Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1510 ไอสังหาร

ตอนที่ 1510 ไอสังหาร
เคร้ง!
เสียงปะทะสะท้านฟ้าดินดังขึ้น แสงเทพระเบิดปะทุ
การฟันนี้ของหลินสวินถูกทวนศึกยาวหนึ่งจั้งสองฉื่อสีเขียวเล่มหนึ่งรับไว้
เจ้าของทวนศึกคือบุรุษใบหน้ายาวซูบตอบ ผมเผ้าเคราหนวดสีดอกเลาคนหนึ่ง เป็นอริยะผู้หนึ่งเช่นกัน
หญิงสาวชุดแดงตายไปแล้ว ตายด้วยเหตุไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว
ในสถานการณ์เช่นนี้หากปล่อยให้เล่อมู่จิ้นเกิดเรื่องไม่คาดฝันอีก อริยะอย่างพวกเขาจะปาดคอตัวเองฆ่าตัวตายก็ไม่สำคัญแล้ว
บุรุษผมสีดอกเลาคนนี้ก็คิดเช่นนี้
เขามีนามว่าจี้ชิ่ง มาจากดินแดนโบราณมารโลหิต เป็นบรรณาการของเผ่างูมารทองคำเช่นเดียวกับติงซานเหอ
ทว่าแม้รับการโจมตีนี้ได้ จี้ชิ่งกลับหน้าเปลี่ยนสีในทันใด ร่างกายสั่นโคลง เลือดลมในร่างปั่นป่วน
ในที่สุดเขาถึงกับกระอักเลือดออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
เพียงการโจมตีเดียวทำให้อริยะแท้ผู้หนึ่งได้รับบาดเจ็บ!
นี่ก็คืออานุภาพของมรดกอักษรสังหาร
หากเป็นก่อนหน้านี้ ต่อให้หลินสวินโคจรพลังทั้งหมดก็ทำได้เพียงอาศัยอภินิหารหยุดเวลา ถึงจะมีความเป็นไปได้ครึ่งหนึ่งในการฆ่าอริยะแท้ให้ได้สักคน
แต่ตอนนี้เขาฆ่าหญิงสาวชุดแดงด้วยศรเดียวก่อน จากนั้นก็ทำให้จี้ชิ่งบาดเจ็บด้วยกระบวนเฉือนเดียว อริยะสองคน ตายหนึ่งบาดเจ็บหนึ่ง!
หากผลงานการต่อสู้เช่นนี้กระจายออกไป สามารถก่อให้เกิดความปั่นป่วนครั้งใหญ่ สะเทือนไปทั้งใต้หล้า
ต่อให้เป็นจี้ชิ่งก็คิดไม่ถึง ว่าชายหนุ่มที่ยังไม่บรรลุอริยะคนหนึ่งจะถึงกับทำให้ตนได้รับบาดเจ็บในการประลองซึ่งหน้าได้
นี่ช่างเหนือจริงราวกับความฝัน!
ควรรู้ว่าผู้ที่อยู่ต่ำกว่าระดับอริยะล้วนเป็นดั่งมดปลวก ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันจะหา ‘มดปลวก’ ที่สามารถเย้ยฟ้า ข้ามระดับมาต่อกรกับอริยะได้สักกี่คน
แต่ตอนนี้ อริยะจี้ชิ่งได้รับบาดเจ็บแล้ว!
……
ในเวลาเดียวกันกับที่จี้ชิ่งได้รับบาดเจ็บ ติงซานเหอได้ออกเคลื่อนไหวไปก่อนแล้ว พอสะบัดแขนเสื้อ กฎเกณฑ์อริยมรรคเต็มฟ้ากลายเป็นรุ้งเทพปราณดาบแน่นขนัดม้วนตลบฟ้ากว้าง ฟันไปยังหลินสวิน
สวบ!
แต่หลินสวินชิงเคลื่อนตัวลงไปใต้หุบเหวก่อนแล้ว
สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าทันทีที่การจู่โจมของติงซานเหอไปถึงในหุบเหว ก็ถูกพลังกฎเกณฑ์อันพิสดารกักไว้ จากนั้นสลายออกเหมือนฟองอากาศ หายลับไปในความว่างเปล่า
ติงซานเหอสีหน้าอึมครึม สะกดความต้องการอยากตามฆ่าเอาไว้ ไม่ได้ไล่ตามไป พลังพิสดารที่เต็มเปี่ยมอยู่ในหุบเหวนั้นน่ากลัวเกินไป ทำให้เขาไม่กล้าก้าวข้าม
แต่ทันทีที่คิดว่ามดตัวหนึ่งหลุดมือตนไปอีกครั้ง ก็ทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นมืดทะมึนหาใดเทียบแล้ว
“เหตุใดถึงไม่ตามไป! เจ้าเป็นถึงอริยะ แต่ขนาดสวะตัวจ้อยแบบนี้ยังไม่กล้าตามไปหรือ”
ใกล้กันนั้นเสียงคำรามของเล่อมู่จิ้นดังมา
ตอนนี้เขาดวงตาแดงก่ำไปหมด สีหน้าเหี้ยมเกรียมเขียวคล้ำ บันดาลโทสะเหมือนบ้าคลั่ง
หญิงสาวชุดแดงเป็นหญิงรับใช้ข้างกายเขา ปรนนิบัติข้างกายเขามาตั้งแต่ยังเยาว์ แต่ตอนนี้กลับตายเพราะเขา เรื่องนี้จะไม่ทำให้เขาโกรธได้อย่างไร
ติงซานเหอถูกด่าจนไม่อาจเงยหน้าขึ้นมาได้ ออกจะเสียหน้าอยู่บ้าง หัวเราะหยันเอ่ยว่า “ขอคุณชายคลายโกรธ หญิงรับใช้ของท่านเป็นอริยะเช่นเดียวกับข้า ไม่ใช่ว่าตายเหมือนกันหรือ”
“เจ้าว่าอย่างไรนะ พูดอีกครั้งซิ”
เล่อมู่จิ้นสีหน้าอึมครึมจนน่ากลัว
ติงซานเหอสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งแล้วพูดว่า “คุณชายเล่อ ท่านดูจี้ชิ่งอีกทีสิ สวะตัวจ้อยในสายตาท่านใช้พลังในการโจมตีเดียวก็ทำให้จี้ชิ่งบาดเจ็บแล้ว”
เล่อมู่จิ้นตะลึงงัน สายตามองไปยังจี้ชิ่งที่อยู่ไม่ไกล
เขาจำได้อย่างแจ่มชัดว่าเมื่อกี้เป็นจี้ชิ่งที่ช่วยเขารับการโจมตีไว้ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าอริยะอย่างจี้ชิ่งจะถึงกับได้รับบาดเจ็บ!
จี้ชิ่งสีหน้าปนเปไปด้วยความรู้สึกต่างๆ ถูกคนรุ่นเยาว์คนหนึ่งโจมตีบาดเจ็บ ทำให้เขาก็รู้สึกอดสู ใบหน้าชราหม่นหมอง
แต่ยามเผชิญหน้ากับสายตาของเล่อมู่จิ้น เขาก็ยังพยักหน้าเอ่ยว่า “พลังของเจ้าเด็กนั่นแข็งแกร่งจนน่าเหลือเชื่อไปบ้างจริงๆ”
เล่อมู่จิ้นสีหน้าเหยเก พลันสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ฝืนตัวสงบใจลง
พอนึกถึงแต่ละภาพที่เกิดขึ้นเมื่อครู่อย่างละเอียด ตัวเขาก็หนาวเหน็บขึ้นครู่หนึ่ง มือเท้าเย็นเฉียบ
น่ากลัวไปแล้วจริงๆ!
ถ้าไม่ได้หงหลิงช่วยเขารับลูกศรไว้ คนที่ตายก็ต้องเป็นตน
ถ้าไม่ได้จี้ชิ่ง เกรงว่าตนก็คงรับการโจมตีนั้นไม่ได้…
“เขา… แข็งแกร่งปานนี้ได้อย่างไร”
เล่อมู่จิ้นสีหน้าเหม่อลอย ใบหน้าไม่น่าดูหาใดเทียบ
อริยะสี่คนอย่างพวกติงซานเหอ จี้ชิ่งก็สีหน้าอึมครึม คำถามข้อนี้ก็ทำให้พวกเขาคิดไม่ออก อกสั่นขวัญแขวนเช่นกัน
มดตัวหนึ่งกลับมีพลังสังหารอริยะ เรื่องนี้เป็นที่ตื่นตะลึงในโลกอย่างยิ่งอยู่แล้ว หากกระจายออกไปถึงกับไม่มีใครกล้าเชื่อ!
“ที่ทำให้ข้าไม่เข้าใจที่สุดก็คือ ตกลงไปในหุบเหวพิสดารสุดหยั่งนั่น ทำไมเจ้าสวะตัวจ้อยนั่นยังรอดมาได้”
ติงซานเหอนิ่วหน้า
ประโยคเดียวทำให้คนอื่นก็ฉงนใจจนไม่อาจสงบ
หลินสวินกลับสามารถเคลื่อนไหวในนั้นได้อย่างอิสระ ไม่บาดเจ็บแม้สักนิด เรื่องนี้ทำให้พวกเขาไม่เข้าใจอย่างยิ่ง
“คุณชายเล่อ พวกเราจะยังอยู่ที่นี่ไหม”
จี้ชิ่งเอ่ยถาม
ประโยคเดียวทำให้สายตาของอริยะทั้งสี่ ณ ที่นั้นต่างมองไปที่เล่อมู่จิ้น
“เขายังมีชีวิตอยู่!”
เล่อมู่จิ้นกัดฟัน “ไม่ฆ่าเขาแล้วจะไปได้อย่างไร”
เขาสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งแล้วพูดว่า “ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อกี้เขาลอบโจมตี เล่นงานพวกเราทีเผลอ แต่ตอนนี้ทำไม่ได้แล้ว ขอเพียงเขากล้าโผล่หัวขึ้นมาอีก ต้องตายอย่างไม่สงสัย!”
พวกติงซานเหอสบตากัน ในใจรู้ดีว่าการตายของหญิงสาวชุดแดงสร้างความสะเทือนใจให้เล่อมู่จิ้นโดยสมบูรณ์ ตอนนี้เกรงว่าใครมาก็คงกล่อมให้เขาจากไปไม่ได้
“คุณชายเล่อ นี่เป็นพวกแพะสองขาที่จับมาใหม่ มีทั้งสิ้นสิบหกคน หนำซ้ำข้าได้สั่งการลงไปแล้ว ผู้แข็งแกร่งจากเผ่าต่างๆ ที่กระจายตัวอยู่ในป่าหลอมจิตต่างเสาะหาแพะสองขาจากดินแดนรกร้างโบราณอย่างเต็มกำลัง ขอเพียงจับได้ก็จะมอบให้ท่าน”
ไกลออกไปเฟิงผิงจื่อจากเผ่าผึ้งมารลายดำเดินมา พอสะบัดแขนเสื้อเสียงหล่นลงพื้นดังตุ้บๆ ก็ดังขึ้น
ชายหญิงกลุ่มหนึ่งหล่นลงกับพื้น ถึงกับมีบุคคลขอบเขตมกุฎหลายคน
แต่ตอนนี้พวกเขาต่างสีหน้าโกรธเคืองและหวาดผวา
ความชิงชังและไอสังหารที่ไม่มีปิดบังสักนิดปรากฏขึ้นในดวงตาของเล่อมู่จิ้น เขาเดินไปข้างหน้า สายตามองลงเหยียดหยันผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณเหล่านั้น เอ่ยว่า “ใครรู้จักไอ้หมอนี่ บอกตัวตนของเขามาก็จะรอดชีวิตจากไป”
เขายื่นมือออกไป จอภาพหนึ่งก็ปรากฏขึ้น ฉายเงาร่างของหลินสวินออกมาอย่างเหมือนจริง
“เขา… เขาคือ…”
ชายหนุ่มคนหนึ่งใจเต้นระส่ำ กำลังจะเอ่ยปากด้วยเสียงสั่นเครือ
แต่พอพูดมาได้ครึ่งหนึ่งก็ถูกชายชุดเทาที่อยู่ข้างๆ คนหนึ่งอุดปากไว้ บิดคอหักทันที
กร๊อบ!
ชายหนุ่มผู้นี้ตาถลน ตายคาที่ท่ามกลางเสียงกระดูกแหลก
“มีฐานะเป็นชายจากดินแดนรกร้างโบราณ ทรยศพวกพ้องในทัพของตนได้อย่างไร ทำเช่นนี้ไม่สู้ข้าส่งเจ้าไปตายเสียดีกว่า แม้ตายก็ถือว่ารักษาชื่อเสียงเจ้าไว้ได้”
ชายชุดเทาเอ่ยเย็นชา
“เจ้ารนหาที่ตาย!”
เล่อมู่จิ้นบันดาลโทสะ ยกกระบองเหล็กในมือขึ้นกระแทกลงไปเสียงดังปึง ทุบศีรษะของชายชุดเทาผู้นั้นจนกระจุย น้ำเลือดกระเซ็น
“ในหมู่พวกเจ้ายังมีใครรู้อีกไหม”
เขาดวงตาแดงฉาน แผ่กลิ่นอายกระหายเลือดโหดเหี้ยมออกมา
“อยากฆ่าก็ฆ่าสิ มาพูดพล่ามมากมายขนาดนั้นเพื่ออะไร ถุย!”
หญิงสาวคนหนึ่งหยามเหยียด
ปัง!
ศีรษะของนางก็ถูกทุบจนแหลก
“สารเลว!”
“รอดูเถอะ สวะดินแดนโบราณมารโลหิตอย่างพวกเจ้า หนี้เลือดในวันนี้ไม่ช้าก็เร็วจะต้องคืนสนองเป็นสิบเท่าในสักวัน!”
ผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณเหล่านั้นต่างเดือดดาล กัดฟันเข่นเขี้ยว สะเทือนใจกับภาพนองเลือดแต่ละภาพ
“สวะฝูงหนึ่ง คิดว่าข้าไม่กล้าฆ่าพวกเจ้าหรือ”
เล่อมู่จิ้นยิ่งโกรธเกรี้ยว โบกกระบองเหล็กหมายจะฆ่าคน
แต่ก็ในตอนนี้เอง เสียงโครมครามอันคุ้นเคยเสียงหนึ่งก็ดังลั่นกลางฟ้าดินโดยพลัน
แย่แล้ว!
เล่อมู่จิ้นตัวแข็งทื่อ ครู่ต่อมาตัวเขาก็ถูกซัดกระเด็นออกไป
ตูม!
เวลาเดียวกันติงซานเหอเรียกโล่สีเงินโล่หนึ่งออกมาขวางศรแห่งนภาครามที่ยิงมา โล่สีเงินพลันระเบิดออกท่ามกลางเสียงปะทะดังลั่นจนหูแทบดับ
ติงซานเหอเพียงรู้สึกว่าแขนชาไปครู่หนึ่ง สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยอย่างอดไม่อยู่ พลังแข็งแกร่งจนน่ากลัว!
และตอนนี้เงาร่างเล่อมู่จิ้นที่ถูกซัดกระเด็นถึงเพิ่งตกลงบนพื้น ล้มลงจนมอมแมมไปทั้งตัว ฝุ่นควันตลบ
เพียงคิดดูก็รู้ว่าเหตุการณ์เมื่อกี้เกิดขึ้นรวดเร็วปานไหน
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่เงาร่างของหลินสวินปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งในหุบเหวไกลออกไป ดวงตามองดูเล่อมู่จิ้นอย่างเย็นชา เอ่ยว่า “ข้าชื่อหลินสวิน ถ้ามีปัญญาก็มาสู้กับข้าสักยก!”
ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้จากไปจริงๆ รับรู้ภาพนองเลือดแต่ละภาพนั้นอยู่ในหุบเหวจนกดข่มความโกรธเคืองในใจไว้ไม่ได้อีกแล้ว จึงออกโจมตีอีกครั้งหนึ่ง
หลินสวิน!
ผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณที่ถูกจับตัวมาเหล่านั้นต่างใจสั่นระรัว เผยสีหน้ามีความหวังออกมา
พวกเขาจะไม่รู้ชื่อเสียงและกิตติศัพท์ของหลินสวินในดินแดนรกร้างโบราณได้อย่างไร
หลินสวินหรือ
พวกติงซานเหอกับจี้ชิ่งต่างนิ่วหน้า พวกเขาเคยได้ยินแค่ว่าในดินแดนรกร้างโบราณมีบุคคลขอบเขตมกุฎกลุ่มหนึ่งปรากฏตัว แต่ไม่รู้ว่าหลินสวินเป็นใคร
ทว่าเรื่องนี้ไม่สำคัญแล้ว
ที่สำคัญก็คือ หลินสวินปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้งแล้ว!
ไกลออกไปเล่อมู่จิ้นกัดฟันเข่นเขี้ยวลุกขึ้นยืน จดจ้องหลินสวินด้วยสายตาเคียดแค้น “คิดจะประลองกับข้าหรือ ได้สิ เจ้าออกมาจากหุบเหวนั่น ข้าจะทำให้เจ้าสมใจทันที!”
ในแววตาหลินสวินเต็มไปด้วยความเย็นชาและดูแคลน “เจ้าคิดว่าข้าโง่เหมือนเจ้าหรือ”
เล่อมู่จิ้นเลียปากครู่หนึ่ง ชี้ที่ผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณที่ถูกจับไว้บนพื้นเหล่านั้นแล้วพูดว่า “ถ้าเจ้าไม่ออกมา ข้าก็จะทุบกะโหลกพวกมันให้แหลกทีละคน!”
อริยะทั้งสี่อย่างพวกติงซานเหอ จี้ชิ่งสีหน้าเย็นชา ตั้งท่ารอไว้แล้ว
ขอเพียงหลินสวินกล้าก้าวออกมาจากหุบเหวนั้น พวกเขาจะร่วมมือกันฆ่าเขาให้ตายทันที!
“ทุกคน อย่าให้พี่หลินถูกสวะต่ำช้ากว่าหมูหมาพวกนั้นข่มขู่ ตั้งแต่โบราณคนเรามีใครไม่ตายหรือ ข้าบุรุษแห่งดินแดนรกร้างโบราณ จะกลัวตายได้อย่างไร”
ทันใดนั้นชายหนุ่มคนหนึ่งหัวเราะเสียงดัง สีหน้าแน่วแน่ ตบศีรษะตนจนแหลก!
น้ำเลือดสีแดงฉานสาดกระเซ็น ร่างของชายหนุ่มตกลงไปในฝุ่นธุลี
ทั้งลานเกิดความระส่ำระสายขึ้นระลอกหนึ่ง ต่างประหลาดใจหาใดเทียบ
เขาเป็นใคร และชื่ออะไร
หลินสวินไม่รู้ กระทั่งว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบอีกฝ่ายด้วยซ้ำ แต่ขณะนี้หลินสวินไม่อาจสงบใจได้อีกแล้ว
ทันใดนั้นภาพที่ตายอย่างเด็ดเดี่ยวนองเลือดน่าหดหู่เช่นนั้น กระตุ้นให้หลินสวินไม่อาจควบคุมไอสังหารที่กดข่มไว้ในใจได้อีก ทะยานตัวทะลุเมฆาขึ้นไป
ยามนี้หลินสวินยืนอยู่กลางหุบเหว โกรธเลือดขึ้นหน้า ประหนึ่งเทพมาร!
“สหาย ข้าจะจดจำเจ้าไว้!”
หลินสวินพึมพำทีละคำ
จากนั้นสายตาของเขาก็มองไปที่พวกเล่อมู่จิ้น ติงซานเหอ จี้ชิ่ง สีหน้าเฉยเมยเย็นชาถึงที่สุดแล้ว
เสียงของเขาราบเรียบต่ำลึก “ข้าหลินสวินขอสาบาน หากไม่ฆ่าพวกเจ้าให้สิ้นซาก จะไม่ขอเป็นคน!”
พวกเล่อมู่จิ้นพากันหน้าเปลี่ยนสี ชั่วพริบตานี้พวกเขาถึงกับรู้สึกหวาดหวั่น เพราะสายตาเช่นนั้นของหลินสวินน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก เต็มไปด้วยไอสังหารดั่งเนตรแห่งเทพพิฆาต!
——
Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท