บัญชามังกรเดือด บทที่ 436 ฐานะเจ้าพ่อ
สีหน้าหม่าจั๋วชุนส่อกระอักกระอ่วนเอ่ยว่า: “ก็มีเหตุผล”
“ยังไงก็ตาม งานรวมญาติแบบนี้เขาไม่ควรมาสาย”
“อีกอย่าง ต่อให้งานยุ่งยังไงก็ควรแจ้งให้ฉันรู้ล่วงหน้า”
คนในตระกูลสังเกตสีหน้าท่าทาง นอกจากหม่าจั๋วโหวที่เงียบขรึมไม่พูดไม่จา คนอื่นก็รีบมีปฏิสัมพันธ์กับหม่าจั๋วชุนและหยางเสี่ยวหุ้ย
ในตระกูลหม่า หม่าจั๋วชุนกับหยางเสี่ยวหุ้ยต่างหากที่เป็นศรลม (ผู้ชี้ทิศทาง)
หม่าจินหลงแสยะยิ้มเอ่ยว่า: “พ่อ ผมว่าพี่ใหญ่ไม่กล้ามาแล้วล่ะ?”
“ภารกิจที่พ่อมอบหมายให้เขา เขาทำไม่สำเร็จ สุดท้ายผมกลับทำสำเร็จ”
“เขาน่าจะจงใจเนรเทศตัวเอง จึงไม่มีหน้ามาร่วมงานเลี้ยง”
ภารกิจ?
หม่าจินหลงทำภารกิจอะไรสำเร็จเหรอ? ทำท่ากระหยิ่มยิ้มย่องอย่างนั้นท่าทางคงไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ความประหลาดใจของเครือญาติถูกดึงดูดอีกครั้ง
ตอนนี้ พวกเขาถึงรู้สึกว่า งานเลี้ยงคนในตระกูลวันนี้ น่าจะไม่ธรรมดาซะแล้ว
หยางเสี่ยวหุ้ยยิ้มพลางรีบเอ่ยว่า: “จั๋วชุน ตอนนี้สัญญาก็เซ็นเรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องปิดเป็นความลับแล้วก็ได้มั้ง?”
“ลูกรีบบอกมาเร็ว”
หม่าจั๋วชุนกำลังจะเอ่ยปาก ในเวลานี้เองก็มีคนผู้หนึ่งเดินรีบร้อนเข้ามาจากด้านนอก
เขาเหงื่อท่วมตัว เสื้อผ้าก็ไม่เรียบร้อย
พอเข้าประตูมา รีบเอ่ยอย่างรู้สึกผิดว่า: “พ่อ ป้าหยาง ท่านลุงท่านป้าทุกคน ขอโทษด้วยที่ผมมาช้า”
หม่าจินหยู่นั่นเอง
หลายปีมานี้ แม้เขาจะเคารพแม่เลี้ยงอย่างหยางเสี่ยวหุ้ย แต่ว่าก็เรียก “ป้าหยาง” มาตลอด ส่วนคำว่า “แม่” เรียกยังไงก็เรียกไม่ออก
และเรื่องนี้ หม่าจั๋วชุนเองก็แอบเตือนหม่าจินหยู่อยู่ไม่น้อย เพราะเบื้องหลังของหยางเสี่ยวหุ้ยก็ไม่ธรรมดา
หม่าจั๋วชุนเตือนบุตรชายคนโตให้เปลี่ยนคำเรียกว่าแม่ จากมุมมองส่วนตัวก็เพื่อเป็นการดีต่อบุตรชายคนโต
แต่หม่าจินหยู่ดูแล้วเป็นคนภักดีและจิตใจดี ดื้อดึงบ้างเป็นบางคราว ไม่ว่ายังไงก็ไม่ยืมเปลี่ยนคำ
จำใจทนไม่ไหวก็ค่อย ๆ ตีตัวออกห่างจากหม่าจวินยู่ หลายปีมานี้พ่อลูกก็ไม่ค่อยคุยความในใจกัน
ทว่า มารดาแท้ ๆ ของหม่าจินหยู่ หรือก็คือภรรยาเก่าของหม่าจั๋วชุน เรียกได้ว่าตอนนั้นก็ตายแทนหม่าจั๋วชุน
รถคว่ำตอนนั้น ถ้าไม่เพราะภรรยาเอาตัวมาขวางไว้ในช่วงคับขัน คนที่ตายก็ต้องเป็นเขา
ดังนั้นหม่าจั๋วชุนก็มักจะรู้สึกผิดต่อบุตรชายคนโตที่เสียมารดาไปตั้งแต่เด็ก
บวกกับความสามารถและคุณลักษณะของหม่าจินหยู่ ที่โน้มน้าวผู้คนได้ ดังนั้นหม่าจั๋วชุนจึงจัดตำแหน่งที่สำคัญในบริษัทให้เขา
เรียกว่าถูกปลูกฝังให้เป็นผู้สืบทอดในระดับหนึ่งแล้ว
หากไม่มีเรื่องเหนือความคาดหมาย เขาไม่ถือสาที่ต่อไปจะมอบกิจการตระกูลหม่าให้อยู่ในมือของบุตรชายผู้นี้
แน่นอนย่อมรวมถึงผลประโยชน์ของหยางเสี่ยวหุ้ยแม่ลูก ดังนั้น ที่หยางเสี่ยวหุ้ยกับหม่าจินหลงปฏิบัติต่อหม่าจินหยู่ไม่ต้องบอกก็เป็นที่รู้กัน
เวลานี้ ทุกคนต่างดูหรูหราในงานรวมเครือญาติ เจ้าลูกคนโตนอกจากจะมาสายแล้วยังมอมแมมไปทั้งตัวด้วย
ดูแล้วไม่มีระดับถึงขั้นไร้ราคา
ดังนั้น สีหน้าของหม่าจั๋วชุนจึงดูไม่จืด
“นายน้อยใหญ่ สินค้าล็อตนั้นส่งออกไปหมดแล้วยัง?”
“ลูกค้าต่างชาติกำชับอยู่ตลอดว่าห้ามผิดพลาด” หม่าจั๋วโหวถามด้วยความเอาใจใส่ ที่เขาพูดอย่างนี้ก็เพื่อกู้สถานการณ์ให้หม่าจินหยู่
“วางใจเถอะลุงโหว ผมจับตาดูตอนขนขึ้นรถอยู่ ไม่มีปัญหาแน่นอน”
“ลุงโหว ลูกค้าต่างชาติบอกว่า ถ้าครั้งนี้ทำให้พวกเขาพอใจได้ ต่อไปก็จะมีออเดอร์เยอะกว่านี้ให้เรา”
หม่าจั๋วโหวหัวเราะเอ่ยว่า: “ลูกค้ารายนี้มีความสำคัญต่อการเปิดตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของพวกเรามาก คุณชายใหญ่สร้างผลงานให้วงศ์ตระกูลอีกแล้ว!”
หม่าจินหยู่รีบเอ่ยว่า: “ไม่พ้นความร่วมแรงร่วมใจของทุกคน ผมก็แค่ทำในสิ่งที่ผมควรทำ”
เครือญาติที่เหลือคนอื่นก็เอ่ยคำชมบ้าง
ถ้าต่อไปมีคนอย่างหม่าจินหยู่มาสืบทอด สำหรับพวกเขาแล้วถือว่าเป็นข้อดี
หม่าจินหยู่ไม่เพียงมีความสามารถ มีมันสมอง ที่สำคัญกว่านี้คือ เป็นคนซื่อสัตย์ไม่อยุติธรรมกับคนในวงศ์ตระกูลแน่
สีหน้าหม่าจั๋วชุนจึงอุ่นใจขึ้นเล็กน้อย พยักหน้าแล้วเอ่ยว่า: “ลำบากเธอแล้ว”
“นั่งลงสิ กินอะไรก่อนสักหน่อย”
“ขอบคุณท่านพ่อมาก ๆ” หม่าจินหยู่นั่งลงโต๊ะตัวหนึ่งที่ว่างอยู่ด้านหลัง
เขาหิวแล้วจริง ๆ จึงหยิบตะเกียบกินไปสองสามคำ
หยางเสี่ยวหุ้ยอดเหลือกตาขาวมองบนไม่ได้ ในสายตาของหล่อน หม่าจินหยู่ก็คือยาจกที่จะมาเชิดหน้าไม่ได้
เหมือนแม่ของเขาที่ตายไป เป็นพวกชั้นต่ำ
หล่อนแสยะยิ้มเอ่ยว่า: “จินหยู่ เธอรีบกินเข้าเถอะ”
“พ่อของเธอมีเรื่องสำคัญจะประกาศ พวกเรารอเธอกินเสร็จ”
หม่าจินหยู่วางตะเกียบลงอย่างตะขิดตะขวงเอ่ยว่า: “ขอโทษครับคุณป้า ผมไม่รู้ว่าท่านพ่อมีเรื่องจะประกาศ”
“ท่านพ่อ เชิญว่าเลย ผมทานอิ่มแล้ว”
หม่าจั๋วชุนมองดูหม่าจินหลงเอ่ยว่า: “เรื่องนี้เธอเป็นคนทำสำเร็จ จินหลง เธอบอกทุกคนด้วยตัวเองดีกว่า”
“ครับ!”
หม่าจินหลังทำเสียงกระแอมเอ่ยด้วยความคึกคักว่า: “ทุกท่าน ฟังให้ดี”
“การเจรจาก่อนหน้าที่ล้มเหลว และทงต๋าเอ็กซ์เพลสที่เราต้องปล่อยหลุดมือไป ตกอยู่ในมือของผมแล้ว!”
ทงต๋าเอ็กซ์เพลส?ผู้คนทั้งหมดตกตะลึงกัน บางส่วนรู้สึกเหลือเชื่อ
หม่าจินหยู่รีบเอ่ยขึ้นทันควันว่า: “จินหลง นายหมายความว่า นายซื้อทงต๋าเอ็กซ์เพลสไว้แล้ว?”
“เป็นไปได้ยังไง?”
หม่าจินหลงแสยะยิ้มเอ่ยว่า: “พี่ใหญ่ เดิมทีภาระกิจนี้ท่านพ่อมอบให้พี่”
“พี่น่าจะรู้ การซื้อทงต๋าเอ็กซ์เพลส สำคัญกับพวกเรามากแค่ไหน”
“ในสถานการณ์อย่างนี้ พี่กลับเจรจาล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า เป็นความอัปยศอดสูต่อวงศ์ตระกูลอย่างใหญ่หลวง”
“ดีที่ฉันออกโรงเลยได้มาอยู่ในมือแล้ว”
“ทุกท่าน ต่อไปโลจิสติกส์กรุ๊ปตระกูลหม่าของเราก็มีทีมเพิ่มขึ้น เมื่อมองไปทั่วภาคใต้ก็ไม่มีใครที่จะแข่งขันด้านโลจิสติกส์กับตระกูลหม่าได้แล้ว!”
“ดี!”
“คุณชายรองเยี่ยมไปเลย!”
“นี่เป็นข่าวที่ดีที่สุดในปีนี้เลย!” พวกที่ใกล้ชิดหม่าจินหลงต่างปรบมือเกรียวกราว
“พี่ใหญ่ ตอนนี้พี่มีอะไรจะพูดอีกมั๊ย?” หม่าจินหลงมองหม่าจินหยู่อย่างผู้ชนะ
หม่าจินหยู่คิ้วหมวด
ทงต๋าโลจิสติกส์ขนส่งอะไหล่ขนาดเล็กเป็นหลัก เป็นตลาดอีคอมเมิร์ซที่เฟื่องฟูเกิดขึ้นได้จังหวะ เรียกได้ว่ามีศักยภาพมหาศาล
หม่าจินหยู่เคยติดต่อหลิวชั่นเจ้าของของพวกเขาอยู่หลายครั้ง
จากการเจรจา หม่าจินหยู่พบว่า เขาเป็นคนที่มีความฝันอย่างแท้จริงที่อยากทำสิ่งนั้นให้เป็นจริง
เขามีมโนทัศน์ทางธุรกิจที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง และยังมีปณิธานที่จะขยายเครือข่ายทงต๋าโลจิสติกส์ให้ทั่วประเทศภายใน 5 ปี
และคำสั่งที่หม่าจินหยู่ได้รับคือเข้าซื้อกิจการทั้งหมดของทงต๋าโลจิสติกส์ และท้ายที่สุดคือเข้าควบคุมหุ้นอย่างสมบูรณ์
และเสนอราคาที่ต่ำกว่าตลาด
นี่เป็นสไตล์ที่ผ่านมาของตระกูลหม่า เท่ากับการปล้นสดมในระดับหนึ่ง
ตระกูลหม่าพึ่งการทำโลจิสติกส์สร้างฐานะ พอใหญ่โตก็แทบจะผูกขาดตลาดโลจิสติกส์ที่มีอยู่ทั้งหมดในภาคใต้
ส่วนบริษัทโลจิสติกส์อื่น ๆ ไม่เข้าหอการค้าแก๊งหม่ากลายเป็นลูกน้องของตระกูลหม่าคอยฟังคำสั่ง
ก็ถูกกว้านซื้อ
อันที่จริงหลังจากถูกกว้านซื้อแล้ว ตระกูลหม่าก็ไม่ได้บริหารบริษัทเหล่านี้ให้ดี ที่พวกเขาจ่ายเงินกว้านซื้อก็เพื่อทำลายคู่แข่งทางการค้ารักษาความเป็นเจ้าพ่อเอาไว้เท่านั้น
ส่วนหลิวชั่นเจ้าของทงต๋าโลจิสติกส์ ไม่ยอมเข้าร่วมหอการค้าแก๊งหม่า ยั่วตระกูลหม่าโมโห
หม่าจั๋วชุนจึงลั่นวาจาว่าจะเข้าซื้อทงต๋าให้ได้ เขาแล้วคนในตระกูลหม่าหลายคนทนไม่ได้ที่จะมีคนตีเสมอบริษัทโลจิสติกส์ของพวกเขาในภาคใต้
บทที่ 435 ออกรบ
บทที่ 437 รู้ว่าผิด