บัญชามังกรเดือด บทที่ 433 อยู่กับคนที่รัก
นี่เป็นเสมือนระเบิดลูกใหญ่ที่ดังสนั่น!
กองกำลังของทุกฝ่ายล้วนแต่คาดไม่ถึง วิหารเทพนั้นจะมีความสัมพันธ์ที่ดีเช่นนี้กับบุคคลที่ทรงอิทธิพลทั้งสี่ทิศทาง
เช่นนั้นแล้ว ข้อคิดเห็นใต้ข้อความประกาศนั้นก็เพิ่มมากขึ้น
“กองโจรสามเหลี่ยมทองคำ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป แบ่งเส้นแยกความชัดเจนในความสัมพันธ์กับงูเลือด ทุกสิ่งที่งูเลือดได้กระทำนั้นพวกเราไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง พวกเราจะไม่ให้ความช่วยเหลือใดแก่เขา”
“ทีมแร้งให้คำมั่น พวกเรานั้นไม่มีความเกี่ยวข้องใดกับทีมล่า อาจหาญรุกรานวิหารเทพ สนับสนุนบัญชาราชาเทพและไล่ตามสังหาร”
“ยามากุจิ-กุมิให้คำมั่น ตัดขาดการติดต่อและความสัมพันธ์กับบุคคลทั้งสามสิบเอ็ดคนนั้น แบ่งเขตความสัมพันธ์อย่างชัดเจน สนับสนุนบัญชาราชาเทพและไล่ตามสังหาร”
ด้านล่างนั้น มีข้อความสนับสนุนบัญชาราชาเทพมากมาย…
การรุกรานวิหารเทพนั้นจะต้องตาย….
เฉินเอ้อร์กั่วและเนี่ยชิงหลงมองดูด้วยความกระตือรือร้น พวกเขากัดฟันและเอ่ย “พี่ใหญ่ หลังทานอาหารเสร็จพวกเราออกเดินทางกัน!”
“พวกเราสองคนจะจัดการคนพวกนี้ด้วยมือของเราเอง!”
ฉินเทียนยิ้มและเอ่ย “ไม่ต้องรีบร้อน ปล่อยให้กระสุนนั้นบินไปสักระยะ”
“หรือพวกนายไม่รู้ ยิ่งคำสั่งการไล่ล่านี้นานยิ่งขึ้น ก็เหมือนกับมีดเล่มหนึ่ง พละกำลังการสยบก็ยิ่งแผ่ขยายใหญ่ขึ้น”
“ครั้งนี้พวกนายเองก็ทำได้ดี ช่วยให้ฉันได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของปรมาจารย์พิษ”
“มาเถอะ ดื่มกันสักจอก”
ทั้งสามคนหยิบจอกเหล้าและชนจอกเหล้าด้วยกัน ดื่มหมดในคราเดียว
อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับข้อความกระตือรือร้นมากมายภายใต้คำสั่งการไล่ตามสังหาร ข้อความตบรางวัลจากภาพบัญชาราชาเทพนั้นกลับไร้ซึ่งข้อความคิดเห็น
บางที ทุกคนรู้ดีว่าปรมาจารย์พิษนั้นอยู่ที่ใด แต่ไม่กล้าที่จะรุกล้ำปรมาจารย์พิษ
หรืออาจเป็นเพราะทุกคนยังคงสงสัยในความแข็งแกร่งของวิหารเทพ
แน่นอนว่าพวกเขาอาจไม่รู้เบาะแสของปรมาจารย์พิษจริงๆก็เป็นไปได้
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ฉินเทียนไม่รีบร้อน เขารู้ กำจัดปรมาจารย์พิษนั้นไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น
นอกจากนี้ เขามีลางสังหรณ์ ปรมาจารย์พิษจากไป ครั้งต่อไปที่เขาจะปรากฏตัว เขาจะต้องแข็งแกร่งมากขึ้นอย่างแน่นอน
หลังจากพักผ่อนอยู่ในเมืองเล็กๆเป็นเวลาสามวัน ฉินเทียนได้พาเฉินเอ้อร์กั่วและเนี่ยชิงหลงเดินทางกลับมายังหลงเจียง
ตามความต้องการของเฉินเอ้อร์กั่วและเนี่ยชิงหลง พวกเขาจะตามล่าและฆ่าคนเหล่านั้นและรับเงินรางวัล
กล้าที่จะสกัดกั้นและสังหารระหว่างทาง อีกทั้งทำให้พวกเขาเกือบเสียชีวิต ความอดกลั้นนี้ ทนไม่ได้
แม้ว่าฉินเทียนจะไม่ได้พูดอย่างชัดเจน แต่เขาก็ยังกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของทั้งสองคน
อีกอย่าง อาการบาดเจ็บของพวกเขายังไม่หายดี
ดังนั้นการพาพวกเขากลับไปยังหลงเจียง เป็นการให้โอกาสพวกเขาได้พักผ่อนอย่างเต็มที่
ยังเป็นการปล่อยให้กระสุนนั้นได้โลดแล่นอย่างเต็มที่อีกด้วย
ให้นักฆ่าเหล่านั้นมีประสบการณ์ที่ดี สัมพันธ์กับความกลัวที่กำลังรอคอยความตาย
หลังจากลงจากเครื่องบินที่สนามบินหลงเจียง ฉินเทียนไม่ได้ทำให้ผู้ใดแตกตื่น พยายามไม่เป็นจุดสนใจอย่างมาก เรียกแท็กซี่และกลับไปยังอุทยานมังกร
ประตูอุทยานมังกร ชายร่างกำยำสองสามคนโบกมือจากระยะไกลเพื่อส่งสัญญาณให้แท็กซี่หยุด
เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ คนขับรถใบหน้าซีดเซียวด้วยความตื่นตกใจในทันใด เขารีบเอ่ย “พวกคุณครับ พวกคุณแน่ใจใช่ไหมว่าเป็นที่นี่?”
“สถานที่แห่งนี้ไม่ใช่ว่าคนธรรมดาจะเข้าไปได้ ผมผ่านไปไม่ได้หรอก!”
ฉินเทียนยิ้มพลางกล่าว “ไม่เป็นไร จอดที่หน้าประตูก็พอแล้ว”
ทันทีที่รถจอดบริเวณหน้าประตู ชายสองคนรีบวิ่งออกมาจากห้องรักษาความปลอดภัยที่อยู่ด้านข้าง
พวกเขาคือเหลิ่งเฟิงและเหลยเป้า ใบหน้าของทั้งสองคนนั้นดูขึงขัง
เป็นเพราะฉินเทียนจากไป เหลิ่งเฟิงตระหนักได้ว่าจะต้องมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นอย่างแน่นอน หลายวันก็ไร้ข่าวคราว เหลิ่งเฟิงจำต้องไปหาเหลยเป้า คุยปรึกษาแผนการรับมือ
ฉินเทียนเปิดประตูรถ
เมื่อเห็นเขา เหลิ่งเฟิงและเหลยเป้าต่างก็แสดงสีหน้าตื่นเต้น
“ลูกพี่ คุณกลับมาแล้ว!”
“ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
ฉินเทียนยิ้มและเอ่ย “ฉันจะเป็นอะไรได้ล่ะ”
“ใช่แล้ว ฉันพาคนสองคนมาหาพวกนาย พวกนายไปดูเองเถอะ”
อืม?
เหลิ่งเฟิงและเหลยเป้านิ่งงันไปชั่วขณะ รีบวิ่งเข้าไปดู เปิดประตูรถด้านหลัง
เมื่อเห็นเฉินเอ้อร์กั่วและเนี่ยชิงหลงที่นั่งอยู่ด้านใน ทั้งคู่ต่างก็อ้าปากค้างด้วยอาการเหลือเชื่อในเวลาเดียวกัน
“พี่กั่ว!”
“ใช่พี่กั่วจริงๆใช่ไหม? ฉันไม่ได้มองผิดไปใช่ไหม!” เหลิ่งเฟิงเอ่ยอย่างตื่นเต้น
เฉินเอ้อร์กั่วยิ้ม “นายไม่ได้ตาบอด”
“ฉันเอง!”
ส่วนเหลยเป้านั้นรีบแสดงท่าทีทำความเคารพอย่างรวดเร็ว
“แก๊งเขี้ยวมังกร อยู่ในสาขาหลงเจียง กัปตันเหลยเป้า ได้พบกับราชามังกร!”
เนี่ยชิงหลงลงจากรถ ตบไหล่เหลยเป้าและเอ่ย “นายเป็นเด็กมีวาสนา”
“แม้แต่ฉันก็ไม่มีโอกาสได้อยู่เคียงข้างลูกพี่ได้ทุกวัน”
“เหลยเป้า นายทำได้ไม่เลวเลย ไม่ทำให้ฉันผิดหวัง ไม่ทำลายชื่อเสียงแก๊งเขี้ยวมังกรของพวกเรา”
“ขอบคุณครับ ราชามังกร!” ดวงตาของเหลยเป้าแดงก่ำด้วยความตื่นเต้น
ในสายตาของเหลิ่งเฟิงและเหลยเป้า เฉินเอ้อร์กั่วและเนี่ยชิงหลงนั้นเป็นเสมือนกับเทพพระเจ้า มองเห็นได้ แต่ไม่สามารถสัมผัสได้
เมื่อได้เปรียบเทียบแล้ว ฉินเทียนนั้นอยู่เหนือธรรมชาติ
พวกเขาอยู่กับฉินเทียน แม้ว่าฉินเทียนจะเข้าถึงได้ ทั้งสองคนเองก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัด แต่ภายในใจนั้นก็คิดและรู้สึกเสมอว่ามองเห็นได้แต่ไม่สามารถสัมผัสได้
เป็นเพราะสถานะและพลังวิชาของพวกเขาอยู่ห่างชั้นกับฉินเทียนอีกมาก
ดังนั้นเมื่อเห็นสองผู้บังคับบัญชาสูงสุดก็ยิ่งต้องยับยั้งชั่งใจมากขึ้น
“ที่บ้านไม่มีเรื่องอะไรใช่ไหม?” ฉินเทียนถามอย่างเป็นกันเองขณะที่เดินเข้าไปข้างใน
เหลิ่งเฟิงรีบเอ่ย “ไม่มีเรื่องอะไรครับ!”
“ทุกอย่างเป็นปกติดี!”
เหลยเป้าเองก็กล่าว “เพียงแต่ว่าลุงฉานแห่งคำสาปสวรรค์ถามถึงที่อยู่ของพี่เทียน ผมไม่รู้จะตอบอย่างไรเลยบอกไปเพียงแค่ว่าพี่เทียนเดินทางไปต่างแดน อีกหลายวันกว่าจะกลับ”
ฉินเทียนพยักหน้า “นายไปบอกลุงฉานให้องค์กรคำสาปสวรรค์นั้นเตรียมตัว”
“ค่ำคืนนี้ จัดงานเลี้ยงต้อนรับราชาหมาและราชามังกร”
“ทุกคนจะต้องรู้จักไว้”
“ช่างเถอะ นายกับเหลิ่งเฟิงไปเถอะ ช่วยพวกเขาเตรียมการ”
“ครับ!” เหลยเป้าและเหลิ่งเฟิงจากไปอย่างมีความสุข
เฉินเอ้อร์กั่วและเนี่ยชิงหลงอยู่ด้านหลังฉินเทียน มองไปยังอุทยานมังกรที่ยิ่งใหญ่ อดไม่ได้ที่จะทอดถอนหายใจ
เฉินเอ้อร์กั่วยิ้มและพูด “พี่ใหญ่ ไม่น่าแปลกใจหลังจากที่พี่กลับมาแล้วก็ไม่คิดอยากจะกลับไปอีก”
“แม้แต่สำนักงานใหญ่ก็ไม่ต้องการแล้ว”
“ที่แท้อยู่ที่นี่ ได้พบกับสถานที่ที่ดีเช่นนี้”
ฉินเทียนเห็นร่างที่สง่างามร่างหนึ่งยืนอยู่บริเวณประตูคฤหาสน์จากระยะไกล เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มและเอ่ย “สำหรับฉันแล้ว สถานที่นั้นไม่สำคัญ”
“สิ่งสำคัญก็คือสถานที่แห่งนี้มีใครอยู่มากกว่า”
“อยู่กับคนที่รัก อยู่ในกระท่อมมุงจากและกินขนมปังข้าวโพด นั่นก็เป็นเรื่องดี”
“ความรู้สึกนี้ สุนัขโสดอย่างพวกเนาย เกรงว่าคงจะมีประสบการณ์ไม่ถึงน่ะ”
ในเวลานี้ เฉินเอ้อร์กั่วและเนี่ยชิงหลงเองก็มองเห็นร่างสง่างามในระยะไกล นั่นคือซูซู
พวกเขาเอ่ยอย่างหมั่นไส้ “พี่ใหญ่ พวกเราเองก็อยากมีคู่นะ แต่หาผู้หญิงที่ดีอย่างพี่สะใภ้ไม่ได้เลย”
“ต่อให้จะมีสักครึ่งหนึ่งของพี่สะใภ้ก็ตาม”
“พี่ใหญ่ พี่สะใภ้มีเพื่อนสนิทกี่คน?”
ฉินเทียนหัวเราะยกใหญ่ เขาเห็นซูซูมองมาทางด้านนี้อย่างใจจดใจจ่อ ครั้งนี้เขารีบจากไป สีหน้าของซูซูนั้นนิ่งสงบ แต่คิดว่าคงจะเป็นกังวลไม่น้อย
เขารีบเดินไปด้วยความรวดเร็ว
“ภรรยา ดูสิ ฉันมาใครมา” เขากุมมือซูซูไว้และยิ้มพลางเอ่ย
ซูซูเม้มริมฝีปากและยิ้ม เธอเอ่ย “เอ้อร์กั่ว คิดไม่ถึงเลยว่านายจะมาจริงๆ”
“อีกคนคือใคร?”
เฉินเอ้อร์กั่วรีบเอ่ย “เขาคือเสี่ยวหลงหลง พี่สะใภ้ เขาเป็นเหมือนกับผม อยากให้พี่สะใภ้ช่วยแนะนำเพื่อนสนิท”
“แต่ว่า มาก่อนได้ก่อน มีเพื่อนสนิทก็ต้องแนะนำให้ผมก่อน ผมขอเลือกก่อนแล้วค่อยแนะนำให้เขา”