อย่างตอนนี้ ด้วยประสบการณของหลินสวินยังไม่รู้แน่ชัดว่าสิ่งที่เด็กสาวชุดทหารเผ่างูมารทองคำรวบรวมเป็นของเช่นไร และมีประโยชน์อะไร
แต่ที่แน่ใจได้คือ สมบัติที่ถูกมกุฎราชันระดับอมตะเคราะห์ด่านแปดคนหนึ่งจับจ้อง ต้องไม่ธรรมดาสามัญแน่
สิ่งเดียวที่หลินสวินไม่เข้าใจก็คือ พลังปราณอย่างเด็กสาวชุดทหาร ตอนเก็บของเหลวสีทองเหล่านั้นกลับเหมือนมหาศัตรูจะมาเยือน ไม่กล้าชะล่าใจเลยสักนิด
หรือว่าต้นไม้โบราณนี้ยังมีอันตรายที่ไม่อาจคาดคิดได้อยู่
“จบงานได้แล้ว”
ไม่นานนักเด็กสาวชุดทหารก็ลุกขึ้น นางรวบรวมของเหลวสีทองได้ขวดหนึ่งเต็มๆ ตอนนี้จึงตัดสินใจจะจากไป
แต่ในตอนที่นางคิดจะก้าวเดิน ก็รู้สึกเพียงภาพตรงหน้าพร่ามัว
แย่แล้ว!
เด็กสาวชุดทหารหน้าเปลี่ยนสีทันที จะตอบโต้กลับไปตามสัญชาตญาณ
ทว่าไม่ทันรอให้นางเคลื่อนไหวก็ถูกมือใหญ่มือหนึ่งบีบคอไว้แน่น ผนึกพลังทั้งตัวนางเอาไว้ ทำให้ใบหน้านางม่วงคล้ำแทบจะหายใจไม่ออก
นางรู้สึกตกตะลึงในใจ ก็เห็นว่าเบื้องหน้ามีชายหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่ ดวงตาดำล้ำลึกทั้งสองข้างจ้องตนอย่างเฉยชา
ผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณ!
ชั่วพริบตาเด็กสาวชุดทหารก็ชี้ชัดได้
แต่ที่ทำให้นางไม่เข้าใจก็คือ ดินแดนรกร้างโบราณแห่งนั้นล้าหลังและตกต่ำขนาดไหน เหตุใดถึงมีผู้แข็งแกร่งปานนี้ได้
“ข้าอยากรู้บางเรื่อง ข้าถามเจ้าตอบ”
หลินสวินเอ่ยปาก วาจาเรียบง่ายความหมายครบถ้วน “มิเช่นนั้น ตาย”
เด็กสาวชุดทหารสีหน้าปนเปไปด้วยความรู้สึกต่างๆ ครู่ใหญ่ถึงพยักหน้าอย่างยากลำบาก
“ที่นี่ที่ไหน”
“ป่าหลอมจิต”
“อยู่บริเวณไหนของสมรภูมิเก้าดินแดน”
“โลกมารโลหิต”
พอฟังมาถึงตรงนี้ในใจหลินสวินก็หนักอึ้ง ไม่ว่าคิดอย่างไรเขาก็คิดไม่ถึงว่าทันทีที่ตนเข้ามาที่สมรภูมิเก้าดินแดน ก็ถูกเคลื่อนย้ายมาในอาณาเขตของดินแดนโบราณมารโลหิตเสียได้!
หลินสวินนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยถามอีกครั้งว่า “ที่นี่ไกลจาก ‘เมืองอารักษ์มรรค’ ของพวกเจ้าแค่ไหน”
“ห่างกันประมาณสามหมื่นลี้”
คำตอบของเด็กสาวชุดทหารทำให้หลินสวินลอบถอนหายใจ ก็ยังดี ป่าหลอมจิตแห่งนี้ยังไกลจากค่ายทัพที่ผู้แข็งแกร่งดินแดนโบราณมารโลหิตอยู่
“ที่นี่นอกจากเจ้ายังมีคนอื่นหรือไม่”
หลินสวินเอ่ยถาม
“ข้าไม่รู้”
เด็กสาวชุดทหารเพิ่งพูดจบ ก็รู้สึกเพียงว่ามือใหญ่ที่บีบคออยู่พลันออกแรง ความเจ็บปวดรุนแรงที่เกิดขึ้นทำเอานางยังจะร้องโหยหวนออกมาอย่างอดไม่ได้
แต่พออ้าปากออก กลับส่งเสียงใดออกมาไม่ได้!
สายตาของนางมองชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าอย่างแค้นเคือง ในใจลอบสาบานว่าหากคราวนี้มีโอกาสรอดชีวิต จะต้องหลอมกลืนกินวิญญาณของคนผู้นี้ให้ได้
“เจ้าจริงใจหน่อยจะดีที่สุด หาไม่ข้าก็ไม่ถือที่จะฆ่าเจ้าทันที”
หลินสวินพูดพลางถามคำถามเมื่อกี้อีกครั้งหนึ่ง
เด็กสาวชุดทหารสีหน้าอึมครึม “ข้าไม่รู้จริงๆ แต่ข้ารู้ว่าผู้แข็งแกร่งที่มาจากดินแดนโบราณมารโลหิตของข้า มีไม่น้อยที่มายังป่าหลอมจิต”
“เพราะอะไร”
“รวบรวบรวม ‘แหล่งสมบัติหลอมจิต’”
ประโยคเดียวทำให้หลินสวินใจสั่น พลันนึกขึ้นมาได้ว่าก่อนหน้านี้เจ้าคางคกเคยพูดไว้ว่า การที่ศาสตราราชันบริสุทธิ์จะเลื่อนขั้นเป็นสมบัติอริยะได้ มีเงื่อนไขเข้มงวดหาใดเทียบ
นอกจากจำเป็นต้องหลอมสมบัติวัตถุดิบจากธรรมชาตินานาชนิด หลอมรวมเข้าไปในศาสตราราชันบริสุทธิ์ ยังต้องดูที่วาสนาด้วย!
ในศาสตราชันบริสุทธิ์นับร้อยนับพันชิ้น ยังไม่เห็นชิ้นที่ให้กำเนิดศาสตราอริยะบริสุทธิ์ได้สักชิ้น
และยิ่งเป็นศาสตราราชันบริสุทธิ์ที่คุณลักษณะโดดเด่น ยามแปรสภาพเป็นศาสตราอริยะบริสุทธิ์ ความเสี่ยงที่จะประสบก็ยิ่งมาก ถูกทำลายได้ง่ายดายยิ่งนัก
นี่ก็คือสาเหตุว่าทำไมอริยะมากมายในดินแดนรกร้างโบราณถึงมีเพียงสมบัติอริยะ แต่ไม่มีศาสตราอริยะบริสุทธิ์
ควรรู้ว่าสมบัติอริยะกับศาสตราอริยะบริสุทธิ์ไม่เหมือนกัน
สมบัติอริยะสามารถหลอมออกมาโดยอริยะได้ แต่ศาสตราอริยะบริสุทธิ์แทบจะเป็นการแปรสภาพจากยอดศาสตรามรรคราชันของตนเองทั้งนั้น
คำว่าบริสุทธิ์ก็แทนความไม่ธรรมดาของสมบัติระดับนี้แล้ว
สามารถพูดอย่างไม่เกินเลยว่า ถ้าได้หลอมศาสตราอริยะบริสุทธิ์เข้ากับมรรควิถีของตนแล้ว ก็จะเป็นดั่งส่วนหนึ่งในเลือดเนื้อของผู้ฝึกปราณเอง อานุภาพย่อมไม่อาจเปรียบเทียบกับสมบัติอริยะชิ้นอื่นได้
แต่หากได้ครอบครอง ‘แหล่งสมบัติหลอมจิต’ จะสามารถเพิ่มโอกาสสำเร็จตอนศาสตราราชันบริสุทธิ์แปรสภาพเป็นศาตราอริยะให้สูงขึ้นมาก!
อีกทั้งยิ่งมีแหล่งสมบัติหลอมจิตมากเท่าไร ความเป็นไปได้ที่ศาสตราราชันบริสุทธิ์จะแปรสภาพได้สมบูรณ์ก็จะมากยิ่งขึ้น!
น่าเสียดายที่ในดินแดนรกร้างโบราณ แหล่งสมบัติหลอมจิตนี้ ต่อให้อยู่ในยุคบรรพกาลก็เป็นสมบัติล้ำค่าหาใดเทียบ หายากเสียยิ่งกว่าศาสตราอริยะบริสุทธิ์ บังเอิญพบเจอได้แต่ไม่อาจร้องขอ
และในดินแดนรกร้างโบราณในปัจจุบันแทบหาแหล่งสมบัติหลอมจิตไม่ได้แล้ว
หลินสวินกลับคิดไม่ถึงว่าในป่าหลอมจิตอันพิสดารแห่งนี้จะยังหาสิ่งนี้พบ!
นี่ทำให้เขาใจเต้นระส่ำ
ก็ในตอนนี้เองเด็กสาวชุดทหารที่ถูกเขาบีบคอไว้ จู่ๆ ในนัยน์ตาสีน้ำตาลแปลกประหลาดก็ปรากฏเงาแสงมายาสีทองเจิดจ้าแถบหนึ่ง กวาดสายตามองมายังหลินสวิน
วิชาเนตรสังหารวิญญาณ!
อภินิหารพรสวรรค์ของเผ่างูมารทองคำ
สาเหตุที่พวกเขาถูกเรียกว่า ‘ผู้กระหายวิญญาณ’ ก็อยู่ที่อภินิหารพรสวรรค์วิชานี้ ถ้าใช้อานุภาพของมันกับจิตวิญญาณตรงๆ จะทำให้ผู้อื่นตั้งตัวไม่ทัน
และเห็นได้ชัดว่าเด็กสาวชุดทหารผู้นี้ไม่ใช่คนที่ต่อกรได้ง่าย ชั่วขณะหลังจากถูกสยบก็ไม่ได้เลือกใช้วิชานี้ทันทีทันใด แต่กลับรอจังหวะที่จิตใจของหลินสวินวอกแวกเล็กน้อยถึงค่อยลงมือ เห็นได้ว่าความคิดของนางเจ้าเล่ห์ร้ายกาจปานไหน
หลินสวินไม่ได้สกัดกั้นไว้จริงๆ นี่ทำให้เด็กสาวชุดทหารยินดีปรีดาอยู่ในใจ
แต่ครู่ต่อมานางก็ชะงักไป
เพราะแววตาหลินสวินเย็นชาลุ่มลึกและสงบนิ่ง ราวกับไม่รู้สึกแปลกไปสักนิด และไม่ได้รับผลกระทบใดๆ
อภินิหารพรสวรรค์ที่แต่ไหนแต่ไรไม่เคยติดขัดดันเสื่อมฤทธิ์เสียแล้ว!
นี่มันเป็นไปได้อย่างไร
เด็กสาวชุดทหารตาเบิกกว้าง จิตใจหนาวยะเยือก นางเพิ่งเคยพบเรื่องประหลาดเช่นนี้เป็นครั้งแรก
กร๊อบ!
และก็ในตอนนี้เอง หลินสวินออกแรงที่นิ้วมือบีบคอเด็กสาวผู้นี้ให้แหลกสลาย ขจัดจิตวิญญาณโดยสมบูรณ์
ก่อนตายสีหน้าของนางเจือไปด้วยความไม่เข้าใจ
ที่น่าเสียดายก็คือ หลินสวินไม่มีทางบอกนางว่ามีราชันหนอนกินเทพระดับอมตะเคราะห์ที่บรรลุขอบเขตมกุฎมานานแล้วตัวหนึ่ง คอยดูแลอยู่ในห้วงนิมิตของเขาตลอด
การจู่โจมทางจิตวิญญาณแบบไหนก็ย่อมดูน่าขันทั้งนั้น
“ทำเป็นอวดฉลาด”
หลินสวินถอนใจเบาๆ
เดิมเขายังมีเรื่องอยากถามมากกว่านี้หน่อย แต่ก็รู้ว่าหลังจากเด็กสาวชุดทหารคนนี้ลงมือล้มเหลวแล้ว ย่อมไม่มีทางให้ความร่วมมือเหมือนก่อนหน้านี้ จึงสังหารนางไปโดยไม่ลังเล
ต่อมาหลินสวินก็ตักตวงทรัพย์หลังศึกมาอย่างว่องไว
ดาบกระดูกขาวเล่มหนึ่ง ขวดหยกมันแพะขวดหนึ่ง ป้ายคำสั่งแทนตัวตนของเด็กสาวชุดทหารป้ายหนึ่ง กับต่างหูเก็บของสีเงินอ่อนวงหนึ่ง
ดาบกระดูกขาวเป็นสมบัติอริยะ คมหาใดเทียบ แต่ไม่ถือว่าล้ำค่ามากมาย ส่วนในขวดหยกมันแพะเปี่ยมไปด้วยแหล่งสมบัติหลอมจิตสีทอง
ในต่างหูเก็บของสีเงินอ่อนมีสิ่งของยิบย่อยอย่างแกนวิญญาณเจตะที่จำเป็นต่อการฝึกฝน เจตวัตถุ และลูกกลอนโอสถกองอยู่
ส่วนบนป้ายคำสั่งสลักคำว่า ‘มารโลหิต’ ไว้ ภายในมีกลิ่นอายเจตจำนงของผู้หญิงคนนี้
หลินสวินสัมผัสเพียงเล็กน้อยก็รู้ว่าผู้หญิงคนนี้ชื่อเสอเจิน เป็นลูกหลานสายตรงของเผ่างูมารทองคำผู้หนึ่ง
ภายในป้ายคำสั่งยังเก็บสะสม ‘ผลงานรบ’ ชิ้นหนึ่ง เป็นสิ่งที่เสอเจินได้มาหลังจากสังหารผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณคนหนึ่งไป
นี่ทำให้นัยน์ตาดำหลินสวินหดเกร็ง
ยกนิ้วขึ้นมานับ ตั้งแต่เขาเข้ามาในสมรภูมิเก้าดินแดนจวบจนตอนนี้ยังผ่านไปไม่ถึงสองชั่วยาม
แต่เสอเจินคนนี้ดันสังหารผู้แข็งแกร่งจากแดนรกร้างไปแล้วหนึ่งคน!
‘ดูท่า ไม่ได้มีแค่ข้าคนเดียวที่ถูกเคลื่อนย้ายมาถึงบริเวณที่ผู้แข็งแกร่งดินแดนโบราณมารโลหิตนี้ยึดครอง…’
หลินสวินครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วก็ส่ายหน้า
ซ่า!
พอเขากวาดปลายนิ้วไป เปลวเพลิงริ้วหนึ่งก็เคลื่อนออกมาแผดเผาร่างของเสอเจินให้กลายเป็นเถ้าธุลีหายลับไปโดยสมบูรณ์
ในขณะเดียวกัน เขาก็รู้สึกได้ว่าในป้ายคำสั่งรกร้างโบราณของตนมีผลงานรบเพิ่มมาจุดหนึ่ง ตีตรากลิ่นอายของเสอเจินเอาไว้
แต่ในป้ายคำสั่งเซียนเหินสองชิ้นกลับไม่มีการเคลื่อนไหวสักนิด ยังคงว่างเปล่าดังเดิม
‘ที่แม่นางอาหูพูดถูกต้องดังคาด คิดจะเก็บเกี่ยวชะตามรรคผลงานรบ มีเพียงสังหารบุคคลระดับผู้กล้าที่โดดเด่นสะดุดตา พลังต่อสู้เลิศล้ำ หรือไม่ก็พวกที่บรรลุอริยะเหล่านั้น คนอื่นไม่มีชะตามรรคผลงานรบเลย…’
อย่างเสอเจินคนนี้ ก็ถือเป็นบุคคลขอบเขตมกุฎที่บรรลุระดับอมตะเคราะห์ด่านแปดคนหนึ่ง แต่กลับไม่มีชะตามรรคผลงานรบเสียอย่างนั้น
เพียงคิดก็รู้ว่าหากต้องการรวบรวมชะตามรรคผลงานรบพันชิ้นเพื่อกระตุ้นพลังในป้ายคำสั่งเซียนเหินชิ้นหนึ่ง เป็นเรื่องยากลำบากปานไหน
แต่หลินสวินก็ไม่รีบร้อน สมรภูมิเก้าดินแดนเพิ่งเปิดม่าน ขอเพียงมีชีวิตอยู่ ภายหน้าก็มีโอกาสไปล่าศัตรูที่เงื่อนไขครบได้
ฟึ่บ!
หลินสวินไม่ร่ำไร เงาร่างไหววูบและออกไปจากที่นี่
“เร็วเข้า ทางนี้ เมื่อกี้มีคลื่นพลังลอยมา!”
ตอนที่หลินสวินเพิ่งจากมา เสียงหนึ่งพลันดังขึ้นในส่วนลึกของป่าดำมืดแห่งนั้น
จากนั้นเงาร่างทั้งชายและหญิงกลิ่นอายแข็งแกร่งถึงที่สุดกลุ่มหนึ่งเคลื่อนออกมา มีทั้งหมดเจ็ดคน
ที่นำหน้าเป็นชายวัยกลางคนชุดเทาที่มีหางงูทองคำ ผมเผ้าเคราหนวดราวน้ำหมึก ทั้งกายแผ่กลิ่นอายของระดับอริยะ
หลังจากคนทั้งกลุ่มมาถึงที่นี่ ชายวัยกลางคนชุดเทาผู้นั้นสังเกตเล็กน้อยก็สีหน้าถมึงทึง ในดวงตามีแววเย็นชาน่าตกใจไหลทะลักออกมา
“เสอเจินถูกฆ่าแล้ว!”
ชายชุดเทาเอ่ยชัดถ้อยชัดคำ จิตสังหารโอบล้อมไปทั้งกาย
แต่พอเขาเห็นต้นไม้โบราณที่เหมือนกับหล่อขึ้นจากของเหลวสำริดที่อยู่ใกล้เคียงต้นนั้น พลันเผยสีหน้าหวาดหวั่น เก็บงำกลิ่นอายของตนทันใด ไม่กล้าไปแตะต้องเข้าใกล้ต้นไม้โบราณต้นนั้น
“น่าชังนัก!”
เบื้องหลังชายวัยกลางคนชุดเทา ชายหญิงเหล่านั้นต่างสีหน้าถมึงทึง
“ไม่ว่าเป็นใคร กล้าฆ่าคนในเผ่างูมารทองคำของพวกเราก็จะต้องตาย!”
มีคนกัดฟันเค้นเขี้ยว
“เสอเจินเป็นน้องสาวแท้ๆ ของเสอหลินบุตรเทพเผ่าเรา ถ้าให้เขารู้เรื่องนี้เข้าต้องโมโหเดือดดาลแน่”
มีคนหน้าเปลี่ยนสี
“เรื่องนี้อย่าเพิ่งบอกเสอหลิน เขาไปรวมตัวกับเหล่าผู้โดดเด่นแห่งยุคจากดินแดนโบราณมารโลหิตที่เมืองอารักษ์มรรคแล้ว ทันทีที่เขารู้เรื่องนี้ จะต้องกลายเป็นตัวถ่วงให้เรื่องใหญ่ที่เขาแบกไว้อยู่แน่!”
ชายวัยกลางคนสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งแล้วเอ่ยด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “เรื่องเร่งด่วนในตอนนี้คือไปจับตัวฆาตกรมาให้ได้ก่อน!”
“ผู้อาวุโสเสอเฟิง ข้ากล้ามั่นใจว่าฆาตกรต้องยังอยู่ในป่าหลอมจิตแห่งนี้!”
ชายหนุ่มคนหนึ่งสีหน้าเย็นเยียบ เมื่อกี้เขาสังเกตดูบริเวณใกล้เคียง พบร่องรอยการต่อสู้บางอย่าง จึงตัดสินออกมาเช่นนี้
“แต่ว่าป่าหลอมจิตมีอันตรายมากมาย ทั้งยังกว้างขวางถึงที่สุดด้วย หากศัตรูซุกซ่อนอยู่ภายในนี้ คิดจะจับเขาออกมา ไม่ต้องสงสัยเลยว่าไม่ต่างอะไรกับการงมเข็มในมหาสมุทร”
มีคนนิ่วหน้า “ที่น่ากลัวที่สุดก็คือฆาตกรคนนี้เจ้าเล่ห์นัก ในบริเวณใกล้เคียงไม่หลงเหลือกลิ่นอายใดๆ ของเขาเลย”
ประโยคเดียวทำให้ในใจคนอื่นๆ หนักอึ้ง รับรู้ได้ว่าฆาตกรคราวนี้ไม่ใช่คนที่ต่อกรได้ง่ายๆ!
แค่ความสามารถในการกลบร่องรอยยังไม่ธรรมดาสามัญ
ชายวัยกลางคนชุดเทาที่ถูกเรียกขานว่าเสอเฟิงนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งแล้วกัดฟันพูดว่า “พวกเราออกเคลื่อนไหวก่อน ถ้าสุดท้ายไม่ไหวจริงๆ… เช่นนั้นก็ไปขอความช่วยเหลือจากสหายเผ่า ‘ผึ้งมารลายดำ’!
——