Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1515 กล้าเผชิญหน้ากับอริยะแท้

ตอนที่ 1515 กล้าเผชิญหน้ากับอริยะแท้
ณ ที่นั้นบรรยากาศน่ากลัวแปลกประหลาดอบอวล
แม้แต่หลินสวินเองก็ยังตกใจเล็กน้อย เสี่ยวอิ๋นกับเสี่ยวเทียนร่วมมือกัน ไม่นึกเลยว่าจะลอบสังหารอริยะคนหนึ่งได้ในชั่วพริบตาจริงๆ!
“เจ้าสวะ กล้าออกมาสู้กันไหมเล่า”
ห่างออกไปติงซานเหอสีหน้าเหี้ยมเกรียมกล่าวเดือดดาล
ตั้งแต่เริ่มตามล่าหลินสวินมาถึงตอนนี้ มีอริยะสามคนถูกฆ่า เล่อมู่จิ้นก็ประสบเคราะห์ แรงโจมตีนี้มากเกินไปแล้ว!
จี้ชิ่งที่อยู่ข้างๆ หน้าเขียวเช่นกัน
“ก็ดี!”
เหนือความคาดหมาย หลินสวินตกปากรับคำอย่างยินดี ก้าวออกมาจากเหวลึก
นี่กลับทำให้ติงซานเหอและจี้ชิ่งชะงักไป ในใจคิดไปตามจิตใต้สำนึกว่านี่คงไม่ใช่ว่ามีกับดักอะไรอีกกระมัง
“ทำไม พวกเจ้าไม่กล้าลงมือแล้วรึ เช่นนั้นข้าจะลุยเอง!”
ท่ามกลางเสียงราบเรียบที่เจือรสหยามเหยียด หลินสวินสำแดงปีกผลาญเทพพุ่งวาบไปอยู่หน้าติงซานเหอทันใด
ฟัน!
ดาบหักที่ส่องประกายดุดันแทรกสอดด้วยแสงมรรคชวนประหวั่นฟาดผ่าลง ทำเอาฟ้าถล่มเมฆสลาย ห้วงอากาศถูกบดละเอียดเกิดเป็นรอยแยกตรงดิ่งสายหนึ่ง
เคร้ง!
ติงซานเหอสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง กระสวยบินสีเงินอันหนึ่งพุ่งออกไปขวางกระบวนเฉือนนี้
ท่ามกลางประกายแสงที่ส่งเสียงกึกก้อง หลินสวินถอยหลังไปหลายก้าว เลือดลมทั่วร่างพลันตีกลับ
ทว่านัยน์ตาของเขากลับส่องประกาย
“มาอีก!”
ดาบหักออกฟาดฟันอีกครั้งโดยไม่ลังเล
กระบวนเฉือนนี้สั่งสมสารกาย พลังชีวิตและจิตวิญญาณทั้งตัวของหลินสวิน สำแดงอานุภาพของกระบวนเฉือนเกิดดับ อานุภาพของคมปลาบพาให้ฟ้าดินไร้สี
เวลานี้ติงซานเหอกัดฟันกรอด ออกโจมตีทันที “ไอ้สวะตัวจ้อย เมื่อออกจากหุบเหวนั่นแล้ว เจ้าจะเอาอะไรมาสู้ได้อีก”
ทั้งสองปะทะกัน ช่างเหมือนตะวันจันทรากำลังประชันแสงเจิดจ้า ฟ้าดินแถบนี้ต่างสั่นสะเทือน แสงศักดิ์สิทธิ์และเสียงธรรมชวนประหวั่นพลุ่งพล่าน ม้วนพัดออกไปทั่วทิศ
แต่สิ่งที่ทำให้ติงซานเหอหนาวเยือกในใจคือ ภาพที่เขาคาดการณ์ว่าจะกำราบหลินสวินได้อย่างสิ้นเชิงกลับไม่ปรากฏ
กลายเป็นว่าหลินสวินสู้กับเขาได้อย่างสูสีแทน!
นี่เป็นไปได้อย่างไร
ติงซานเหอบันดาลโทสะ พลังอริยมรรคทั่วร่างเดือดพล่าน เสมือนแปลงเป็นเทพไท้องค์หนึ่ง ยามขยับกายประหนึ่งภูเขาถล่มดินทลาย สรรพสิ่งกลายเป็นจุณ
อะไรคืออริยะ
ชี้เวหาฟาดพสุธา ควบคุมภูผาธารา มีอำนาจเหยียดหยันใต้หล้า อานุภาพซัดกวาดสรรพวิญญาณ!
ในสายตาของสรรพชีวิต ระดับอริยะก็ไม่ต่างอะไรกับทวยเทพ ยืนตระหง่านอยู่เหนือเหล่าราชัน นำอยู่บนความอมตะ
ใต้ระดับอริยะล้วนราวมดปลวก ไม่ใช่การพูดเพ้อเจ้ออย่างแน่นอน
เพียงพริบตาหลินสวินก็ถูกกำราบ!
แต่ยังไม่รอให้ติงซานเหอโล่งอก หลินสวินที่ถูกเขากำราบก็ยิ่งสู้ยิ่งหาญกล้า อานุภาพทั่วร่างเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ไม่นานก็พลิกสถานการณ์กลับมาสูสีอีกครั้ง!
นี่…
ติงซานเหอนัยน์ตาหดรัด รู้สึกเพียงหน้าผากเย็นวาบอย่างบอกไม่ถูก เหตุการณ์ตรงหน้านี้แทบจะล้มล้างความเข้าใจของเขา
มดปลวกตัวหนึ่ง ถึงกับข้ามระดับใหญ่มาทัดเทียมกับตนได้?
ทั้งยังเป็นการปะทะซึ่งหน้า ไม่ได้เล่นลูกไม้แม้แต่น้อย!
นี่เป็นไปได้อย่างไร
ดินแดนรกร้างโบราณมีปีศาจพลิกฟ้าคนหนึ่งเช่นนี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่
ขณะเดียวกันหลินสวินกลับโลหิตเดือดพล่าน จิตต่อสู้ดุจพวยพุ่ง
ก่อนจะเข้าสู่แดนลับวังใต้ดิน บางทีเขาอาจไม่ได้หวาดกลัวอริยะ แต่หากต่อสู้กันซึ่งหน้า ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ใช้อภินิหารหยุดเวลา โอกาสชนะก็มีไม่ถึงสามส่วน
แต่ตอนนี้ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ได้ใช้อภินิหารหยุดเวลา เขากลับต่อสู้กับอริยะที่แท้จริงคนหนึ่งซึ่งหน้าได้แล้ว
ทั้งยังมีพลังเหลือ!
ทุกอย่างล้วนมาจากการเคี่ยวกรำของ ‘เรือนสังหารจิต’ และ ‘หอยอดมรรค’ ทำให้หลินสวินเกิดการเปลี่ยนแปลงและยกระดับขึ้นอีกครั้งบนมรรคาที่สมบูรณ์ที่สุดของระดับอมตะเคราะห์ด่านเก้า
“ฟัน!”
หลินสวินตะโกนก้องทันใด นัยน์ตาเยียบเย็นดุจอสนี ผมดำแผ่สยาย
พริบตานี้โทสะหยาจื้อ วิชาอริยะยุทธ์ ยอดฐิติไร้รั่ว เสริมรวมกับพลังมรดกทั้งสามของดาบหักอย่าง ‘ปฐม’ ‘ยอด’ ‘สังหาร’ แล้วปล่อยออกไป
เสียงใสบางน่ากลัวดังกัมปนาท ทำเอาห้วงอากาศทั่วสารทิศทรุดลง แสงแพรวพราวและเจิดจ้าแผ่ไอสังหารอำมหิตราวกับจะพลิกฟ้าออกมา
พริบตานี้ดาบหักราวฟื้นคืนชีพ!
ในใจของติงซานเหอสั่นสะท้าน สีหน้าแปรเปลี่ยนยกใหญ่ รีบใช้ไพ่ตายโดยไม่ลังเล
กระสวยบินดำสนิทส่องประกายเฉียบคมน่าพรั่นพรึง ในความรางเลือนเหมือนมีงูมังกรขดล้อมอยู่ภายใน มีรุ้งเทพละอองแสงโปรยปราย มีทวยเทพคำรามดังกระหึ่ม
พร้อมกันนี้จี้ชิ่งที่รอโอกาสอยู่ห่างออกไปก็พุ่งทะยานเข้ามา จู่ๆ เงาร่างก็หายวาบ ใช้วิชาเคลื่อนย้ายพุ่งเข้าสังหารหลินสวิน
ตูม!
เสียงปะทะสะท้านฟ้าสะเทือนดินดังกระหึ่ม เกิดแรงกระเพื่อมทั้งใต้หล้า ก้อนหินต้นไม้ใหญ่ในพื้นที่ใกล้เคียงกลายเป็นจุณไปพร้อมกัน
พื้นดินแตกระแหง สภาพอากาศแปรปรวนชวนประหวั่นโหมกระหน่ำ เสียงธรรมและแสงศักดิ์สิทธิ์ไขว้ตัดสลับกันเป็นระลอก เหมือนสงครามของเหล่าเทพ ลักษณ์ประหลาดทยอยปรากฏ!
พรูด!
ติงซานเหอกระอักเลือดถอยร่น หน้าซีดเผือด บนหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
ตึง!
ขณะเดียวกันร่างของหลินสวินก็หกคะเมนออกไปอย่างหนักหน่วง ผมเผ้ายุ่งเหยิง มุมปากหลั่งเลือด ร่างกายสั่นสะท้านเล็กน้อย
ตูม!
ด้านหลังเขา ร่างไร้วิญญาณร่างหนึ่งร่วงหล่นกลางอากาศ ถึงกับเป็นจี้ชิ่ง!
ก่อนหน้านี้จี้ชิ่งฉวยโอกาสบุกโจมตีอย่างเหี้ยมโหด ทั้งใช้พลังทั้งหมดราวกับสิงโตตะปบกระต่าย
แต่ตอนนี้กลับถูกฆ่าตายคาที่ ใบหน้าก่อนตายยังประดับด้วยสีหน้าตื่นตะลึง เจ็บปวดงุนงง คล้ายกับเจอเรื่องที่น่ากลัวถึงขีดสุด
รูปแบบการตายของเขา เหมือนการตายของอริยะคนก่อนหน้านี้ไม่มีผิด!
ห่างออกไปมุมปากของติงซานเหอสั่นเทิ้ม ลูกตาหลั่งเลือด กล่าวพึมพำเหมือนหวาดกลัวสุดขีด “เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้…”
มดปลวกตัวหนึ่งกลับทำให้เขาบาดเจ็บหนักในการประมือซึ่งหน้า?
ใครจะกล้าเชื่อ
สิ่งที่ทำให้ติงซานเหอขวัญหนีดีฝ่อที่สุดคือ จี้ชิ่งตายแล้ว!
การโจมตีที่เขาเตรียมตัวตั้งนานไม่อาจสังหารหลินสวินได้ กลับเป็นเขาที่ถูกฆ่าตายก่อน
ทุกอย่างนี้ช่างเหมือนฝันร้าย ทำให้ติงซานเหอรู้สึกเหมือนจะพังทลาย
ตั้งแต่บรรลุอริยะมาถึงวันนี้ เขาเคยผ่านการเข่นฆ่านองเลือดมาไม่รู้เท่าไหร่ แต่กลับไม่เคยเจอเรื่องที่แปลกประหลาด น่าหวาดกลัวและคาดไม่ถึงอย่างวันนี้มาก่อน
ในขณะเดียวกันหลินสวินกลับหัวเราะขึ้นมา เปล่งเสียงหัวเราะลั่นสะเทือนท้องนภา
“ต่อจากนี้ไป ข้าหลินสวินเผชิญหน้ากับอริยะแท้ได้แล้ว!”
เขากล่าวเน้นทีละคำ เสียงดังกระหึ่มไปทั่วเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดินราวกับฟ้าผ่า
เงาร่างเขาสูงตระหง่าน อาภรณ์สะบัดโบก ใบหน้าแม้จะซีดเผือด แต่ยามนี้กลับผงาดผยองทั่วหล้า มองคนในระดับเดียวกันได้อย่างหยิ่งทะนง
ในจุดที่ไกลออกไป เฟิงผิงจื่อที่เห็นทุกอย่างนี้กับตากำลังสั่นไปทั้งตัว ในหัวว่างเปล่า นางคิดไม่ออกว่าทำไมบนโลกนี้ถึงมีบุคคลขอบเขตมกุฎระดับอมตะเคราะห์ที่แข็งแกร่งเช่นนี้ได้
ต่อให้เป็นใต้เท้าเซวี่ยชิงอี… ก็เกรงว่าคงทำไม่ได้ถึงขั้นนี้กระมัง
“เจ้าสวะ วันหน้าข้าจะฆ่าเจ้า!”
เวลานี้ติงซานเหอพลันทิ้งวาจารุนแรงประโยคหนึ่ง ก่อนจะหันหลังถอยกลับ
เขารู้สึกหวาดกลัวแล้ว!
แรกเริ่มเป็นหญิงรับใช้ของเล่อมู่จิ้นที่ถูกฆ่า จากนั้นก็ทยอยมีอริยะตายไปทีละคน แม้แต่เล่อมู่จิ้นก็ยังไม่รอด
จนถึงตอนนี้ ที่นี่เหลือแค่เขาที่เป็นอริยะคนเดียวแล้ว ทั้งยังถูกโจมตีจนบาดเจ็บ นี่จะให้เขามีความกล้าสู้ต่อไปได้อย่างไร
“ไอ้แก่ เจ้าหนีไม่พ้นหรอก”
ทันใดนั้นเสี่ยวอิ๋นพุ่งไปขวางหน้าติงซานเหอ ที่ไหล่เขามีผีเสื้อมารแยกฟ้าร่างบางส่องประกายเกาะอยู่
ขณะกล่าวเสี่ยวอิ๋นและผีเสื้อมารแยกฟ้าได้ออกโจมตีแล้ว
ฟุ่บ!
เมื่อปีกของผีเสื้อมารแยกฟ้าส่องแสงระยับ เงาร่างของทั้งคู่จู่ๆ ก็หายไป
หายตัวไปแล้ว!
ติงซานเหอหนาวเยือกไปทั้งใจ ในจิตรับรู้ของเขาไม่อาจจับร่องรอยของอีกฝ่ายได้
นี่ทำให้เขารับรู้ได้ในทันทีว่าการตายของจี้ชิ่งและอริยะอีกคน เป็นไปได้สูงว่าจะเกี่ยวข้องกับเจ้าตัวจ้อยสองตัวนี้!
ความคิดนี้พุ่งวาบเข้าสมองมาในชั่วพริบตาเดียว มาจากสัญชาตญาณของระดับอริยะ ทำให้ติงซานเหอขยับร่างถอยหนีกลางอากาศทันที
แต่ขณะเดียวกัน หลินสวินที่อยู่ห่างออกไปก็ลงมือแล้ว
ชิ้ง!
เสียงใสของดาบหักดังขึ้นข้างหูติงซานเหอ ราวกับเสียงเรียกสู่ความตาย
เขาหน้าเปลี่ยนสีอีกครั้ง ตะโกนลั่นทันที แสงอริยะเจิดจ้าไปทั้งตัว สาดส่องทั่วฟ้าดินราวตะวันดวงหนึ่ง
ตูม!
เสียงปะทะอึกทึกสนั่นหูดังขึ้น หลินสวินควบคุมดาบหักฟาดฟันอย่างดุดัน อานุภาพดั่งเทพมาร แววตาเยียบเย็นน่าพรั่นพรึง
เขาไม่มีทางลืมผู้แข็งแกร่งของดินแดนรกร้างโบราณพวกนั้นที่ตายไปในเงื้อมมือของติงซานเหอ
ยิ่งไม่มีวันลืมการสบประมาท หยามหน้า ถากถางและความแค้นที่ต้องเจอทุกครั้งก่อนหน้านี้!
เขาเคยสาบานว่า ถ้าไม่ได้ฆ่าพวกติงซานเหอจะไม่ขอเป็นคน
ตอนนี้ได้เวลาแล้ว!
“คิดจะฆ่าข้ารึ พวกเจ้าก็ต้องตายด้วย!”
ติงซานเหอท่าทีเหมือนมารคลั่ง สู้สุดชีวิตอย่างไม่สนใจอะไรแล้ว สำแดงพลังของอริยะแท้ออกมาจนหมด
สามารถบีบให้อริยะแท้คนหนึ่งเป็นถึงขั้นนี้ได้ หากแพร่ออกไปคงทำให้ผู้คนในใต้หล้าตื่นตระหนก
แต่สำหรับหลินสวิน นี่ยังไม่พอ
วันนี้ติงซานเหอจะต้องตาย!
พรูด!
ในการประจันหน้าอย่างบ้าคลั่ง ติงซานเหอกระอักเลือดอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์นานเข้าก็ยิ่งย่ำแย่
แต่หลินสวินก็บาดเจ็บอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน
ต่อสู้กับอริยะแท้คนหนึ่งซึ่งหน้าได้เป็นเรื่องหนึ่ง แต่คิดจะฆ่าอริยะแท้คนหนึ่งก็เป็นอีกเรื่อง สองอย่างนี้ต่างกันโดยสิ้นเชิง
“เจ้าสวะ ข้าจะสู้ตายกับเจ้า!”
ติงซานเหอสังหรณ์ว่าท่าไม่ดี คล้ายรู้ตัวว่าไร้แรงหลบหนี สีหน้าพลันดูเหี้ยมเกรียม จึงตัดสินใจจะดับสิ้นไปพร้อมกับหลินสวิน
ตูม!
เขาเคลื่อนร่างไปในชั่วพริบตา เงาร่างราวแสงเจิดจ้า พุ่งสังหารไปทางหลินสวิน
เสียงฉัวะดังขึ้น ดาบหักฟันแขนขวาของเขาขาด แต่ติงซานเหอไม่สนเรื่องพวกนี้อย่างสิ้นเชิง ถึงขั้นที่ว่าคิ้วยังไม่ขมวดสักนิด
หลินสวินหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย ขณะสำแดงปีกผลาญเทพหลบหลีก ก็ยื่นนิ้วหนึ่งออกมาแล้วกดลงทันที
ดรรชนีมหาอุดมสลายมายา…
ใกล้ดุจสุดหล้า!
อยู่ใกล้แค่เอื้อม แต่ความจริงแล้วอยู่ไกลสุดหล้า
ดรรชนีนี้ก็คือพลังป้องกันชั้นยอดอย่างหนึ่ง เสมือนการยักย้ายถ่ายเท เคลื่อนคล้อยดารา แฝงปริศนาแห่งห้วงอากาศว่างเปล่าที่น่าอัศจรรย์
ตูม!
การโจมตีที่หวังจะพินาศย่อยยับไปด้วยกันของติงซานเหอพลันคว้าน้ำเหลว ซัดพื้นที่ใกล้เคียงระเบิดกระจาย ห้วงอากาศอลหม่าน
นอกจากบริเวณที่หุบเหวตั้งอยู่ ก้อนหินและต้นไม้ทั้งหมดในรัศมีพันลี้ล้วนถูกสะบั้นแหลก พังทลายกลายเป็นจุณ พินาศย่อยยับ!
อริยะเดือดดาล พันลี้ดับสูญ!
แม้แต่หลินสวินก็ยังตกใจจนเหงื่อแตกไปทั้งตัวอย่างอดไม่ได้ หากอริยะสู้สุดชีวิต อานุภาพนั้นจะน่าหวาดกลัวและวิปริตเกินไปจริงๆ
โชคดีที่ทุกอย่างนี้ล้วนผ่านไปแล้ว
นัยน์ตาดำของหลินสวินฉายแววเย็นเยือก พุ่งทะยานออกไป
ในที่ลับเสี่ยวอิ๋นและผีเสื้อมารแยกฟ้าบุกเข้าโจมตีติงซานเหอพร้อมกัน ราวกับมือสังหารที่ไร้รูปไร้สี
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง
ร่างกายของติงซานเหอตกลงสู่พื้นดังสนั่น จมูกปากกบเลือด บนร่างปรากฏร่องรอยบาดแผลลึกจนเห็นกระดูกมากมาย เลือดไหลทะลักเหมือนน้ำพุ
อริยะแท้ที่น่าเกรงขามคนหนึ่ง ถึงกับบาดเจ็บหนักเจียนตาย!
ฟุ่บ!
คมประกายดุจแสงหิมะจ้าตาสายหนึ่งฟันลงมาจากฟากฟ้าแล้วตัดหัวของเขา
“ข้าแค้นนัก…!”
ศีรษะของติงซานเหอกลิ้งหล่นลงสู่พื้น ยังส่งเสียงคำรามโหยหวน ไม่ยินยอมและเดือดดาลหาใดเปรียบ
ไม่นานเสียงพลันหยุดชะงักลง
เขาถลึงตาถมึงทึง สีหน้าเหี้ยมเกรียม กระทั่งตายไปแล้วก็ยังตายตาไม่หลับ!
บางทีเขาอาจยอมรับความตายได้ แต่กลับไม่อาจยอมรับว่าตนจะแพ้ในมือของเจ้าสวะตัวจ้อยที่ถูกเขามองเป็นมดปลวกตัวหนึ่ง
และยังมาตายในการปะทะซึ่งหน้าด้วย!
บนเวิ้งฟ้าแสงโลหิตซัดโหม เสียงเศร้าระทมดังเป็นระลอก
ณ ที่นั้นเงียบสงัดไปทั้งแถบ
…………………………….
Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท