“ยังจะปากดีอยู่อีกนะ!”
เมื่อเห็นว่าหยางหลินยังคงกล้าปากคอเราะร้ายมาจนถึงตอนนี้ โกวซานจึงควักมีดออกมา แล้วพุ่งเข้าใส่หยางหลิน
“อย่านะ!”
“ถ้าพวกแกฆ่าคน ไม่มีใครรอดไปได้แน่!” หลิวเสี่ยวจวนตกใจจนกรีดร้องเสียงดัง
ผู้อำนวยการห่าวครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนพูดว่า: “โกวซาน เอามีดมาให้ฉัน”
“ไอ้เด็กนี่ใจเด็ดนักไม่ใช่เหรอ? ให้มันตัดมือตัวเองข้างหนึ่ง เรื่องวันนี้ก็ถือว่าแล้วกัน”
“ถ้าไม่ ก็ขังไว้ในกรงหมา แล้วพาผู้หญิงไป”
โกวซานโยนมีดไปตรงหน้าหยางหลิน แล้วยิ้มเหี้ยมพูดว่า: “รีบตัดสิวะ!”
“ถ้าแกไม่ตัด เพื่อนสาวของแกก็จะตกเป็นของพวกเรา”
“แกเดาสิว่าพวกเราจะทำยังไงกับเธอ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
หลิวเสี่ยวจวนกลัวจนหน้าซีดเผือด ตัวสั่นสะท้าน
หยางหลินตาแดงก่ำ ขบฟันกรอด กลั้นใจ จะตัดมือเพื่อปกป้องหลิวเสี่ยวจวน
เพราะหากไม่ทำแบบนี้ สาววัยรุ่นอย่างหลิวเสี่ยวจวนตกเข้าไปอยู่ในดงหมาป่า นึกภาพออกเลยว่าจะลงเอยอย่างไร
“อย่านะ!” หลิวเสี่ยวจวนร้องอุทาน ทันใดนั้น เธอก็เห็นสองร่างที่คุ้นเคย จากที่ไกลๆ
“ท่านประธาน!”
“คุณฉิน!”
“พวกคุณรีบมาเร็วค่ะ!” เธอร้องตะโกนหน้าตาตื่น
เกิดอะไรขึ้น?
ซูซูได้ยินเสียงหลิวเสี่ยวจวน ก็รีบร้อนวิ่งเข้ามา
ฉินเทียนเห็นคนห้อมล้อมกันมากมายแบบนั้น ก็รู้เลยว่ามีเรื่องแล้ว สีหน้าเย็นเยือก เดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“เธอคือประธานสุดสวยคนนั้นเองเหรอ?” พอเห็นซูซู โกวซานกับผู้อำนวยการห่าว ตะลึงงันกันเป็นแถบ
ซูซูไม่มีอารมณ์มาสนใจพวกเขา พอเห็นหยางหลินนอนจมกองเลือดอยู่บนพื้น เธอก็ตกใจเตลิด
“พี่!”
“พี่เป็นยังไงบ้าง?”
เธอกับหยางหลิน เป็นลูกคนเดียวทั้งคู่ เลยสนิทกันมากมาตั้งแต่เล็กจนโต หยางหลินเอองก็มีความเป็นพี่ชายมาก และดูแลซูซูดีมาก
เหมือนพี่น้องท้องเดียวกันก็ไม่ปาน
ซูซูปวดใจจนหน้าไร้สี
โชคยังดี ที่หยางหลินบาดเจ็บเพียงภายนอกเท่านั้น หลังจากฟังเขาเล่าเรื่องราวทั้งหมด ซูซูก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน อย่างยากจะได้พบเห็น
“ฉินเทียน ตีมันให้ฉัน!”
“เอาให้หนักๆ!”
ฉินเทียน: “รับทราบ!”
“ไอ้สวะ แกกล้าลงมือเหรอ?”
“ฉันจะให้แกได้รู้ว่าทำไมดอกไม้ถึงเป็นสีแดง!” โกวซานเห็นฉินเทียนตัวคนเดียว ผอมลีบบอบบาง เขาก็หัวเราะชั่วร้าย แล้วเป็นฝ่ายเข้าปะทะก่อน
หยิบกระบองขึ้นมา แล้วถลาตัวเข้าไปตีหัวฉินเทียน
ฉินเทียนนัยน์ตาเย็นเยียบ มือฉวยกระบองมาอย่างง่ายดาย แล้วฟาดกลับใส่หัวของโกวซาน
โกวซานไม่แม้แต่จะได้ร้องเฮือก ก็ทรุดฮวบล้มลงไป
พอเห็นบนศีรษะของเขามีเลือดออก หัวหน้าห่าวก็ตกอกตกใจ
“ฆ่าคนแล้ว!”
“ไอ้คนแซ่ฉินฆ่าคนแล้ว!”
“พวกแกยืนอึ้งทำซากอะไรกัน? รีบเข้าไปสิ!”
รปภ.หลายสิบคน กระโจนเข้าไปอย่างเหี้ยมระห่ำ
ฉินเทียนทักทายกลับไปด้วยรอยยิ้มดีเดือด ตามหลักแล้ว ตัวละครกระจอกๆ พวกนี้ ไม่สมให้เขาต้องลงมือเลย
แต่คุณภรรยาสั่งแล้ว ฉินเทียนก็ยากที่จะมีโอกาส “ขัดพระบัญชา” ได้ หากทำให้คุณภรรยาพอใจได้ เขาย่อมยินดีอยู่แล้ว
เมื่อกระบองในมือฟาดเหวี่ยง เสียงคำรามโหยหวนก็ดังขึ้นเป็นวงกว้าง
ในชั่วพริบตา พวกรอบๆ ล้มลงไปกองกับพื้นทันที
เหลือเพียงผู้อำนวยการห่าว ที่อยู่ในอาการตกตื่นไปหมดแล้ว
พอเห็นฉินเทียนแยกยิ้มเดินเข้ามาหา เขาก็ตัวสั่นหงกๆ แล้วเอ่ยเสียงเครือว่า: “อย่าเข้ามา!”
“แกรู้ไหมว่าที่นี่เป็นอสังหาของตระกูลใคร?”
“ฉันจะบอกแกให้ ที่นี่น่ะ เป็นอสังหาของตระกูลจ้าวโว้ย!”
“ราชาแห่งหยุนชวนน่ะ รู้จักไหม?”
“กล้ามาก่อเรื่องที่นี่ ตระกูลจ้าวถลกหนังแกทั้งเป็นแน่!”
ทันใดนั้นเอง เขาก็เห็นบุคคลหนึ่งเดินกระฟัดกระเฟียดเข้ามา พร้อมกับการอารักขาของบอดี้การ์ดกว่าสิบนาย
จ้าวเทียนจีนั่นเอง
พอเขาเห็นระฆังช่วยชีวิต ก็เอ่ยอย่างปลื้มปริ่มว่า: “นายท่านสาม!”
“นายท่านสามช่วยด้วย!”
“ไอ้เลวนี่มันซ้อมคนของเราตายไปเยอะเลย!”
“นายท่านสาม คุณต้องจัดการให้พวกเรานะครับ!”
วิ่งเข้าไปข้างหน้าจ้าวเทียนจี แล้วคุกเข่าพรึ่บลงไป
จ้าวเทียนจีหน้าเขียวปั๊ด
เมื่อครูเขาพาฉินเทียนกับซูซูมาที่นี่ แต่พอถึงลานจอดรถ จ้าวเทียนเผิงพี่ใหญ่ของเขาก็โทรเข้ามา
สองพี่น้องปรึกษากันว่าจะดูแลรับใช้ฉินเทียนอย่างไรดี
ผ่านไปไม่กี่นาที คิดไม่ถึงเลยว่า ที่นี่จะเกิดเรื่องขึ้น
ตระกูลจ้าวของพวกเขา ยังไม่ทันได้เอาอกเอาใจฉินเทียน คนในปกครอง กลับยั่วโมฉินเทียนเข้าอีกแล้ว
นี่มันรนหาที่ตายชัดๆ!
เขาเห็นซูซูกอดชายที่ร่างอาบไปด้วยเลือดคนหนึ่ง ทำให้ซูซูเป็นแบบนี้ได้ แสดงว่าความสัมพันธ์ของผู้ชายคนนี้กับซูซูต้องไม่ธรรมดาแน่นอน
อีกอย่างจ้าวเทียนจีก็รู้ดีว่า ทำให้ฉินเทียนไม่พอใจยังพอว่า แต่อย่าได้ทำให้ซูซูไม่พอใจเด็ดขาด
เพราะผู้หญิงคนนี้ คือเกล็ดแผงคอมังกรของฉินเทียน
“คนนั้นคือคนที่พวกแกตีใช่ไหม?” เขาขบฟัน แล้วเอ่ยลอดไรฟันออกมา
“ครับ!”
“ไอ้หมอนั่นคิดจะมาเช่าที่อะไรของเราสักอย่าง ถูกคนของเราไล่ตีออกมา”
“นายท่านสาม รีบสั่งพรรคพวกเหล่านี้ให้ลงมือ จัดการฉินเทียนเถอะครับ!”
พูดจบ เขายังพูดกับฉินเทียนอย่างลำพองอีกว่า: “ไอ้ขี้เรื้อน นายท่านสามของพวกเรามาแล้ว ดูสิว่าแกจะเหิมเกริมยังไงอีก!”
“ให้ตายสิ!”
จ่าวเทียนจีเพิกเฉยต่อคำพูดเหล่านี้ พร้อมทำหน้าถมึงทึง ถามต่อไปว่า: “พวกเขามาเช่าที่ พวกแกไม่ต้องให้เช่าก็ได้ พูดกันดีๆ ก็พอแล้ว”
“ทำไมต้องทำร้ายคนด้วย?”
หยางหลินมองเหตุการณ์ออก กลัวว่าผู้อำนวยการห่าวจะใส่ร้าย เขาเลยรีบพูดขึ้นว่า: “พวกเขาเล่นไพ่นกกระจอกเสีย กลับบอกว่าผมเป็นตัวซวย แล้วลงมือทำร้าย!”
“ทำผมยังพอทน แต่ อย่ามาทำให้เพื่อนร่วมงานผมอับอาย!”
จ้าวเทียนจีมองหลิวเสี่ยวจวนที่ตัวสั่นหงกๆ อยู่ใกล้ๆ ก่อนกัดฟันพูดว่า: “ที่เขาพูดเป็นเรื่องจริงเหรอ?”
ความหวาดหวั่นฉายขึ้นในดวงตาของผู้อำนวยการห่าว
แต่เขาคิดว่า จ้าวเทียนจีน่าจะปกป้องเขา
เขาฉีกยิ้มพูดว่า: “เรื่องพวกนี้ ผมค่อยรายงานนายท่านสามทีหลังแล้วกันครับ”
“นายท่านสาม การกำจัดฉินเทียนสิครับ ถึงเป็นเรื่องสำคัญที่สุด!”
“ที่นี่เป็นถิ่นของพวกเรานะครับ!”
จ้าวเทียนจีรู้ความจริงในใจอยู่แล้ว มองฉินเทียน แล้วเอ่ยอย่างรู้สึกผิดว่า: “คุณฉิน คนพวกนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ผมเอง”
“จะฆ่าหรือจะตัดแขนตัดขา สั่งมาได้เลยครับ”
ฉินเทียนแสยะยิ้มพูด: “ไม่สนหรอก”
“ตามคุณเห็นสมควรแล้วกัน”
ผู้อำนวยการห่าวชะงักงัน ทำไมภาพจำนี้ถึงดูแปลกไป?
ทำไมนายท่านสามผู้น่าเกรงขามไปซะทุกอย่าง ถึงดูเกรงกลัวฉินเทียนขนาดนั้น?
“นายท่านสาม คุณพูดอะไรครับ?”
“คุณรีบกำจัดไอ้ฉินเทียนเร็วสิครับ!” เขาเร่งเร้าโดยไม่รู้เรื่องรู้ราว
“ไอ้เวรตะไล!” จ้าวเทียนจีฉวยกระบองด้ามหนึ่งมาจากมือลูกน้อง แล้วฟาดใส่ศีรษะของผู้อำนวยการห่าวอย่างรุนแรง
ผู้อำนวยการห่าวเป็นเหมือนโกวซาน ไม่ทันได้ร้องเฮือกแม้แต่คำเดียว ก็ล้มพับไปเลย
จ้าวเทียนจีเอ่ยอย่างหัวเสียว่า: “ลากไอ้ระยำพวกนี้ออกไป เอามันไปทิ้งที่สุสานนอกเมือง!”
“ต่อไปห้ามเข้ามาเหยียบที่เมืองหยุนโจวอีกแม้แต่ก้าวเดียว!”
“คุณฉิน คุณชอบร้านไหน ผมจะให้คุณเอง”
“ขอแค่คุณเอ่ยปาก จะยกทั้งถนนเส้นนี้ให้คุณก็ไม่มีปัญหา!”
ฉินเทียนเหยียดยิ้มเอ่ยว่า: “จ้าวเทียนจี สิบเมืองของตระกูลจ้าวของพวกคุณ ไม่มีที่ไหนเข้าตาผมเลย แล้วจะมาสนใจกับอีแค่ห้างร้านร้านเดียว ที่ถนนสายเดียวสายนี้น่ะเหรอ?”
“ทำตามกฎแล้วกัน ค่าเช่า ผมจะจ่ายให้คุณไม่ขาดแม้แต่แดงเดียว!”
จ้าวเทียนจีรู้ว่า การซื้อใจฉินเทียน ไม่ใช่เรื่องง่าย
เขาได้แต่พยักหน้าพูดว่า: “ครับ ผมจะสั่งให้คนไปจัดการให้เป็นเรื่องเป็นราวเดี๋ยวนี้”
“ทั้งเมืองหยุนโจว รวมถึงทั้งเขตหยุนชวน คุณสนใจร้านหรือล็อกสินค้าไหน ก็บอกผมได้เลยครับ”
“ผมจะจัดการให้”
บทที่ 419 อย่ามาเสียใจทีหลัง