เมื่อได้ฟังคำพูดของฉินเทียน หยางหลินมีความกังวล จากนั้นพูดอย่างเก้ๆ กังๆ ว่า:“ไม่เป็นไร……”
“ฉินเทียน พวกเรารีบเข้าไปกันเถอะ”
ฉินเทียนพยักหน้าและไม่ได้ถามต่อ เพราะว่าบรรดาญาติๆ เพิ่งจะมาถึง เป็นบรรยากาศที่สนุก เขาจึงไม่ได้ถามอะไรมาก
โชคดีที่ว่า ดูท่าแล้ว พวกเขาน่าจะคงอยู่ที่นี่ต่อสักระยะ
ต่อไปมีโอกาสได้พูดคุยกันละเอียดขึ้น
“แม่ครับ ที่ด้านข้างยังมีคฤหาสถ์ว่างอยู่ ผมจะไปเรียกคนมาเก็บกวาด”
“ให้ตาและยาย ลุงกับป้าพวกเขาอยู่กัน”
หยางยู่หลันรีบพูดขึ้นว่า:“ไม่ต้องหรอก แม่ไปพูดแล้ว”
“ห้องเก็บกวาดสะอาดเรียบร้อย ตาและยาย ลุงกับป้าพวกเขาพอใจกันมาก”
ฉินเทียนมองผักมากมายที่วางอยู่บนโต๊ะ หัวเราะแล้วพูดว่า:“จะกินข้าวที่บ้านเหรอครับ?”
“แม่ไปคุยเป็นเพื่อนตาและยาย ลุงกับป้าพวกเขาเถอะครับ เดี๋ยวผมทำอาหารเอง”
เขาถกแขนเสื้อขึ้น จากนั้นถือถุงผักเข้าไปในครัว
หลี่เฟินตกใจแล้วรีบขวางไว้ พูดว่า:“น้องเทียน นายเป็นหัวหน้าครอบครัว เรื่องพวกนี้ จะให้นายทำได้ยังไง!”
“รีบวางลง เดี๋ยวป้าทำเอง”
ฉินเทียนรีบพูดว่า:“ป้าครับ ป้าเป็นแขก จะให้ป้าลงมือทำได้ยังไง?ผมทำเองดีกว่า!”
หยางยู่หลันหัวเราะว่า:“จริงด้วยซ้อ ให้ฉินเทียนไปทำเถอะ”
“เขามักจะทำอาหารอยู่บ้าน พวกเรากินกันจนชินแล้ว”
หลี่เฟินหัวเราะว่า:“น้องสาว จะอวดลูกเขยใช่หรือไม่?”
“เฮ้อ ฉันนะเสียใจจริงๆ ที่ไม่ได้มีลูกสาวน่ารักแบบซูซู ไม่งั้นล่ะก็ฉันหาลูกเขยดีๆ แบบนี้บ้าง”
“แต่ว่าฉันอึดอัดจริงๆ ลูกเขยดีๆ แบบนี้ เธอยอมให้เขาไปลงครัวได้ยังไง?”
หยางยู่หลันหัวเราะว่า:“พี่พูดแบบนี้ ราวกับว่าพี่ชายของฉันแย่มาก”
“ซ้อ พูดความจริงนะ พี่แต่งงานเข้าบ้านเรามาหลายปี พี่ชายฉันทำให้พี่น้อยใจหรือเปล่า?”
หลี่เฟนเบิกตากว้างจากนั้นเหลือบมองหยางเซิน หัวเราะอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า:“คุณพูดเองสิ หลายปีมานี้ คุณทำอะไรให้ฉันบ้าง?”
“อาหารสักมื้อเคยทำไหม?”
หยางเซินพูดอย่างเก้ๆ กังๆ ว่า:“พอแล้วฉินเทียน นายรีบเอาถุงผักให้ป้าเถอะ”
“นายยังแสดงฝีมืออีก ทำให้ผู้ชายคนอื่นไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว เหลือหน้าไว้ให้ลุงบ้าง”
ฉินเทียนก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้ จากนั้นเอาถุงผักให้หลี่เฟิน
“ฉินเทียนไปคุยเป็นเพื่อนตาและยาย ลุงกับพี่ชายเถอะ”
หยางยู่หลันหัวเราะแล้วพูดประโยคหนึ่ง จากนั้นก็พาน้องเซวี่ยไปช่วยในครัวด้วย
สองสามีภรรยาหยางเต๋อกวงและเจิงหงซิ่ว ที่เป็นคนมีความรู้ในวัยชรา แม้ว่าจะไม่ค่อยพูด แต่พวกเขาก็มองออก และเป็นห่วงฉินเทียน
แล้วก็ชอบอุทยานมังกรแห่งนี้มากด้วย
ฉินเทียนอาศัยจังหวะนี้ ขอร้องให้พวกเขาอยู่ต่อ
อุทยานมังกรที่ใหญ่โต นอกจากยามและแม่บ้านพนักงานคนอื่นๆ แล้ว ปกติก็มีหลินเซวี่ยและหม่าเซวี่ย แล้วก็มีหยางยู่หลัน ซูซูและฉินเทียนแค่นี้
มันช่างเงียบเหงาจริงๆ
และฉินเทียนก็ต้องออกไปทำงานข้างนอก การเดินทางไม่แน่นอน
เวลาที่เขาไม่อยู่บ้าน เหลือแต่พวกผู้หญิง มันยิ่งว่างเปล่าเข้าไปใหญ่
หยางเต๋อกวงและเจิงหงซิ่วที่ต่างก็ปลดเกษียณแล้ว ต่อไปก็อยู่ที่นี่ได้นาน นั่นก็ทำให้บรรพบุรุษลูกหลานทั้งสามรุ่น ยิ่งเหมือนเป็นครอบครัวเข้าไปอีก
แต่ว่า คนแก่ทั้งสองเป็นคนที่คิดถึงบ้านและเพื่อนบ้านของพวกเขา จึงไม่ยอมออกจากบ้านเดิมนานๆ
รับปากแบบฝืนๆ ว่าจะอยู่ถึงช่วงตรุษจีน
เมื่อคุยกันได้สักพัก ฉินเทียนที่เห็นซูซูยังไม่ได้กลับมา ก็อดที่จะโทรศัพท์หาหลินเซวี่ยไม่ได้
หลินเซวี่ยบอกว่า ซูซูและหุ้นส่วนบริษัทคนอื่นๆ กำลังประชุมกัน ยังไม่รู้ว่าจะประชุมเสร็จเมื่อไหร่
ฉินเทียนที่คิดอะไรได้ ก็พูดว่า:“ตากับยายครับ พวกท่านนั่งกันไปก่อน ผมจะไปหาซูซูที่บริษัท”
“แล้วก็จะซื้ออาหารเข้ามาด้วย”
เมื่อได้ยินว่าจะไปรับซูซู หลี่เฟินก็รีบพูดว่า:“น้องเทียน อย่าเพิ่งบอกซูซูนะว่าพวกเรามาน่ะ”
“เดี๋ยวจะได้เซอร์ไพรส์เธอ”
ฉินเทียนหัวเราะว่า:“ครับป้า”
เขาขับรถมาถึงตึกใหญ่ซูยู่
ส่วนหลินเซวี่ยที่นั่งอยู่บนรถแลนด์ ก็กำลังรอซูซูเลิกงานอย่างเบื่อๆ เมื่อเห็นเขา ก็พูดด้วยความเซอร์ไพรส์ว่า:“คุณผู้ชาย มารับคุณผู้หญิงด้วยตัวเองเหรอ?”
ส่วนฉินเทียนที่เห็นหลินเซวี่ยแต่งหน้าอ่อนๆ แล้วเสื้อผ้าก็ใหม่ซะด้วย
เขาอดที่จะหัวเราะไม่ได้ว่า:“หลินเซวี่ย ดูเหมือนว่าเธอมีเดทตอนกลางคืนสินะ”
“กับใคร?”
หลินเซวี่ยหน้าแดงแล้วพูดว่า:“พูดมั่วอะไรนั่น!”
“ฉันเปล่าซะหน่อย”
“จริงเหรอ?”ฉินเทียนพูดอย่างช้าๆ ว่า:“ทีแรกฉันเตรียมจะให้เธอหยุดงานสักหน่อย”
“ในเมื่อไม่มีอะไรแล้ว ก็ช่างเถอะ”
“งั้นก็รอคุณผู้หญิงพร้อมกันกับฉัน”
“อย่านะ!”หลินเซวี่ยหัวเราะฮ่าๆ แล้วพูดว่า:“คุณผู้ชาย คุณจะมารอรับคุณผู้หญิงเพื่อแสดงความรัก ฉันจะมาพรากโอกาสของพวกคุณไม่ได้”
“งั้นคุณผู้หญิงก็มอบให้คุณแล้ว บ๊ายบาย!”
เมื่อพูดจบ ก็รีบกระโดดขึ้นรถแลนด์ไป
ฉินเทียนไม่รู้จะพูดอะไร หลินเซวี่ยนี่ จะมีความรักแล้วเหรอ?
อีกฝ่ายเป็นใคร?ใช่ทีมหมาป่าโดดเดี่ยวหรือว่าแก๊งเขี้ยวมังกรไหม?
หรือว่าจะเป็นองค์กรคำสาปสวรรค์?
ส่วนเจ้าถงชวนและเถียปี้สองคนนั่น เมื่อเห็นสาวสวยแบบหลินเซวี่ย ก็ดูเหมือนจะตื่นเต้นมาก
เขาจุดบุหรี่ดูด จากนั้นยืนพิงรถ แล้วคิดแบบเบื่อๆ
ในระหว่างนั้น เขาก็ส่งข้อความหาราชาหนู ถามเรื่องสืบเรื่องปรมาจารย์พิษไปถึงไหนแล้ว
ครั้งที่แล้วในทะเลทรายตะวันออกกลาง มีคนล้อมมากมายขนาดนั้นยังให้เจ้านั่นหนีไปได้
ฉินเทียนคิดแล้วก็เดือด
ราชาหนูตอบกลับมา ทำให้ฉินเทียนตกใจมาก
มีเบาะแสที่แสดงว่า ปรมาจารย์พิษมาที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ว่าเบาะแสนั้นเชื่อถือได้หรือไม่ ราชาหนูกำลังตรวจสอบอยู่
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้!
หากว่าเป็นแบบนั้นจริง เจ้าหมอนั่นก็อยู่ไม่ไกลจากตัวเขามาก
หากว่าปรมาจารย์พิษมาสร้างเรื่องที่นี่ ถ้างั้นประเทศก็จะอาจเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น
เขาถอนหายใจแล้วพูดด้วยความเย็นชาว่า:“เรื่อวงนี้ใหญ่มาก จะต้องตรวจสอบให้ชัดเจน!”
“ไม่สนว่าต้องจ่ายเท่าไหร่!”
ราชาหนูตอบกลับมา:“เข้าใจครับ”
เมื่อคิดถึงปรมาจารย์พิษ ฉินเทียนก็หงุดหงิด เจ้าหมอนี่เหมือนพิษร้ายที่ซ่อนตัว หากไม่จำกัดทิ้ง เขาไม่วางใจเลยสักวัน
เขาอดที่จะคิดไม่ได้ว่า ว่าตัวเขาจะต้องไปเข้าพบเถ้าแก่ใหญ่หรือไม่ ดูว่าเขามีวิธีอะไรบ้างที่จะนำปรมาจารย์พิษออกมา จากนั้นก็กำจัดทิ้งซะ
แต่ว่าไม่มีหนทางใด ฉินเทียนก็ไม่อยากไปรบกวนเขา
จู่ๆ ผ่านไปครึ่งชั่วโมงกว่าแบบไม่รู้ตัว
ที่ด้านหน้าของตึกสูงซูยู่ มีเสียงูดคุยหัวเราะดังออกมา
ซูซูที่เดินออกมาพร้อมกับเพื่อนร่วมงานหลิงชิง กงลี่ หลิวหยุนตงและเนี่ยเจี้ยนเฉิงที่รับผิดชอบร้านค้าทั่วไป
ฟ้ามืดแล้ว พนักงานคนอื่นๆ ก็เลิกงานแล้ว
ดูเหมือนว่าหุ้นส่วนท่านประธานเหล่านี้จะประชุมจนลืมดูเวลา
ส่วนกงลี่ที่ตาดีก็เห็นฉินเทียน เธอรีบผลักซูซูแล้วพูดว่า:“ประธานซู ชายที่รักของเธอมาแล้ว”
ส่วนซูซูที่กำลังตั้งใจวิเคราะห์ผลักดันแผนขั้นต่อไปกับหลิวชิงและเนี่ยเจี้ยนเฉิง เมื่อได้ยินก็อึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นมองมา
หลิวชิงที่มองฉินเทียนพิงอยู่ที่รถก็รีบพูดว่า:“กงลี่ เธอพูดผิดแล้ว นั่นมันชายสุดที่รัก”
“ท่านประธานคนสวยของพวกเรา รีบไปเถอะ เรื่องงานเดี๋ยวค่อยคุยกันวันหลัง อย่าให้ชายสุดที่รักรอจนร้อนใจไปเลย”
ซูซูถุย หน้าแดงแล้วพูดด้วยคงามโกรธว่า:“คนเลวพูดคำดีๆ ออกมาไม่ได้!”
“งั้นก็ได้ ตามนี้ไปก่อน รายละเอียดพวกเราค่อยมาคุยกันในวันพรุ่งนี้”
เธอสะพายกระเป๋า เดินมาที่ฉินเทียน
ฉินเทียนที่มองเธอสวมชุดยูนิฟอร์มทำงาน ร่างกายสวยสง่า ภรรยาที่สวยงามไม่เหมือนใครในโลก มองเขาเหมือนลูกชายที่ซื่อบื้อ จากนั้นยิ้มแฉ่ง