หยางเสี่ยวหุ้ยจูงมือหม่าจั๋วชุนชม้อยตาเอ่ยว่า: “ยังไงก็เป็นลูกชายของตัวเอง ไม่เห็นต้องโมโหเลย”
“ตอนนี้เมืองจิ่นหูจะพัฒนาเขตใหม่ ได้ข่าวว่าพื้นที่เขตนั้นจะเป็นศูนย์กลางเมืองอีกแห่งในอนาคต”
“จั๋วชุน คุณก็อยากได้ที่ดินตรงนั้นสักผืนก่อตั้งสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ไม่ใช่เหรอ?”
“ฉันว่า ก็มอบภารกิจนี้ให้จินหยู่เขาสิ”
“ที่ดินหรูอี้เลคไซด์หมายเลข 1 ก็จะเปิดประมูลแล้ว ถ้าจินหยู่เอาที่ดินผืนนี้มาได้คุณก็อภัยให้เขาเถอะ”
พอได้ยินคำนี้ คนในตระกูลก็ซุบซิบกันอีกครั้ง
ทุกคนต่างรู้ดีถึงความสำคัญของเขตใหม่ แต่ว่า ที่ผ่านมาธุรกิจหลักของตระกูลหม่าไม่ใช่อสังหาริมทรัพย์
แม้จะมีบริษัทอสังหาริมทรัพย์อยู่แห่งเดียว แต่ที่มากกว่าคือความสำคัญทางกลยุทธ์
ตอนนี้ ให้หม่าจินหยู่ไปประมูลที่ดินทองหรูอี้เลคไซด์หมายเลข 1 เขตใหม่ เรียกว่าเป็นภารกิจที่ไม่มีทางสำเร็จแน่
อีกทั้ง ทุกคนต่างรู้ว่า ทางบ้านแม่ของหยางเสี่ยวหุ้ยหรือก็คือตระกูลหยาง ก็เป็นหนึ่งในห้าตระกูลใหญ่แห่งเมืองจิ่นหู ซึ่งมีศักยภาพเหนือกว่าตระกูลหม่าอีก
พวกเขาทำธุรกิจอสังหา ฯ เป็นหลัก ทำเลชัยภูมิที่สำคัญอย่างนี้ ตระกูลหยางต้องคว้าไว้ให้ได้แน่นอน
หยางเสี่ยวหุ้ยเสนอให้หม่าจินหยู่รับภารกิจนี้ในเวลานี้ ไม่ต่างอะไรจากการเอาชีวิตของเขา
หม่าจั๋วชุนมองดูหม่าจินหยู่เอ่ยอย่างเย็นชาว่า: “เธอกล้ารับมั๊ย?”
หม่าจั๋วโหวที่อยู่ข้าง ๆ รีบส่ายหน้า ส่งสัญญาณให้หม่าจินหยู่ว่าอย่ารับ
หม่าจินหยู่ทำเสียงขรึมเอ่ยว่า: “ถ้าผมทำภารกิจนี้สำเร็จก็จะคืนทงต๋าโลจิสติกส์ให้หลิวชั่นใช่มั๊ย?”
“แก——”
“สารเลว!”
หม่าจั๋วชุนโกรธจนหน้ามืดแล้ว นึกไม่ถึงว่าเวลานี้หม่าจินหยู่ยังจะกล้าพูดถึงเรื่องนี้
เขาเอ่ยด้วยความโมโหว่า: “ได้!”
“ถ้าแกเอาที่ดินหรูอี้เลคไซด์หมายเลข 1 มาได้ ฉันจะมอบทงต๋าโลจิสติกส์ให้แก!”
“แต่ถ้าไม่สำเร็จ——”
“ก็จงไสหัวไปจากตระกูลหม่าซะ!”
พอพูดจบก็เดินสะบัดออกไป
คนในตระกูลต่างมองหน้ากัน มองไปยังสายตาของหม่าจินหยู่ ส่วนน้อยเห็นใจ ส่วนใหญ่เฉยชา
พวกเขารู้ว่า คุณชายใหญ่ที่ไม่รู้จักดีชั่ว ต้องออกจากกิจการที่ใหญ่โตในอนาคตของตระกูลแล้วล่ะ
อารมณ์คนแปรปรวน
เมื่อก่อน หม่าจินหยู่มีความหวังว่าจะกลายเป็นผู้สืบทอด ดังนั้นคนในตระกูลจึงเกรงใจเขากัน ตอนนี้ กลายเป็นคนผ่านทางโดยทันที
“พี่ใหญ่ ขอให้พี่โชคดีนะ”
“จริงสิ ตอนนี้ผมมีอำนาจสั่งการกำลังคนหนึ่งในสาม ถ้าพี่ต้องการก็ขอให้บอกผม”
“น้องชายจะช่วยพี่ชายอย่างแน่นอน” หม่าจินหลงหัวเราะฮ่า ๆ จากไป
“ยินดีกับคุณชายรองด้วย!”
“คุณชายรองเยี่ยมไปเลย!”
“คนที่จะทำงานใหญ่ อย่าสนใจเรื่องเล็ก คุณชายรองไม่ทำให้พวกเราผิดหวังจริง ๆ! “คนในตระกูลเหล่านั้นก็ไปสอพลอหม่าจินหลงในทันที
ห้องโถงอันโอ่อ่าจึงเหลือเพียงหม่าจั๋วโหวกับหม่าจินหยู่
หม่าจั๋วโหวถอนใจเอ่ยว่า: “คุณชายใหญ่ ทำอย่างนี้ไปเพื่ออะไร?”
“แตกหักกับคนในตระกูลเพื่อคนนอก มันคุ้มเหรอ?”
หม่าจินหยู่ก้มหน้าลงเอ่ยว่า: “ผมรู้”
“ว่าแต่ ลุงโหว ถ้าผมไม่ต่อสู้เพื่อหลิวชั่น คงผิดต่อมโนธรรมของผม”
“ลุงก็เคยเห็นหลิวชั่น เขาเป็นคนมีอุดมคติมีหลักการคนหนึ่ง ทงต๋าโลจิสติกส์ เป็นชีวิตของเขา”
“ตระกูลทำอย่างนี้ เท่ากับเอาชีวิตของหลิวชั่น”
“ลุงโหว ผมหวังว่าลุงจะช่วยเรื่องนี้ผมได้”
หม่าจั๋วโหวเอ่ยอย่างจนใจว่า: “การจะเอาที่ดินหรูอี้เลคไซด์นั้น ยังไงก็เป็นภารกิจที่เป็นไปไม่ได้”
“คุณชายใหญ่ ผมก็ไม่สามารถเหมือนกัน”
“ผมว่า คุณชายรอเจ้าบ้านใจเย็นลงแล้วไปขอโทษเขาดี ๆ ให้เขายกเลิกภารกิจนี้ดีกว่า”
“คุณก็รู้ว่าเจ้าบ้านรักหน้าตาที่สุด คุณย้อนเขาต่อหน้าธารกำนัน ไม่ต่างจากหาเรื่องลำบากใส่ตัว”
หม่าจินหยู่เอ่ยอย่างหนักแน่นว่า: “ผมไม่เปลี่ยนความคิดแน่”
“ที่ดินหรูอี้เลคไซด์ผืนนั้น ผมจะหาทางเจรจา ลุงโหว ที่ผมอยากให้ลุงช่วยคือ รีบหาทางติดต่อหลิวชั่นโดยเร็ว”
“ให้เขามาพบผม”
“บอกเขาว่า ผมจะช่วยเขาเอาทงต๋าโลจิสติกส์กลับมาแน่นอน”
หม่าจั๋วโหวเอ่ยอย่างจนใจว่า: “ก็ได้”
“ว่าแต่นายน้อยใหญ่ ยังไงผมก็หวังว่าคุณจะคิดถึงตัวเองให้มาก ๆ”
……
“ฮ่า ๆๆๆ!”
“สะใจ!”
“สะใจจริง ๆ เลย!”
“นับจากนี้ไป ผมก็เป็นผู้สืบทอดตระกูลหม่าเจ้าบ้านในอนาคตแล้ว!”
“หม่าจินหยู่เจ้างี่เง่า คิดจะสู้กับฉันยังอ่อนหัดไป!”
หม่าจินหลงกลับไปถึงคฤหาสน์หรู ได้ใจจนลืมตัว
เขาเรียกหม่าเทียนหมิงกับเวินเหวินมาเอ่ยว่า: “ฉันรู้ว่าพวกนายต่างเกลียดฉินเทียนเจ้าหมอนั่นจะตาย”
“ช่วงนี้ฉันไม่ได้ล้างแค้นให้พวกนายก็เพราะว่ามีเรื่องสำคัญต้องจัดการ”
“ตอนนี้ งานใหญ่สำเร็จแล้ว งานต่อไปก็คือล้างแค้นให้พวกนาย!”
“ฉันจะให้ฉินเทียนรู้ว่า การบังอาจมาแตะต้องคนของหม่าจินหลง สู้ตายเสียดีกว่าอยู่!”
หม่าเทียนมิงเอ่ยด้วยความคึกคักว่า: “พี่หลง พี่เตรียมตัวจะจัดการยังไง?”
เวินเหวินพอนึกถึงความเจ็บปวดที่แขนหักก็ตาแดงก่ำกัดฟัดเอ่ยว่า: “ฉินเทียน ต้องตาย!”
“ขอให้นายน้อยสั่งการ ผมจะพาคนไปหลงเจียงด้วยตัวเอง”
“ไม่ต้อง” หม่าจินหลงแสยะยิ้มเอ่ยว่า: “ลำพังแค่ฉินเทียน พวกเราไม่ต้องถึงขั้นไปด้วยตัวเองหรอก”
“ฉันมีวิธี ให้เขามาฉันโดยดี”
“เทียนหมิง จากข้อมูลที่นายตรวจสอบมาก่อนหน้าบอกว่า ซูยู่กรุ๊ปของฉินเทียนกับเมียของเขา ในนั้นมีบริษัทหนึ่งชื่อเทียนโก่วอีคอมเมิร์ซใช่หรือเปล่า?”
“ใช่!”
“พี่หลง พี่เตรียมจะลงมือจากเทียนโก่วอีคอมเมิร์ซเหรอ?”
หม่าจินหยงแสยะยิ้มเอ่ยว่า: “งานพัสดุด่วนทั้งหมดของเทียนโก่วอีคอมเมิร์ซ ทงต๋าเอ็กเพลสเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด”
“ตอนนี้ ทงต๋าเอ็กซ์เพลสเป็นของฉันแล้ว”
พูดจบเขาก็กดโทรศัพท์โทรออกเอ่ยอย่างเฉยชาว่า: “พอฟ้าสาง ให้ส่งหนังสือถึงเทียนโก่วอีคอมเมิร์ซทันที แจ้งพวกเขาว่า เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงเจ้าของกรรมสิทธิ์บริษัท นับจากบัดนี้เป็นต้นไป ขอระงับความร่วมมือทุกอย่างกับพวกเขา”
“ถ้าอยากจะร่วมมือกันต่อไป ให้ผู้อำนาจของพวกเขามาเจรจาสัญญากันใหม่”
หม่าเทียนหมิงเอ่ยด้วยความคึกคักว่า: “เยี่ยมไปเลย!”
“เทียนโก่วอีคอมเมิร์ซสำหรับฉินเทียนแล้ว ก็เท่ากับแขนข้างหนึ่ง และสิ่งสำคัญที่สุดของอีคอมเมิร์ซก็คือ การขนส่ง”
“พี่หลงตัดการขนส่งของพวกเขาทิ้ง ก็เท่ากับตัดขาของเทียนโก่วอีคอมเมิร์ซ”
“ฉินเทียนนั่งไม่ติดต้องวิ่งมาอ้อนวอนแน่นอน!”
แสยะยิ้มเอ่ยว่า: “บังอาจมาแตะต้องคนของฉัน ฉินเทียนต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างที่เขาคาดไม่ถึง”
“พวกนายรอดูเรื่องสนุกก็แล้วกัน”
ท้องฟ้าสดใส ฉินเทียนกับซูซูเพิ่งจะงัวเงียตื่นนอน
เนื่องจากวันนี้ฉินเทียนต้องออกเดินทางไปเมืองจิ่นหู ดังนั้นเมื่อคืนพวกเขาจึงใช้เวลาค่ำคืนยากจะลืมเลือน
“แย่แล้ว กี่โมงแล้ว?”
“สายแล้วใช่มั๊ย?”
สีหน้าซูซูรู้สึกผิด
ฉินเทียนหัวเราะเอ่ยว่า: “ที่รัก วันนี้วันอาทิตย์นะ คุณลืมแล้วเหรอ?”
ซูซูถอนใจโล่งอกแล้วก็ล้มตัวลงต่อเอ่ยว่า: “อย่างนั้นฉันนอนต่ออีกเดี๋ยว”
เพิ่งจะหลับตาลงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เป็นหลิวชิงโทรมา
พอเธอรับสายก็เอ่ยอย่างขี้เกียจว่า: “ประธานหลิว วันนี้วันอาทิตย์ ให้ฉันตื่นสายหน่อยไม่ได้เหรอ?”
“ประธานซู เกิดเรื่องแล้ว!” เสียงของหลิวชิงเคร่งขรึมอย่างมาก
ซูซูตกใจรีบตื่น หมดความอยากนอนขึ้นทันใด
เธอลุกขึ้นนั่งเอ่ยว่า: “มีอะไร เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
“เมื่อสักครู่เพิ่งได้ข่าวว่า บริษัทโลจิสติกส์ที่เทียนโก่วอีคอมเมิร์ซร่วมมือ ได้ระงับความร่วมมือทั้งหมดกับพวกเรา”
“การขนส่งเป็นโลหิตที่หล่อเลี้ยงธุรกิจอีคอมเมิร์ส ส่งพัสดุด่วนไม่ออกต้องตายแน่!”