับฝูงนกกลับรัง หวนกลับเข้าร่างกายของหลินสวิน ส่วนหลินสวินเริ่มรวบรวมทรัพย์หลังศึกอย่างคล่องแคล่ว
สมบัติ ลูกกลอนโอสถ เจตวัตถุ วัตถุดิบวิญญาณ… พวกสมบัติมีค่าถูกหลินสวินเก็บไปทั้งหมด
ในนั้นแค่สมบัติอริยะก็มีสามชิ้นแล้ว!
นอกจากนี้สิ่งที่ทำให้หลินสวินดีใจคือ ในนี้ยังมีขวดหยกมันแพะสี่ขวดที่บรรจุแหล่งสมบัติหลอมจิตไว้เต็ม
สิ่งเดียวที่เสียดายอาจจะเป็นหลังจากฆ่าคู่ต่อสู้เหล่านี้ตาย มีเพียงผลงานรบบางส่วนเท่านั้นที่ถูกบันทึกในป้ายคำสั่งรกร้างโบราณ สำหรับชะตามรรคผลงานรบในป้ายคำสั่งเซียนเหิน ไม่มีเพิ่มเลยสักอัน
ทำทั้งหมดนี้เสร็จหลินสวินก็หายตัวไปจากจุดนั้นราวกับผีอย่างไรอย่างนั้น
เมื่อครู่ตอนที่สังหารคู่ต่อสู้เหล่านี้ ได้สร้างความปั่นป่วนขนานใหญ่ขึ้น ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่ควรอยู่นานอีกต่อไป
สวบ!
ตามคาด ไม่นานชายชุดฟ้าคนนั้นก็รีบหวนกลับมา ตอนที่เห็นภาพนองเลือดอย่างที่สุดบนพื้น สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปโดยพลัน มือเท้าเย็นเยียบ
“ไม่ทันไร ก็ตายหมดแล้ว…”
หน้าอกของเสอเหมิงกระเพื่อมไหวรุนแรง เขารับรู้ได้ว่าสถานการณ์ผิดปกติ ก็ยกเท้าจากไปทันทีโดยไม่อาจสนใจอย่างอื่น
ผู้อาวุโสเสอเฟิงหายตัวไปแล้ว แม้แต่พรรคพวกเหล่านั้นก็ถูกสังหารทั้งหมด ตอนนี้สำหรับเสอเหมิง ป่าหลอมจิตแห่งนี้เป็นแดนแห่งความตายชัดๆ!
ครึ่งวันหลังจากนั้น
เสอเหมิงหนีออกจากอาณาเขตที่ผืนป่าลึกหลอมจิตปกคลุมอย่างหวุดหวิด เขาไม่ได้เสียเวลา พลันหยิบยันต์ลับสีทองแผ่นหนึ่งออกมาบีบอย่างแรงให้แตกในคราเดียว
รุ้งเทพสีทองที่สว่างไสวสายหนึ่งทะยานอากาศขึ้นมา และหายไปในท้องฟ้าไกลโพ้น
ไม่นานพื้นที่กว้างใหญ่ในรัศมีหมื่นลี้ ผู้แข็งแกร่งที่เข้าสู่พื้นที่แห่งนี้ในแต่ละเส้นทาง แทบทุกคนต่างสังเกตเห็นรุ้งเทพสายนี้
“เป็นสัญญาณขอความช่วยเหลือของเผ่างูมารทองคำ!”
มีคนตกใจ
“ไป ไปดูที่ป่าหลอมจิตสักหน่อย”
มีคนสังเกตเห็นว่ารุ้งเทพสีทองมาจากป่าหลอมจิตที่อยู่ไกลมาก
“เร็ว พวกเราไปดูพร้อมกัน โลกมารโลหิตแห่งนี้เป็นอาณาเขตดินแดนโบราณมารโลหิตของพวกเรา พวกเรากับผู้แข็งแกร่งอีกเจ็ดดินแดนมีสัญญาไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะ ‘ตัดรกร้างโบราณก่อน ค่อยประชันสูงต่ำ’ แต่ตอนนี้กลับมีศัตรูร้ายกาจปรากฏตัว จากการคาดการณ์เช่นนี้ ศัตรูนั่นจะต้องเป็นผู้แข็งแกร่งที่มาจากดินแดนรกร้างโบราณอย่างแน่นอน!”
ทันใดนั้นพื้นที่หมื่นลี้นอกป่าหลอมจิตพลันเกิดคลื่นลมขึ้น!
…………………….

 

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท